Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หัวข้อ 3 ทฤษฎีการบริหารยุคนีโอคลาสิก (NEO-Classical Theory) (เอลตัน เมโย…
หัวข้อ 3 ทฤษฎีการบริหารยุคนีโอคลาสิก
(NEO-Classical Theory)
เอลตัน เมโย (Elton Mayo)
เป็นผู้วางรากฐานทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์
พบว่าวิธีจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการทดลองของฮอร์ธอร์น (Hawthone studies) เกี่ยวกับพฤติกรรมของคนงาน
ทำให้ทราบว่าผลผลิตจะเพิ่มสูงได้นั้นความสำคัญอยู่ที่ปัจจัยด้านจิตวิทยาและปัจจัยทางสังคมของผู้ทำงานไม่น้อยกว่าปัจจัยตัวงานผู้บริหารทุกคน
เป็นทฤษฎีการบริหารแบบใหม่กว่าเดิม เน้นลักษณะและผลกระทบต่อพฤติกรรมของคนในองค์การ โดยใช้พฤติกรรศาสตร์(behavior theory) :pencil2:
แมคเกรเกอร์ (Douglas McGregor)
เจ้าของทฤษฎีเอ็กซ์และวาย (X and Y theory) ได้วางหลักสมมติฐานเกี่ยวกับคนเป็น 2 แนวตรงกันข้ามกันดังนี้
สมมุติฐานทฤษฎีเอ็กซ์
คนส่วนใหญ่จะขี้เกียจไม่ชอบการทำงานมักเลี่ยงงาน
บุคคลโดยเฉลี่ยต้องถูกบังคับควบคุมสั่งการจึงจะทำคน
คนส่วนใหญ่มักไม่มีความพยายามและความรับผิดชอบคน
คนส่วนใหญ่ชอบให้มีการชี้นำเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดคนทั่วไป
สมมุติฐานทฤษฎีวาย
โดยพื้นฐานของคนแล้วพร้อมที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุน
โดยทั่วไปมีความขยันหมั่นเพียรและความรับงานผิดชอบ
โดยพื้นฐานมีความคิดริเริ่มด้วยตัวของเขาเองถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้อง
โดยพื้นฐานจะพยายามพัฒนาตนเองและชอบมีความทะเยอทะยานน้อยวิธีการทำงานอยู่เสมอ
ผู้บริหารการพยาบาลที่เชื่อถือทฤษฎีเอ็กซ์ มีแนวโน้มที่จะมองผู้ใต้บังคับบัญชาในแง่ลบ
กฏแห่งเกมส์คือกฎหมายและระเบียบที่ออกมาสอดคล้องกับการบริหารตามทฤษฎีเอ็กซ์
ผู้บริหารการพยาบาลที่เชื่อตามทฤษฎีวาย มีแนวโน้มที่จะมองผู้ใต้บังคับบัญชาในแง่บวก
วิลเลี่ยมกูซี่ (William G. Quchi)
เป็นแนวคิดการบริหารแบบญี่ปุ่นแต่อเมริกาได้นำมาประยุกต์เป็นรูปแบบวิธีการทำงานแบบกลุ่มคุณภาพ
แนวคิดของทฤษฎีแซดเชื่อว่า
1) ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่มุ่งแสวงหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกัน
2) ผู้ปฏิบัติงานจะขาดความคุ้นเคยกัน
3) ผู้ปฏิบัติงานต่างก็มีจิตสำนึกที่ดีในด้านความผูกพันทางใจ ความรัก ความสามัคคีอยู่แล้ว
4) ผู้ปฏิบัติงานสามารถไว้วางใจได้โดยทำงานไม่บกพร่องผู้บริหารเพียงแต่เอาใจใส่ดูแลสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ให้ดีเท่านั้น