Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของมนุษย์ (ทฤษฎีการเรียนรู้…
ทฤษฎีพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของมนุษย์
ทฤษฎีพัฒนาการตามขั้นตอนประจำวัยของฮาวิคเฮิสท์
แนวคิดของโรเบิร์ต เจ. ฮาวิกเฮิสท์
ได้ให้ชื่อว่า งานที่มนุษย์ ทุกคนจะต้องทำตามวัยว่า “งานพัฒนาการ” หมายถึง งานที่ทุกคนจะต้องทำในแต่ละวัยของชีวิต สัมฤทธิ์ผลของงานพัฒนาการของงานแต่ละวัย
ตัวแปรที่สำคัญในการพัฒนามี 3 อย่าง
วุฒิภาวะทางร่างกาย
ความมุ่งหวังของสังคมและกลุ่มที่แต่ละบุคคลเป็นสมาชิกอยู่
ค่านิยม แรงจูงใจ ความมุ่งหวังส่วนตัวและความทะเยอทะยานของแต่ละบุคคล
3.1 ความพร้อมเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (Natural Readiness Approach)
3.2 ความพร้อมเกิดจากการกระตุ้น (Guided Experience Approach)
ทฤษฎีพัฒนาการตามขั้นตอนประจำวัยของฮาวิกเฮิสท์
2.วัยเด็กตอนกลาง (middle childhood) อายุ 6-12 ปี
3.วัยรุ่น (adolescence) อายุ12-18 ปี
1.วัยทารกและวัยเด็กตอนต้น (infancy and early childhood) แรกเกิด-6 ปี
4.วัยผู้ใหญ่ตอนต้น (young adulthood)
อายุ 18-35 ปี
5.วัยกลางคน (middle adulthood)
อายุ 35-60 ปี
6.วัยสูงอายุ (old age) อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค (Classical Conditioning)
ผู้ที่ทำการศึกษาทดลองในเรื่องนี้ คือ พาฟลอฟ ซึ่งเป็นนักสรีระวิทยาชาวรัสเซีย เขาได้ ทำการศึกษาทดลองกับสุนัขให้ ยืนนิ่งอยู่ในที่ตรึงใน ห้องทดลอง
การทดลองแบ่งออกเป็น 3 ขั้น
ก่อนการวางเงื่อนไข (Before Conditioning)
ระหว่างการวางเงื่อนไข
(During Conditioning)
หลังการวางเงื่อนไข
(After Conditioning)
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism Theory)
หลักการเรียนรู้
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยง กล่าวถึง การเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง โดยมีหลัก พื้นฐานว่า การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองที่มักจะออกมาในรูปแบบ ต่างๆ หลายรูปแบบ โดยการลองถูกลองผิด จนกว่าจะพบรูปแบบที่ดีและเหมาะสมที่สุด
กฎแห่งการเรียนรู้
1.กฎแห่งความพร้อม
(law of readiness)
กฎแห่งการฝึกหัด
(low of exercise)
3.กฎแห่งผลที่พึงพอใจ
(law of effect)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระท าของ บี เอฟ สกินเนอร์ (B.F. Skinner, 19041990)
หลักการและแนวคิดที่สำคัญ
เกี่ยวกับการวัดพฤติกรรมตอบสนอง สกินเนอร์ เห็นว่าการศึกษาจิตวิทยาควรจากัดอยู่ เฉพาะพฤติกรรมที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
อัตราการตอบสนองและการเสริมแรง สกินเนอร์ เชื่อว่าโดยปกติการพิจารณาว่าใครเกิด การเรียนรู้หรือไม่เพียงใดนั้นจะสรุปเอาจากการเปลี่ยนแปลงการตอบสนอง
ประเภทของตัวเสริมแรง ตัวเสริมแรงนั้นอาจแบ่งออกได้เป็น
๒ ลักษณะคือ
ตัวเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcer)
ตัวเสริมแรงลบ (Negative Reinforcer)
ตัวเสริมแรงปฐมภูมิ (Primary Reinforcer)
ตัวเสริมแรงทุติยภูมิ
ตารางกำหนดการเสริมแรง
ทฤษฎีพัฒนาการทางความคิดหรือสติปัญญาของเพียเจต์ (The Cognitive Theory of Jean Piaget)
มโนทัศน์พื้นฐานของทฤษฎีพัฒนาการด้านสติปัญญาของเพียเจต์
เพียเจต์เชื่อว่า เด็กไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรู้และความคิด
การเจริญเติบโตทางความคิดพัฒนาไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทางกายด้านต่างๆ
เพียเจต์มีแนวคิดที่เชื่อว่า พัฒนาการเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว ไม่คงที่และมีวิวัฒนาการ
เพียเจต์ กล่าวว่า ความเข้าใจหรือ พัฒนาการทางสติปัญญาเป็นส่วนร่วมของ 4 องค์ประกอบ
4.1 วุฒิภาวะ (Maturation)
4.2 ประสบการณ์ทางกาย (Physical-experience)
4.3 การถ่ายทอดทางสังคม (Social Transmission)
4.4 หลักภาวะสมดุล (Equilibration)
เพียเจต์ ได้แบ่งขั้นพัฒนาการออกเป็น 4 ขั้นใหญ่ๆ
ขั้นที่ 1 ระยะประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว (The Sensori-motor Period)
ขั้นที่ 2 ระยะการคิดในขั้นก่อนปฏิบัติการ (The Period of Preoperational Though)
ขั้นที่ 3 ระยะปฏิบัติการด้วยรูปธรรม (The Period of Concrete Operation)
ขั้นที่ 4 ระยะปฏิบัติการด้วยนามธรรม (The Period of Formal Operation)
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของไวก็อตสกี้ (Vygotsky Theory)
มโนทัศน์พื้นฐานของทฤษฎี
ไวก็อตสกี้ อธิบายพัฒนาการของมนุษย์ว่า เป็นอิทธิพลของการอบรมเลี้ยงดูที่ถ่ายทอด วัฒนธรรม ค่านิยม และความเชื่อให้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิด
ไวก็อตสกี้แบ่งระดับสติปัญญาออกเป็น 2 ขั้น คือ
2.1 ระดับสติปัญญาเบื้องต้น
2.2 ระดับสติปัญญาขั้นสูง
ไวก็อตสกี้ แบ่งพัฒนาการทางภาษาออกเป็น 3 ขั้น คือ
3.1 ภาษาสังคม
3.2 ภาษาพูดกับตนเอง
3.3 ภาษาภายในตนเอง
ไวก็อตสกี้ เชื่อว่า การเรียนรู้เกิดขึ้นจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้ใหญ่ และการ เรียนรู้ที่เด็กมีในสภาวะสังคมและวัฒนธรรม
ทฤษฎีมนุษยนิยม
ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s Humanistic Theory)
ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ทั้ง 5 ขั้น
ขั้นที่ 3 ความต้องการทางสังคม
(Social needs)
ขั้นที่ 4 ความต้องการมีเกียรติยศมีศักดิ์ศรีในสังคม
(esteem needs หรือ egoistic needs)
ขั้นที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย
(Safety needs)
ขั้นที่ 5 ความต้องการสมหวังในชีวิต
(self-actualization หรือ self-fulfillment needs)
ขั้นที่ 1 ความต้องการทางด้านร่างกาย
(Physiological needs)