Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหาร - Coggle Diagram
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหาร
ทฤษฎีการบริหารแบบนีโอคลาสิกหรือดั้งเดิม(Classical Theory)
= ทฤษฎีที่เน้นการบริหารที่ตัวงานอย่างมีระเบียบแบบแผน มีกฎเกณฑ์ และเหตุผล
1.ทฤษฎีการบริหารเชิงวิทยาศาสตร (Scientific Management)
1.1 เฟรดเดอริควินสโลว์ เทเลอร์ (Frederick winslowtaylor) สามารถแก้ไขได้ด้วยการออกแบบงาน และการจัดสิ่งจูงใจใหม่มีหลักที่สําคัญไว้ 4 ประการ
1.2 เฮนรี่ แก๊นต์ (Henry L Gantt)
1.3 แฟรงค์ บังเกอร์ กิลเบรธ (Frank Bunker Gillbreth) การทํางานด้วยการแบ่งงานออกตามความชํานาญเฉพาะด้านและแบ่ง งานเป็นส่วนๆ (division of work) จะทําได้ดียิ่งขึ้น
1.4 ลิเลียน กิลเบรธ (Lilian Gillbreth)
ทฤษฎีการบริหารแบบนีโอคลาสิก หรือดั้งเดิม(Classical Theory)
ทฤษฎีระบบราชการ (bureaucracy) = เสนอทฤษฎีที่เป็นแนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างขององค์การซึ่งเน้นการมีเหตุผลเป็นสำคัญ
1) มีการแบ่งงานกันทำ
2) มีการจัดระบบตำแหน่งหน้าที่ตามสายบังคับบัญชาระดับสูงมายังระดับตํ่า
3) มีการกำหนดระเบียบข้อบังคับกฎเกณฑ์ต่างๆ
4) บุคลากรทางทำหนาที่ที่กำหนดไวอยางเป็นทางการ
5) การจ้างงานใช้หลักคุณสมบัติทางวิชาชีพ
6) มีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่
7) มีอำนาจหน้าที่
ทฤษฎีการจัดการเชิงบริหาร (administrative management)
ใช้วิธีบริหารตัวองค์การให้มีประสิทธิภาพโดยมีหลักการให้ผู้บริหารเป็นผู้ประสานกระบวนการต่างๆภายในองค์การเข้าด้วยกันซึ่งกระบวนการบริหารจะแตกต่างกันไปตามแนวคิดทางการบริหารของแต่ละคนซึ่งทฤษฎีนี้จะมีนักคิดทางการบริหารที่สำคัญ ได้แก่
ลูเทอร์กูลิคและลินดอลล์เออร์วิค (Luther Gulick and LyndalUrwick)
เฮนรี่ฟาโยล (Henry )
ทฤษฎีการบริหารยุคนีโอคลาสิก (NEO–Classical Theory)
แมคเกรเกอร์(Douglas McGregor) เจ้าของทฤษฎี X and Y theory
ตามทฤษฎี Y
ควบคุมตนเองได้ ไม่ต้อง ควบคุมบังคับบัญชาและตรวจสอบ
มีความรับผิดชอบงานทีได้รับมอบหมาย
จูงใจให้ทํางาน
ผู้บริหารการพยาบาลยังจําเปนต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณา วิธีการบริหารให้เหมาะกับผู้ตามหรือผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละ สถานการณ์ จึงจะเกิดผลดีทีสุด
ตามทฤษฏี X
ใช้วิธีบังคับข่มขู่
ควบคุมให้ทํางานตลอดเวลา
วิลเลียม กูซี (William G. Quchi)
เป็นแนวคิดการบริหารแบบญีปุ่นให้ ความสําคัญกับกลุ่มไม่ใช่ตัวบุคคล
แนวคิดของทฤษฎีแซด
มุ่งแสวงหาความสัมพันธ์ทีใกล้ชิดระหว่างกัน โดยอยู่ในกรอบของปรัชญาองค์การทีระบุไว้
ผู้ปฏิบัติงานจะขาดความคุ้นเคยกัน เพราะสภาพแวดล้อมของงานทีจัดไ้ว้
