Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Antenatal Care (การให้คำแนะนำ (อาการสำคัญที่ต้องมาพบแพทย์ (มีอาการ…

- - - - หลีกเลี่ยง
        
        อาหารรสจัด เผ็ด เค็ม หวาน ของทอด ของมัน
        
        เครื่องดื่ม ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ
        
        อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากไวรัส เชื้อรา หรือเชื้อพยาธิ
        
        หลีกเลี่ยง ตลอดจน อาหารหมักดอง อาหารรสจัด อาหารที่ใส่ผงชูรส ใส่สี ใส่สารกันบูด
      - แนะนำการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่าย ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งจะส่งผลให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตดี
        
        ไขมัน
        
        น้ำมันพืชต่าง ๆ เมล็ดพืชต่าง ๆ เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดแตงโม อัลมอนด์ ถั่วเหลือง
        
        วิตามิน
        
        หญิงตั้งครรภ์มีความต้องการเกลือแร่ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจากภาวะปกติ เนื่องจากทารกในครรภ์ต้องนำเกลือแร่ต่าง ๆ ไปใช้ในการสร้างโครงสร้างหลักของร่างกาย
        
        เหล็ก - ในมารดาที่เป็นพาหะธาลัสซีมเมียสามารถรับธาตุเหล็กได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบินที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน
        
        เครื่องในสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะตับ ไต ม้าม ไข่แดง ผักใบเขียวต่างๆ ซึ่งควรรับประทานอาหารร่วมกับวิตามินซีและโปรตีนเพื่อช่วยให้ร่างการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
        
        ไอโอดีน - ถ้าขาดรุนแรงทารกที่คลอดมาพัฒนาการด้านประสาทจะบกพร่อง
        
        อาหารทะเล เช่น ปลา ปู กุ้ง และหอยทะเล หรือผลิตภัณฑ์ที่เสริมเกลือไอโอดีน ใช้เกลือหรือน้ำปลาเสริมไอโอดีนในการปรุงอาหาร
        
        ฟอสฟอรัส - เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกรดนิวคลีอิก ที่มีความสำคัญต่อการถ่ายทอดพันธุกรรมและควบคุมกระบวนการเมแทบอลิซึมของเซลล์
        
        อาหารที่มีฟอสฟอรัสมาก ได้แก่ ปลา นม ไข่ และผักใบเขียวชนิดต่าง ๆ
        
        โฟเลต - ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
        
        เช่น พืชผักต่าง ๆ อย่างตำลึง กะหล่ำ คะน้า ถั่วงอก มะเขือเทศ
        
        แคลเซียม - ขณะตั้งครรภ์มารดาต้องการแคลเซียมในการดูดซึมมากขึ้นเป็น 2 เท่า ควรรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งแคลเซียมทุกวัน
        
        นม เนย ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง และผักใบเขียวต่าง ๆ เช่น ผักคะน้า ผักกาด
        
        วิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซี เพื่อช่วยลดภาวะการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย
        
        ไข่แดง ตับ และผักที่มีสารแคโรทีน ผลไม้ที่มีสีเหลืองเข้ม เช่น ผักตำลึง ผักคะน้า ผักหวาน แครอท ฟักทอง มะละกอสุก เมล็ดพืชต่าง ๆ เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน อัลมอนด์ ถั่วเหลือง
        
        คาร์โบไฮเดรต
        
        ข้าวแป้งไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์
        
        เกลือแร่
        
        โปรตีน
        
        เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ ถั่ว ธัญพืช
  - - - ป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด
      - ช่วยลดน้ำหนักแม่ในระยะหลังคลอด
      - ช่วยการคุมกำเนิด ในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอด
      - ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
    - - เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค
      - ลดโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้
      - มีสุขภาพที่ดี เติบโตสมวัย
    - - ช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 เดือนให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว
      - อายุ 6-12 เดือนให้นมแม่ร่วมกับอาหารทารกตามวัย
      - 1-2 ปี ให้อาหารตามวัย 3 มื้อร่วมกับนมแม่
- - - - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินภาวะการทำงานที่ผิดปกติของไต
        
        สังเกตลักษณะ สี กลิ่น ปริมาณของปัสสาวะ
        
        ให้คำแนะนำมารดาในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยง อาหารรสจัด เค็ม หวาน ดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวัน หลีกเลี่ยง การดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
        4.แนะนำการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
        -
        
        ติดตามค่าผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ Bun Cr
        
        ประเมินผล
        
        มารดาเข้าใจในการปฏิบัติตัวในการเลือกรับประทานอาหาร
        
        มารดาเข้าใจในการปฏิบัติตัวในการสังเกตลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณ ของปัสสาวะ
        
