การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค

หลักทั่วไปในการให้วัคซีน

วัคซีนหลายชนิดอาจให้พร้อมกันในวันเดียวกันได้

การให้วัคซีนห่างกันเกินกว่ากำหนด

ผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น หวัด ไอ ไข้ต่ำๆ สมารถให้วัคซีนได้

ผู้ที่ได้รับอิมมูโนโกลบุลิน พลาสม่าหหรือเลือด มาไม่ถึง 3 เดือน ไม่ควรให้วัคซีนที่่มีชีวิต

เพราะผู้รับจะมีจะมี antibody เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะไไปทำลายวัคซีนเชื้อมีชีวิตให้ตายหมด

เด็กที่เคยได้ DTP แล้วมีไข้สูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ภายใน 40 ชม.หลังฉีด

ควรให้เฉพาะวัคซีนรวมป้องกันเฉพาะโรคคอตีบ และบาดทะยัก(DT)

เด็กที่เคยแพ้ไข่ มีอาการปากลวมลมพิษขึ้น ไม่ควรให้วัคซีนรวม MMR

MMR เพาะเชื้อจากไข่มีโอกาศแพ้ได้

ทารกคลอดก่อนกำหนด ให้วัคซีนเหมือนเด็กที่เกิดครบกำหนด

ถ้ายังอยู่ใน nurseryไม่ควรให้ OPV เดี๋ยวเชื้อไปติดเด็กคนอื่น

เด็กที่มีภูมิผิดปกติ

เช่นได้รับยา serroid ยารักษาโรคมะเร็ง งดการให้วัคซีนเชื้อมีชีวิต

เด็กที่ได้ยากดภูมิคุ้มกัน สามารถให้ท็อกซอยด์ และวัคซีนชนิดเชื้อตายได้

วัคซีนเชื้อเป็น ต้องหยุดยาที่กดภูมิคุ้มกันไปแล้วอย่างน้อย 3 เดือน

ไม่ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิด who cell ในครั้งต่อไป

เด็กที่มีโรคทางประสาทที่ยังควบคุมไม่ได้ ไม่ควรให้วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดwho cell

เด็กที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคชักสามารถให้วัคซีนได้

ถ้าให้วัคซีนโรคหัดพิจรณาให้ยาลดไข้ตั้งแต่วันที่5 หัลงฉีด และให้ต่อไปอีกประมาณ 5-7 วัน

เด็กที่ติดเชื้อ HIV หรือเชื้อโรคเอดส์ให้ไดเ้ทุกตัวเหมือนเด็กปกติ

วัคซีนบีซีจี ให้เฉพาะเด็กที่มีเชื้อ HIV แต่ยังไม่มีอาการของโรคเอดส์

วิธีการให้วัคซีน

การฉีดเข้าในหนัง

การฉีดเข้าใต้หนัง

การกิน

การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ

ให้กับวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต

เช่น วัคซีนโปลิโอ วัคซีนป้องกันไข้ทัยฟอยด์

กรณีที่ต้องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเฉพาะที่

ทำได้ยากกว่าวิธีอื่น ผู้ฉีดจะต้องมีความชำนาญ

ใช้เมื่อต้องการลด antigen ให้น้อยลง

ใช้กับวัคซีนที่ไม่ต้องการดูดซึมให้เร็วไปเพราะอาจเกิดปฏิกิริยาุรนแรง

เช่น วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน วัคซีนไข้ทัยฟอยด์ วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ

เมื่อต้องการให้ดูดซึมได้ดี

ควรฉีดบริเวณแบน เพระาไขมันน้อยเลือดมาเลี้ยงดี การเคลื่อนไหวของแขนทำให้ดูดซึมได้ดีขึ้น

ตำแหน่ง mid anterrolateral thigh มักฉีดในเด็ก

ปัจจุบันไม่นนิยมฉีดบริเวณสะโพกเพราะอาจเกิดการอันตรายต่อเส้นประสาท sciatic nerve และการดูดซึมต่ำ ในคนอ้วนอาจไม่เข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ

วัคซีนที่มี ควรฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพราะถ้าฉีดเข้าบริเวณอื่นอาจเกิดการอะกเสบและเป็นไตแข็ง

เช่น วัคซีนรวมป้องกันคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ไวรัสตับอักเสบบบี โรคพิษสุนัขบ้า

วัคซีน

วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน DTP

วัคซีนป้องกันโปลิโฮ Poliomyelitis Vaccine

วัคซีนป้องกันวัณโรค BCG

วัคซีนป้องกันหัด คางทูม หัดเยอรมัน Mump Measles Rubellar Vaccine

ปฏิกิริยาหลังฉีด

ข้อห้ามในการให้ BCG

วัคซีนเชื้อเป็น ฉีดเข้าผิวหนังครั้งละ 1 cc ที่ deltoid

เกิดตุ่มขนาด 7-8 mm ห้ามใส่ยา Antibictic ทุกชนิดที่บริเวณนี้ ทำความสะอาดโดยน้ำต้มสุก ห้ามดึง แคะแกะ เกา

มีแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลติดเชื้อที่ผิวหนัง

ผุู้ป่วยติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ

ผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ผู็ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคู้มกัน

ปฏิกิริยาหลังฉีด

ข้อควรระวัง

แบ่งเป็น

DTwP เป็นแบบทั้งเซลล์

DTaP เป็นแบบไร้เซลล์ เป็ฯเฉพาะส่วนของวัคซีนไอกรนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานได้เท่านั้น