มีจิตสํานึกทีดีในด้านความผูกพันทางใจ
ผู้ปฏิบัติงานสามารถไว้วางใจได้ โดยทํางานไม่บกพร่อง
เอลตัน เมโย (Elton Mayo)
เปนผู้วางรากฐานทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์
วิธีจะเพิมประสิทธิภาพในการทํางาน สามารถทําได้โดยต้องทุ่มเทสนใจปญหาและความต้องการ ของมนุษย์ในส่วนทีเกียวข้องกับการทํางาน
องค์ประกอบอืนๆ
การให้อิสระ
การปฏิบัติต่อบุคลากรโดยเข้าใจใน ค่านิยม ความเชือ อารมณ์ ความรู้สึก
เชสเตอร์ บาร์ นาร์ด (Chester I. Barnard. 1938)
เกี่ยวกับพฤติกรรมความร่วมมือ
อับราฮัม มาสโลว์ (AbrahamMaslow)
มนุษย์มีความต้องการรอยู่ตลอดเวลาและไม่สิ้นสุด ความต้องการของมนุษย์จะเป็นไปตามลำดับชั้นจากต่ำ ไปหาสูง
เฟรเดริคเฮิร์ซเบิร์ก (Frederick Herzberg)
ปัจจัยจูงใจ 2. ปัจจัยค้ำจุน
ทฤษฎีการบริหารสมัยใหม่ (Modern theory)
1.ทฤษฎีระบบ(System theory)
ปัจจัยนําเข้า (Inputs)
2.กระบวนการแปรสภาพ(Transformation Process)
3.ผลผลิต (Outputs)
4.ข้อมูลย้อนกลับ(Feed Back)
5.สิ่งแวดล้อม
2.ทฤษฎีบริหารตามสถานการณ์ (Contingency Theory)
วรูม และ เยตัน
ฟิดเลอร์พัฒนารูปแบบจําลอง
ทฤษฎีบริหารตามสถานการณ์ (Contingency Theory)
โรเบิร์ต เฮาส์ (Robert House) เสนอแนวคิดผู้นําเชิงสถานการณ์ ทฤษฎีเส้นทางเปาหมาย (Path-goal Theory) มีความเห็นว่า
ใช้แรงจูงใจเปนแรงผลักไปสู่เปาหมายทังบุค คล องค์กร
ภาวะผู้นําเกียวข้องกับการจูงใจ
แบบของผู้นําขึนอยู่กับสถานการณ์
เฮร์เซและแบลนชาร์ด (Hersey and Blanchard) ทฤษฎี"วงจรชีวิต"
เชือว่า รูปแบบผู้นําต้องเหมาะสมกับความพร้อมของผู้ตาม พัฒนาแนวคิดโดยเปลียนจากระดับความพร้อมเปนความสามาร ถและความผูกพันธ์ (Competence and Commitment)
เปลียนชือรูปแบบผู้นํา4รูปแบบ
S2:การสอนงาน(Coaching)
S3:การสนับสนุน(Supporting)
S1:การออกคําสัง(Direction)
S4:การมอบหมายงาน(Delegating)
เสนอทฤษฎีภาวะผู้นําตามสถานการณ์
แบ่งระดับความพร้อมของผู้นํา 4 ระดับ
R3 : มีความสามารถ แต่ไม่มีความเต็มใจ ความพร้อมปานกลาง
R4 : มีความสามารถและเต็มใจทีจะทํา ความพร้อมสูง
R2 : ไม่มีความสามารถแต่เต็มใจทีจะทํา ความพร้อมปานกลาง
R1 : ไม่มีความสามารถไม่เต็มใจทีจะทํา ความพร้อมตา
ทฤษฎีการบริหารเชิงปริมาณ(quantitative theory)
การบริหารศาสตร์ (management science)
ศึกษาจากสภาพความเป็นจริงที่รวบรวมอย่างมีระบบเชิงการวิจัยแล้วนำมา คำนวณตามรูปแบบที่กำหนด
ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (management information system : MIS)
เน้นการออกแบบ และการน าเอาระบบข้อมูลสารสนเทศ โดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ มาใช้เพื่อการบริหาร
การจัดการปฏิบัติการ (operations management)
เน้นการใช้แนวทางเชิงปริมาณเข้า ช่วยในการตัดสินใจ