การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
การสร้างภูมิคุ้มกันในเด็ก
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคทางอ้อมหรือด้วยการรับเอา
การสร้างภูมิคุ้มกันโรคทางตรง (Actiive immunization)
ภูมิคุ้มกันโรคประเภทนี้จะอยู่ในร่างกายได้ไม่นาน ประมาณ 3-4 สัปดาห์เท่านั้นก็จะหมดไป
ทำจากเชิ้อเป็นที่ยังมีชีวิตอยู่
แต่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง
Live attenuated vaccine ⚡
Killed vaccine 💀
เป็นวัคซีนที่ทำมาจากแบคทีเรียหรือไวรัสทั้งตัวที่ทำให้ตายแล้ว
ไม่ได้เกิดจากตัวแบคทีเรียโดยตรง
เป็นผลมาจากพิษของแบคทีเรีย
ใช้ป้องกันโรคที่เกิดขึ้น
Toxoid 🔥
โรคคอตีบ(Diptheria)
โรคบาดทะยัก (Tetanus)
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดกิน(OPV)
*วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG)
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ/JE ชนิดมีชีวิต
*วัคซีน Rota virus
วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูมและหัดเยอรมัน(MMR)
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B Vaccine)
วัคซีนป้องกันโรคไอกรน (Pertussis or Whooping Cough)
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ (Hepatitis A Vaccine)
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ/JE ชนิดไม่มีชีวิต
วัคซีน
วิธีการให้
Subcutaneous route
การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
Intramuscular route
การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
Intradermal หรือ intracutaneous route
การฉีดเข้าในหนัง
Oral route
การกิน
หลักการทั่วไป
ทารกที่คลอดก่อนกำหนด ควรให้วัคซีนเหมือนเด็กที่เกิดครบกำหนด
แต่ถ้าเด็กยังอยู่ใน nursery ไม่ควรให้OPV
เด็กที่ได้ยากดภูมิคุ้มกันสามารถให้ท๊อกซอยด์ และวัคซีนชนิดเชื้อไม่มีชีวิตได้
ส่วนวัคซีนที่ทำจากไวรัสที่มีชีวิต ไม่ควรให้ จนกว่าได้หยุดยาที่กดภูมิคุ้มกันไปแล้วอย่างน้อย 3 เดือน
เด็กที่เคยแพ้ไข่ คือมีอาการปากบวม ลมพิษขึ้นไม่ควรให้วัคซีนรวม MMR
นิยมให้ที่กล้ามเนื้อบริเวณกึ่งกลางต้นขาด้านหน้าค่อนไปด้านนอก
ส่วนผู้ใหญ่หรือเด็กโต นิยมให้บริเวณต้นแขนส่วนบน (deltoid)
ผู้ที่ได้รับอิมมูโนโกลบุลิน พลาสม่า หรือเลือดมาไม่ถึง 3 เดือน ไม่ควรให้วัคซีนไวรัสที่มีชีวิต
เด็กที่ติดเชื้อ HIV หรือเชื้อโรคเอดส์สามารถให้วัคซีนทุกชนิดได้เหมือนเด็กปกติ ยกเว้นวัคซีนบีซีจี ซึ่งให้เฉพาะเด็กที่ติดเชื้อเอ็ชไอวีแต่ยังไม่มีอาการของโรคเอดส์
ผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น หวัด ไอ หรือไข้ต่ำๆ สามารถให้วัคซีนได้
การให้วัคซีนห่างเกินกว่ากำหนดไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันเกิดน้อยลง
วัคซีนหลายชนิดอาจให้พร้อมกันในวันเดียวกันได้
การให้วัคซีนในเด็กปกติทั่วไป
6 เดือน
9-12เดือน
4 เดือน
18 เดือน
2 เดือน
2-2 1⁄2 ปี
1 เดือน
4 ปี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
แรกเกิด
อาการหลังฉีด
บริเวณที่ฉีดวัคซีน DTwP - HB2- Hib2 อาจมีอาการปวด
บวม แดง ร้อน เด็กอาจจะร้องกวนงอแงได้ถ้าอาการมาก
อาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบและรับประทานยาแก้ปวด