        มารดารับทราบมาต้องมาตรวจตามนัดอย่างเสมอรวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ต้องตรวจเมื่อมาพบแพทย์
  - - - Severe preeclampsia
        
        การตรวจวินิจฉัย
        
        อาการที่ผิดปกติ
        
        ปวดศีรษะ
        
        มารดามีอาการปวดศีรษะ
        
        มีอาการบวม
        
        มารดามีอาการบวม +2
        
        ตาพร่ามัว
        
        จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ตรวจปัสสาวะ
        
        ดูโปรตีนที่ปนมาในปัสสาวะ
        
        มีโปรตีนปนในปัสสาวะ 3+
        
        ดูน้ำตาล สัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อน
        
        serum creatinin > 1.1 g/dL
        
        ความดันโลหิตสูงกว่า 160/110 mmHg.
        
        มารดามีความดันโลหิต 160/100 mmHg.
        
        ตรวจเลือด
        
        เกล็ดเลือดต่ำ
        
        เม็ดเลือดแดงแตก
        
        ALT,AST เพิ่มขึ้น
        
        สุขภาพของทารก
        
        FHS
        
        การดิ้น การเคลื่อนไหว
        
        ปัสสาวะออก< 25 ml/hr.
        
        pulmonary edema
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินภาวะความรุนแรงของภาวะ preeclampsia
        
        ประเมินทารกในครรภ์ ทำ NST, U/S, Doppler
        
        รายงานแพทย์เพื่อพิจารณารับตัวไว้ในโรงพยาบาล
        
        อธิบายให้มารดาว่าต้องรับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการ และเฝ้าระวังภาวะชัก
        
        เตรียมมารดาให้ตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น protein urea,serum creatinin, Hct, platelet,liver function test (ALT, AST)เพื่อหาสาเหตุของความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
        
        เตรียม MgSO4 (พร้อมเตรียม 10% calcium gluconate)ยาลดความดันโลหิตและพิจาณายุติการตั้งครรภ์
        
        จัดให้นอนพักในที่สงบไม่พลุกพล่าน การนอนตะแคงโดยเฉพาะข้างซ้ายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิต การนอนยกขาสูง หรืออาจหาหมอนมารองขา
        
        ให้สารน้ำทางหลือดเลือดดำ LRS
        
        ประเมินสัญญาณชีพโดยเฉพาะอัตราการหายใจ ชีพจร ความดันโลหิต และ O2 sat เพื่อติดตามและประเมินภาวะความรุนแรงของโรค และป้องกันภาวะชัก
        
        สังเกตอาการผิดปกติที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ตาพร่ามัว หายใจลำบาก จุกแน่นลิ้นปี่ ปัสสาวะออกน้อยกว่า 25 cc/hr. ทารกดิ้นน้อยลง และภาวะชักที่อาจเกิดขึ้นตามมา
        
        พิจารณาให้ corticosteroids ใน 48 ชั่วโมง
        
        ตรวจ ultrasonography เพื่อประเมินอายุครรภ์ที่แน่นอนเพื่อตัดสินใจเลือกเวลาในการคลอด
        
        พิจารณาให้คลอดเมื่ออายุครรภ์มากกว่าหรือเท่ากับ 32 wks. หรือเมื่อมีข้อบ่งชี้ให้คลอด
        
        ให้MgSO4ต่อจนครบ24ชม.
        
        เฝ้าระวังและติดตามภาวะชักหลังคลอด
        
        ข้อบ่งชี้ให้คลอด
        
        มารดา
        
        ชัก
        
        เหนื่อย หายใจเร็ว แน่นหน้าอก O2 sat <95% หรือมี pulmonary edema
        
        มีอาการปวดศีรษะมากหรือตาพร่ามัวอยู่ตลอด
        
        1 more item...
        
        เจ็บจุกแน่นลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาและมีค่าของ AST หรือ ALT สูงกว่า2เท่าของค่าที่มากในค่าปกติ
        
        ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ แม้ว่าจะให้ยาลดความดันโลหิตขนาดสูงสุดแล้ว
        
        ปัสสาวะออกน้อยกว่า 500 มล.ใน 24 ชั่วโมง หรือค่า Cr ≥ 1.5 mg/dL
        
        Plt. < 100,000
        
        สงสัยภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เจ็บครรภ์คลอดหรือมีน้ำเดิน
        
        ทารก
        
        ทารกโตช้าในครรภ์ระดับรุนแรง
        
        น้ำคร่ำน้อย (AFI < 5 cm.)
        
