Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การอำนวยการทางการพยาบาล (การบริหารเวลา (หลักการในการเพิ่มประสิทธิภาพ …

- - - - ช่องว่างหรือความแตกต่างระหว่างสภาพการณ์ปัจจุบันและสภาพการณ์ที่เราต้องการให้เกิดขึ้น
    - - คือการทำให้เกิดสภาพการณ์ที่เราคาดหวัง
    - - การเลือกเอาวิธีปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งจากวิธีปฏิบัติหลายๆอย่างที่มีอยู่
  - - - 2.กำหนดปัญหาให้ถูกต้อง
        
        3.วิเคราะห์หาสาเหตุสำคัญ
        
        4.หาวิธีแก้ที่เป็นไปได้
        
        5.เลือกวิธีที่ดีที่สุด
        
        6.วางแผนการปฏิบัติ
        
        7.ติดตามประเมินผล
        
        2 more items...
        
        Brainstroming technique
        
        Nominal group technique
        
        1.ตรวจหาสาเหตุ
        
        เลือกสาเหตุที่สำคัญ
        
        ระบุสาเหตุที่แท้จริง
        
        ถามคำถามที่ถูกต้อง
        
        เทคนิค 5 WHY
        
        1.กำหนดสภาพปัญหาเบื้องต้น
        
        2.ถามว่าทำไมถึงเกิดสภาพปัญหานั้น
        
        3.ตอบคำถามในขั้นที่2
        
        4.ใช้คำตอบในขั้นที่ 3 มาสร้างเป็นคำถามใหม่
        
        5.ดำเนินการในขั้นที่ 2,3 และ 4 ใหม่จนกว่า
      - รวบรวมข้อมูล
        
        ข้อเท็จจริง
        
        ข้อสันนิษฐาน
- - - - ความรู้สึกขัดแย้ง
        
        การแสดงความขัดแย้ง
        
        การบริหารความขัดแย้ง
        
        ผลที่ตามมาของความขัดแย้ง
        
        ผลของการบริหารความขัดแย้ง
        
        การเก็บกด
        
        การสร้างสรรค์
        
        การทำลาย
        
        คับข้องใจ
        
        โกรธ
        
        ความรู้สึกเป็นศัตรู
        
        ไม่พอใจ
        
        ไม่เชื่อใจ
        
        กลัว
        
        เพิกเฉยไม่สนใจ
      - การรับรู้ความขัดแย้ง
      - เป้าหมายต่างกัน
      - หน้าที่การทำงาน
      - บทบาทไม่ชัดเจน
      - ค่าความเชื่อวัฒนธรรม
      - บุคลิกภาพ
      - กฎระเบียบ
      - การขาดแคลนทัพยากร
  - - - เป็นการแสดงพฤติกรรมมุ่งเอาชนะในระดับต่ำเป็นการไม่สู้ปัญหา และไม่ร่วมมือในการแก้ปัญหา ไม่สนใจความต้องการของตนเองและความต้องการของผู้อื่น มีความเชื่อว่า ความขัดแย้งจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ข้อเสียของพฤติกรรมนี้คือ ความขัดแย้งบางอย่างอาจรุนแรงจนกระทั่งไม่อยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้
        
        Win-Lose
      - พฤติกรรมนี้ควรใช้เมื่อ
        
        1.ประเด็นขัดแย้งเป็นเรื่องไร้สาระ
        
        2.เมื่อรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะ เช่นไม่มีอำนาจเพียงพอหรือเมื่อบุคคลอื่นสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้ดีกว่า
        
        เมื่อการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
        
        เมื่อต้องการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และเชื่อว่าจะเกิดผลดีกว่า การรีบตัดสินใจ
    - - เป็นพฤติกรรมมุ่งเอาชนะในระดับต่ำและพฤติกรรมให้ความร่วมมือในระดับสูง เน้นการเอาใจผู้อื่น เป็นฝ่ายเสียสละเพื่อให้คนอื่นสามารถดำเนินการไปตามที่ปรารถนาแม้ตนเองจะไม่เห็นชอบด้วย หลีกเลี่ยงที่จะเกิดความบาดหมางใจระหว่างบุคคล
        
        Win-Lose
      - พฤติกรรมนี้ควรใช้เมื่อ
        
        เมื่อความคิดและวิธีการของคนอื่นดีกว่าของเราหรือเห็นว่าเราเป็นฝ่ายผิดในสถานการณ์นั้นๆ
        
        เมื่อความต้องการนั้นมีความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเรา
        
        ต้องการสร้างความยอมรับจากสังคม ที่จะทำให้สะดวกในการแก้ปัญหาในอนาคต
        
        เมื่อประเมินแล้วหมดหนทางชนะ เมื่อต่อสู้ต่อไปยิ่งทำให้ผลงานของกลุ่มและสัมพันธภาพเสีย
        
        เพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราว ซึ่งควรใช้ในสถานการณ์ที่วิกฤต ม่มีเวลาพอที่จะมาบริหารความขัดแย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - - เป็นพฤติกรรมมุ่งเอาชนะในระดับสูง ผู้ที่ใช้การบริหารความขัดแย้งวิธีนี้ จะมีพฤติกรรมกล้าแสดงออกสูง แต่จะให้ความร่วมมือไม่ดี มักปฏิบัติตามความต้องการของตนเอง จะพยายามใช้อำนาจและกลวิธีต่างๆเพื่อที่จะต่อสู้ให้เป็นผู้ชนะ พฤติกรรมนี้อาจอยู่ในรูปของการยืนหยัดเพื่อสิทธิของตนเองการต่อสู้เพื่อให้ได้งบประมาณ ทรัพยากรที่มีจำกัด
        