มีไข้ เจ็บระบมที่ฉีด,เด็กจะหงุดหงิดงอแง,มีอาการ ปวด ร้อน บวม แดง บริเวณที่ฉีด

ถ้ามีอาการไข้หวัดแล้วคือช่วงโปลิโฮระบาดแพทย์จะไม่ฉีดให้

อาจทำให้เด็กเป็นอัมพาตได้

ห้ามใช้ DTP ในเด็กอายุเกิน 6 ปี

ไม่ควรฉีดในเด็กที่มีประวัติชักหรือระบบประสาท

ไม่ฉีดให้กับเด็กกระยะที่โปลิโอระบาด ไม่ควรฉีดให้เด็กที่มีไข้

เพระาอาจมีอาการทางสมองให้ใช้ DT แทน

ระหว่างให้วัคซีนไม่ต้องงดนมแม่ ถ้าเคยได้รับชนิดฉีดมาแล้ว ควรให้ชนิดรับประทานอีก

ต้องระวังในเด็กที่ได้รับยา steroid หรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ให้พร้อมกับวัคซีนอื่นได้ ยกเว้นในกรณีที่ให้ร่วมกับวัคซีนที่มีเชื้อเป็ฯด้วยกัน ต้องเว้นระยะให้อย่างน้อย 3 เดือน

ผู้ป่วย HIV สามารถรับได้

ผู้ที่แพ้ไข้แบบ Anaphylaxis ต้องงดให้วัคซีนชนิดนี้

ปฏิกิริยาหลังฉีด

ไข้ ผื่นออกจางๆ

Passive immunizatioon

การบริหารและจัดเก็บวัคซีน

Active immunization

OPV เก็บในช่อง freezer MMR/MR,BCG,และ JE ผงแห้งเก็บที่อุณหภูมิ +2ถึง+8 องศาเซลเซียส

ห้ามเก็บในถาดรองใต้ช่องแช่แข็ง เพื่อป้องกันกล่องวัคซีนเปียกน้ำหรือฉลากหลุดลอกออก

จะเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศา เซลเซียส ใส่ไว้ในกล่องพลาสติกเพื่อป้องกันการสูบเสียความเย็น

ภูมิจะอยู่ได้เป็นปีๆหรือตลอดไป

แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่

กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง โดยให้ Antigen หรือวัคซีนเข้าไปในร่างกาย

เช่น หัด คางทูม ไทฟอยด์

Toxiod

Inactivated หรือ killed vaccine

Live attenuated vaccine

ป้องกันโรคที่เกิดจากพิษ เช่น โรคบาดทะยัก

ทำจากแบคทีเรียหรือไวรัสที่ตายแล้ว เช่น ไอกรน

ทำจากเชื้อเป็ฯแต่ทำให้ฤทธิ์อ่อนลง

เช่น วัคซีนป้องกันวัณโรค วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส

มีประสิทธิภาพในการป้องกันทันที

อยู่ในร่างกายได้ไม่นาน ประมาณ 3-5 สัปดาห์ ก็จะหมดไป

ให้ antibody เข้าไปในร่างกายโดยตรง

การให้วัคซีน เด็กปกติทั่วไป

9-12 เดือน

18 เดือน

6 เดือน

2 ปี-2 ปีครึ่ง

4 เดือน

4 ปี

2 เดือน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

1 เดือน

เริ่มเมื่อ 1-6 ปีขึ้นไป

แรกเกิด

เริ่มเมื่อ 7 ปีขึ้นไป

BCG HB1 ถ้ามารดา HBsAg positive ต้องเพิ่ม HBIG

HB2

OPV1,DTwP-HB-Hib,Rota1

IPV1,OPV2,DTwP--Hib2,Rota2

OPV3,DTwP-HB-Hib3,Rota3

MMR1,LAJE

OPV4,DTwP4

LAJE2,MMR

OPV5,DTwP5

HPV1,HPV2,วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV เข็ม 1 กับ เข็ม2 ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน

ครั้งที่ 3 เดือนที่2

ครั้งที่ 4 เดือนที่ 4

ครั้งที่ 2 เดือนที่ 1

ครั้งที่ 5 เดือนที่ 12

พบเด็กครั้งแรก

DTP-HB1,OPV1,IPV1,MMR1,BCG

DPT-HB2,OPV2,LAJE1

MMR2

DTP-HB3,OPV3

DTP4,OPV4,LAJE2

ครั้งที่ 1 พบเด็กครั้งแรก

ครั้งที่ 2 เดือนที่ 1

ครั้งที่ 3 เดือนที่ 2

ครั้งที่ 4 เดือนที่ 7

ครั้งที่ 5 เดือนที่ 12

DT1,OPV1,IPV,MMR/MR,BCG

HB1,LAJE1

DT2,OPV2,HB2

HB3

DT3,OPV3,LAJE2

นางสาวกิตติยา จีนาภักดิ์ เลขที่ 12 รุ่น 36/1 612001013

อ้างอิง สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่ง ประเทศไทย 2562.ตาราง การให้วัคซีนในเด็ก ไทย.ปี2562 ค้นเมื่อ เมษายน 20,2563 จาก https:// www.thaipediatrics.org/ media/ media-2019062013512 3.pdf.