Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) (การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจพิเศษ…
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
อาการและอาการแสดง
1.อาการที่แสดงว่ามีการติดเชื้อ
ในเด็กเล็ก ๆ จะกระสับกระส่ายหรือหงุดหงิดไม่ยอมดูดนม หรือมีอาเจียนได้ง่าย
เบื่ออาหาร
หนาวสั่น
มีไข้สูง
2.อาการที่แสดงว่ามีการระคายของเยื่อหุ้มสมอง (Meningeal Irritation) ร่วมกับความผิดปกติในการทำงานของสมอง
โดยมากอาจพบอาการชัก ยกเว้นในเด็กเล็ก ๆ โดยเฉพาะภายในอายุ 6 เดือนแรกจะไม่พบ
ปวดศีรษะมาก และปวดที่บริเวณคอด้วย
ระยะแรกผู้ป่วยจะซึมเล็กน้อยถ้าไม่ได้รับการรักษาอาการจะเลวลงเรื่อย ๆ จนถึงหมดสติภายใน 4-5 วัน
อาการคอแข็ง (Stiftness of Neck)
Kernig’s Sign Positive
Brudzinski’s Sign Positive
3.อาการที่แสดงถึงภาวะแทรกซ้อน
มีฝีในสมอง
สมองบวม
มีน้ำหรือหนองในช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง
คนไข้อายุ 18 ปี มาด้วยอาการปวดหัว มีไข้ หนาวสั่น อาเจียน ปวดคอเล็กน้อย และกลัวแสง
พยาธิสภาพ
โรคติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง มีการอักเสบหรือติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง บริเวณส่วนที่เป็นเมมเบรนห่อหุ้มเนื้อสมองและไขสันหลัง ยังเป็นโรคที่มีอัตราตายและความพิการทางสมองสูง พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
สาเหตุ
1.การติดเชื้อแบคทีเรีย (Becterial meningitis)
1.1 Purulent meningitis เยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดเป็นหนอง
1.2 Tuberculosis meningitis เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียพบได้ไม่บ่อยเท่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสแต่ภาวะโรครุนแรงมากกว่า
2.การติดเชื้อไวรัส (Viral meningitis)
เป็นสาเหตุทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้บ่อยกว่าเชื้อแบคทีเรีย อาการของโรคหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์เชื้อที่ทำให้เกิด เช่น เชื้อคางทูม ค็อกแซคกี เชื้อไวรัสเริม เป็นต้น โดยเชื้อไวรัสจะแพร่กระจายผ่านทางกระแสเลือด
3.การติดเชื้อพยาธิ (Eosinophilic meningitis) เกิดจากผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปจากการรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ
4.การติดเชื้อรา (Fungal meningitis)
candida albicants
Cryptococcus neoformans
การรักษา
การรักษาเฉพาะ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาต้านวัณโรค อย่างน้อย 2 ชนิดขึ้นไป เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา ได้แก่ isoniazid (INH), rifampin, pyrazidamide, streptomycin และ ethambutal (EMB)
การรักษาแบบประคับประคอง
2.1 การให้สารน้ำ และเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำในระยะแรกจะมีการงดน้ำงดอาหารทางปาก เพราะผู้ป่วยอาจมีอาเจียนและสำลักได้ แพทย์จึงให้สารน้ำและเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำ
2.2 การให้นม/อาหารที่ให้พลังงาน วิตามิน เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ถ้ารับประทานทางปากไม่ได้หรือไม่รู้สติ แพทย์อาจพิจารณาให้อาหารทางสายยางและ/หรือทางหลอดเลือดดำ
การรักษาภาวะแทรกซ้อน
3.1 การให้ยากันชักในรายที่มีอาการชักเกร็ง จะช่วยป้องกันไม่ให้สมองเสียหายมากขึ้น
3.1 การให้ยากันชักในรายที่มีอาการชักเกร็ง จะช่วยป้องกันไม่ให้สมองเสียหายมากขึ้น
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อแบคทีเรียสามารถไปสู่ Subarachnoid Space แล้วทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การติดเชื้อผ่านทางกระแสโลหิตโดยที่มีแหล่งติดเชื้ออยู่ที่ส่วนอื่นของร่างกายแล้วแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิต (Bacteremia) ไปสู่ Subarachnoid Space ได้
การติดเชื้อลุกลามโดยตรง พวกนี้การติดเชื้อกระจายสู่ Subarachnoid Space โดยตรงโดยมีแหล่งติดเชื้อบริเวณใกล้เคียง
มีการอักเสบของหูชั้นกลางอย่างเรื้อรัง
มีการอักเสบของเส้นโลหิตดำใหญ่ ๆ ในชั้นดูรา ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เป็นผลจากการติดเชื้อในบริเวณหน้าจมูก
Meningocele แตก
ได้รับเชื้อโดยตรงจากการเปื้อนของเชื้อ เช่น มีการแตกหักของกะโหลกศีรษะ หรือมีกระดูกแตกที่บริเวณฐานของกะโหลกศีรษะ ทำให้น้ำไขสันหลังไหลออกมาทางจมูกหรือหู
ตรวจร่างกายพบ คนไข้มีคอแข็ง อุณหภูมิ37.4 องศา ความดันโลหิต 105/70 มมปรอท pulse 100 bpm. O2sat 100% ผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ ฮีโมโกลบิน 125 กรัม /ลิตร WCC 3.53x10 นิวโทฟิว 2.40x10 ลิมโฟไซด์0.68x10 เกล็ดเลือด 189x10 โปรตีน 14 ได้รับการเจาะน้ำไขกระดูกสันหลัง พบWCC 2/mm3 โปรตีน 0.4 glucose 3.2
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค (Tuberculous meningitis)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจพิเศษ
การทดสอบทูเบอร์คูลิน (tuberculin test) ให้ผลบวก
การเจาะหลัง (Lumbar puncture
การตรวจคอมพิวเตอร์สมอง (CT scan) เพื่อติดตามการรักษา
การถ่ายภาพรังสีทรวงอกจะพบ primary tuberculosis ที่ปอด
1) ลักษณะน้ำไขสันหลังใสอาจมีสีเหลืองอ่อน ตรวจนับเซลล์ในน้ำไขสันหลังได้ประมาณ 25-500 เซลล์/มม3
2) การตรวจย้อมสีน้ำไขสันหลังเพื่อหาเชื้อจุลินทรีย์ อาจพบเชื้อแอซิด ฟาสท์ บาซิไล