        Win-Lose
      - พฤติกรรมนี้ควรใช้เมื่อ
        
        กรณีเร่งด่วน รอไม่ได้
        
        ต้องการให้ปัญหาความขัดแย้งจบอย่างรวดเร็ว
    - - เป็นการแสดงพฤติกรรมมุ่งเอาชนะและแสดงพฤติกรรมร่วมมือในระดับสูงด้วย เป็นการมุ่งที่จะให้ชนะร่วมกัน และในขณะเดียวกันก็มีความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการแก้ไขความขัดแย้งโดยการผสานความแตกต่างเข้าด้วยกัน ร่วมกันพัฒนาเป้าหมายใหม่(superordinate goal) ที่ยอมรับร่วมกัน
        
        Win-Win
      - พฤติกรรมนี้ควรใช้เมื่อ
        
        ขัดแย้งเมื่อแนวคิดของทั้ง 2 ฝ่ายมีความสำคัญมากกว่าจะประนีประนอมได้
        
        เมื่อต้องการผสมผสานความคิดเห็นที่ดีของทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน
        
        เพื่อประสานความรู้สึกที่ดีต่อกันระหว่างบุคคล
    - - เป็นการแสดงพฤติกรรมทั้งที่พยายามจะเอาชนะและแสดงพฤติกรรมร่วมมือในระดับปานกลาง เป็นจุดยืนระหว่างมิติการเอาใจตนเองและมิติการเอาใจผู้อื่น มีทั้งการให้และการรับ ไม่มีฝ่ายไหนได้รับทุกๆสิ่งที่ต้องการ
        
        Lose-Lose
      - พฤติกรรมนี้ควรใช้เมื่อ
        
        เมื่อคู่ขัดแย้งต่างมีอำนาจ และมีเป้าหมายแตกต่างกัน
        
        เป็นทางสายกลางในการแก้ปัญหา
        
        มีระยะเวลาในการทำงานสั้นและมีขอบเขตจำกัด
- - - - แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเสริมพลังอำนาจด้านโครงสร้าง ตามทฤษฏีของ Kanter 1997
        
        • เน้นที่ระบบการปฏิบัติงานในองค์กร
        
        • การให้อำนาจ
        
        • การให้โอกาส
        
        • ส่งผลต่อประสิทธิผลของพนักงาน
        
        การได้รับอำนาจ
        
        • ได้รับการสนับสนุน
        
        ผู้บริหารให้การสนับสนุนผู้อยู่เบื้องหลังให้การยอมรับ ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ให้โอกาส ตัดสินใจ ให้ความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา ยืดหยุ่นในการทำงาน ยอมรัยความผิดพลาด ชื่นชมเมื่อทำงานเสร้จ
        
        • ได้รับข่าวสาร
        
        ข้อมูลความูลข่าวสารถือเป็นความสำคัญและเป็นแหล่งความรู้ที่ช่วยสนับสนุนให้การทำงานประสบความสำเร็จ เช่นข้อมูคความเชี่ยวชสญต่างๆ ข้อมูลทางเทคนิค ข่าวสารบ้านเมือง
        
        • ได้รับทรัพยากร
        
        จัดหาสิ่งจำเป็น เช่น บุคากร เครื่องมือ เครื่องใช้ เงิน เวลา รางวัล ค่าตอบแทน เพื่อสนับสนุนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
        
        การได้รับโอกาส
        
        • การได้รับความก้าวหน้า
        
        • การเพิ่มพูนทักษะและความสามารถ
        
        • การได้รับรางวัลและการยอมรับ
    - - แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเสริมพลังอำนาจด้านจิตใจ ตามทฤษฏีของ Gibson
        
        เสริมแรงทางด้านจิตใจ
        
        สร้างความเชื่อมั่นในสมรรถนะของตนเองที่จะทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ
        
        มุ่งเน้นการแก้ปัญหา
        
        มีการให้ การรับ การแลกเปลี่ยน การมีปฏิสัมพันธ์กัน
        
        ผู้รับ
        บริการ
        
        ได้รับการเสริมพลังให้สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
        
        รู้ถึงสมรรถนะของตนเอง ควบคุมตนเองได้
        
        สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ ปรับปรุงสุขภาพตนเองให้ดีขึ้น
        
        สามารถสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้
        
        ผู้ให้บริการ
        
        เสริมสร้างพลังอำนาจให้ผู้รับบริการ
        
        ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ให้คำปรึกษาสอน อำนวยความสะดวก ส่งเสริม และพิทักษ์สิทธิประโยชน์ให้ผู้รับบริการ
        
        กระบวนการเสริมสร้างพลัง
        
        2.การค้นพบสภาพการณ์จริงการสะท้อนความคิดอย่างมีวิจารณญาณ
        
        2.การตัดสินใจเลือกวิธีปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสมและลงมือปฏิบัติ
        
        1.การคงไว้ซึ่งการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ
- - - - ❖ เขียนสิ่งที่จะต้องทำทั้งหมด
      - ❖ เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง
      - ❖ เขียนตารางเวลา
      - ❖ ควบคุมตารางเวลา