ปกติจะหายได้เองภายใน 7 วัน
BCG
HB1
HBIG
ถ้ามารดา HBsAg HBeAg positive
HB2
DTwP-HB-Hib1
OPV1
Rota1
IPV1 OPV2
DTwP-HB-Hib2
Rota2
DTwP-HB3-Hib3
Rota 3
Hib
OPV3
MMR1
LAJE1(เชื้อเป็น)
DTwP 4
OPV4
MMR2
LAJE2(เชื้อเป็น)
OPV5
DTwP5
HPV1
HPV2
ชนิดของวัคซีน
วัคซีน HIB 🎉
Haemophilus influenza type B
วัคซีนโรต้า(Rota virus) ✅
⭐ วัคซีนป้องกันวัณโรค
(Bacille Calmette Guerin : BCG)
การเก็บวัคซีน
เก็บที่ 2-8 องศา ยกเว้น BCGที่ยังไม่ได้ผสมจะเก็บช่องแช่แข็ง
วัคซีนชนิดนี้เป็นวัคซีนแบคทีเรียเชื้อมีชีวิต
การฉีดต้องฉีดเข้าในผิวหนังครั้งละ 0.1 cc.ที่ไหล่ซ้าย
ปฏิกิริยาหลังฉีด
เกิดเป็นตุ่มหนอง
ห้ามแคะ แกะ เกา ใส่ยาantibiotic
ให้รักษาความสะอาดโดย
เช็ดด้วยน้ำต้มสุก
ข้อห้าม
ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ
ผู้ป่วยที่มีแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลติดเชื้อที่ผิวหนัง
ผู้ป่วยที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิดผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
🏴 วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ
(Poliomyelitis Vaccine)
🚩 วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน
(Diptheria Tetanus Pertussive Vaccine : DTP)
แบ่งเป็นสองแบบ
DTwP แบบทั้งเซล Whole cell Pertussis vaccine
DTaPแบบไร้เซล Acellular pertussis vaccine
ข้อควรระวัง
ไม่ควรฉีดในเด็กที่มีประวัติชัก หรือโรคระบบประสาท
ปฏิกิริยาภายหลังฉีด
ปวด บวม แดง ร้อนในตำแหน่งที่ฉีดได้
ไม่ฉีดให้กับเด็กระยะที่มีโปลิโอระบาด
ห้ามให้ DTP ในเด็กอายุเกิน 6 ปี ให้ใช้ dT แทน
ไม่ควรฉีดในเด็กป่วยหรือก าลังมีไข้
ระยะเวลาในการให้
วัคซีน HPV 🔒
Human Papilloma Virus
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ เจอี : 🔓
(Japanese Encephalitis)
🏁 วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม
(Mump Measles Rubellar Vaccine)
จะให้ครั้งแรกเมื่ออายุ 2,4, 6 เดือน ตามลำดับ กระตุ้น 1 1⁄2 ปี และ 4-6 ปี
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวัคซีน
ต้องระวังในเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยา Steroid
หรือในเด็กที่มีปัญหาภูมคุ้มกันบกพร่อง
ในระหว่างที่ให้วัคซีน ไม่ต้องงดนมแม่ และในกรณีที่เด็กเคยได้รับชนิดฉีดมาแล้ว ควรให้ชนิดรับประทานอีกให้ครบชุด
เป็นวัคซีนเชื้อมีชีวิต สามารถให้พร้อมกันกับวัคซีนอื่นได้
ยกเว้นในกรณีที่ให้ร่วมกับวัคซีนเชื้อมีชีวิตด้วยกัน
ถ้าไม่ให้พร้อมกันต้องเว้นระยะให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม
สามารถได้รับวัคซีนได้
การฉีด MMR สามารถให้ได้พร้อมกันกับวัคซีนอีสุกอีใส แต่หากไม่สามารถให้ในวันเดียวกันได้ต้องเว้นห่างกัน 1 เดือน เพราะเป็นวัคซีนไวรัสมีชีวิตทั้งคู่
เป็นวัคซีนเชื้อมีชีวิตให้ในเด็กครั้งแรกอายุ 9-12 เดือน และครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี
ปฏิกิริยาที่พบหลังฉีด
ไข้ มีผื่นออกจางๆ หลังฉีดไปได้ 5-12 วัน
เป็นวัคซีนเชื้อเป็น (Live JE.vaccine)
ฉีด 2 ครั้ง พร้อม MMR
ครั้งที่ 1 เมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน
ครั้งที่ 2 ตอนเด็กอายุ 2-2 1⁄2 ปี
ขนาดของวัคซีน 1 dose คือ 0.5 ml.
เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อทางเดินอาหารที่รุนแรงในเด็ก
โดยวัคซีนที่ให้ในปัจจุบันเป็นวัคซีนเชื้อเป็น ชนิดหยดทางปาก
ให้ทั้งหมด 3 ครั้ง ในช่วงอายุ 2 4 6 เดือน
และครั้งที่ 2 และ3 เด็กต้องอายุไม่เกิน 32 สัปดาห์
ครั้งแรกต้องให้ในเด็กอายุไม่เกิน 15 สัปดาห์
วัคซีนชนิดนี้ ส่งเสริมให้เกิดล าไส้กลืนกัน (intussusception)ได้มากขึ้น
เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เกิดหลังได้รับวัคซีน
จึงควรต้องแยกเด็กออกจากกันนาน 14 วัน
ให้ 3 ครั้งตอนเด็กอายุ 2,4,6 เดือน
ป้องกันได้ 5 โรค คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมอง
ผลข้างเคียงของวัคซีน
เด็กจะมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดวัคซีน
มีไข้สูง
มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง
ฉีดได้ในช่วงอายุ 9-26 ปี แต่จะเน้นในช่วงอายุ 11-12 ปี
เป็นวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกและจะมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อฉีดในวัยที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์มาก่อน
วัคซีนตัวนี้ยังสามารถป้องกันมะเร็งช่องคลอด และหูดอวัยวะเพศ ได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย
จำนวน 2 เข็ม HPV1 HPV2 โดย เข็ม 1 กับเข็ม 2 ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน
วัคซีนทางเลือก (optional vaccine) ♻
วัคซีนอีสุกอีใส varicella vaccine
วัคซีนชนิดนี้เป็นวัคซีนเชื้อเป็นจึงต้องระวังการให้ในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ
ผู้ใหญ่และเด็กอายุเกิน 12 ปี ต้องฉีดวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์
เริ่มฉีดตั้งแต่เด็กมีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเข็มแรกเมื่ออายุ 12-18 เดือน
และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ปี
เด็กอายุ 13 ปีขึ้นไปและไม่เคยฉีดวัคซีนนี้มาก่อน
ควรได้รับการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
ผลข้างเคียง
ปวด บวมแดง คัน หรือช้ำบริเวณที่ฉีดวัคซีน
มีไข้ต่ำ
เกิดผื่นขึ้นเล็กน้อย
การเก็บรักษา
วัคซีน MMR/MR, BCG และ JE ผงแห้ง
เก็บอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส
⛔ ห้ามเก็บในถาดรองใต้ช่องแช่แข็ง
เพื่อป้องกัน กล่องวัคซีน เปียกน้ำหรือฉลากหลุดลอก
OPV เก็บในช่องแช่แข็ง (Freezer)
ห้ามเก็บวัคซีนที่ฝาประตูตู้เย็น
โดยทั่วไปจะเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศา
นางสาวสุทธิดา ศรียลักษณ์ เลขที่ 41 รุ่น 36/2 รหัสนักศึกษา612001122
อ้างอิง
กัลยา ศรีมหันต์.(2563).บทที่ 3 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค.วันที่สืบค้น17 เมษายน 2563.เข้าถึงได้จากhttps://classroom.google.com/u/2/c/NzMzNjU4Njc4NDla/m/NzY0OTAxMzcwMjBa/details.
กระทรวงสาธารณสุข - กรมป้องกันโรคระบาด.(2560).วันที่สืบค้น18 เมษายน 2563.เข้าถึงได้จากhttps://www.landlaeknir.is/servlet/file/store93/item21253/Bolusetningarbaeklingur_f.for_2016_thai_WEB.pdf.
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ.(2558).วัคซีนพื้นฐาน.วันที่สืบค้น17 เมษายน 2563.เข้าถึงได้จากhttp://data.nvi.go.th/vaccineknowledge/content/epi-program.php.