        มีlate หรือ variable deceleration ที่เกิดซ้ำ
        
        BPP ≤ 4 ทั้งสองครั้งเมื่อตรวจห่างกัน 6 ชม.
        
        ตรวจ doppler of umbilical artery
        พบ reverse diastolic blood flow
        
        ทารกเสียชีวิตแล้ว
        
        ประเมินผล
        
        มารดาได้รับการประเมินความรุนแรงของภาวะความดันโลหิตสูงในหญิงตั้งครรภ์ จากอาการแสดงที่มาพบแพทย์คือ ปวดศีรษะ อาการบวม และมีโปรตีนปนมากับปัสสาวะ อยู่ในภาวะ preeclampsia
        
        มารดาได้รับตัวไว้ในโรงพยาบาล ได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจาก preeclampsia ภาวะชัก
        
        มารดาได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะ preeclampsia ที่อาจนำมาสู่ภาวะชัก
        
        มารดาได้รับการพิจาณาให้คลอดบุตร มารดามีความเข้าใจในการพิจารณาคลอดบุตรในครั้งนี้
        
        เสี่ยงต่อการเกิดภาวะชักเนื่องจากความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
  - - - แนะนำสามีมาตรวจคัดกรองธาลัสซีเมียที่โรงพยาบาล ถ้าผลตรวจผิดปกติแนะนำสามีและภรรยาตรวจ Hb typing
        
        มารดาและสามี ตรวจคัดกรอง Hb typing ได้ผล Positive
      - Erythrocyte OsmolarityFlagility
        Test (OF หรือ EOFT) การตรวจ OF สามารถตรวจคัดกรองพาหะของโรคเลือดจางธาลัสซีเมียชนิด alpha และ beta ได้
        
        แปลผล
        
        OF ได้ผล + แสดงว่า เป็นพาหะหรือเป็นโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย
        
        OF ได้ผล - แสดงว่า ไม่ได้เป็นพาหะของโรคเลือดจางธาลัสซีเมียชนิด alpha และ beta แต่ อาจเป็นพาหะของ Hb E
        
        ถ้าค่า MCV น้อยกว่า 80 %
        แปลผลว่า OF: positive
        
        มารดามีค่า MCV 73.6 fL
    - - พบว่าไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์และ
        เด็กในครรภ์ แต่ภาวะโลหิตจางที่พบอาจเป็นผลจากภาวะขาดธาตุเหล็กร่วมด้วย โดยพบมากในกลุ่มของพาหะชนิดเบต้า
      - โดยทั่วไปจะมีระดับเหล็กและ ferritinในซีรั่มสูง อาจไม่ต้องให้เหล็กเสริมในระหว่างตั้งครรภ์ก็ได้ แต่ควรให้โฟเลตเสริมในขนาด 1 มิลลิกรัมต่อวัน หากมีภาวะขาดเหล็กร่วมด้วยก็ต้องให้ธาตุเหล็กทดแทน
    - - ประเมินภาวะความรุนแรงของธาลัสซีเมีย
        
        แนะนำการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินอาการและความรุนแรง
        
        ให้คำแนะนำในการปฎิบัติตัว การพักผ่อน การลดกิจกรรม และการเลือกรับประทานอาหร ควรเลือกรับประทานอาหาร เช่นเนื้อสัตว์ นม ไข่ อาหารที่มีโฟลิค ได้แก่ ผักต่างๆ ผลไม้สดรับประทานยาเสริมโฟเลท วันละ 1 เม็ด ห้ามซื้อยารับประทานเองโดยเด็ดขาด
        
        ติดตามผลการตรวจพาหะธาลัสซีเมียเพื่อวางแผนการให้การรักษาและการพยาบาล
        
        ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โลหิตวิทยา โดยเฉพาะ Hb Hct RBC
        
        แนะนำการมาตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดกรณีหากมีความรุนแรง
      - ประเมินผล
        
        มารดาและสามีได้รับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงธาลัสซีเมีย
        
        มาดราไม่มีความเสี่ยงของความรุนแรงจากพาหะธาลัสซีเมีย
        
        มารดาเข้าใจในการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและหากพบความผิดปกติมารดาจะรีบมาพบแพทย์
- - - - ทั้งสามีและภรรยา - Positive
    - - B Rh Positive
    - - Hct 39.5 %
      - MCHC 🡓31.9 g/dL
      - Hb 12.7 g/dL
      - MCV 🡑73.6 fL
      - RBC 🡑5.36 x10^6/uL
      - MCH 🡓23.7 pg
      - Neutrophil 🡑71.3 %
      - สามี
        
        MCHC 🡓31.9 g/dL
    - - ภรรยา
        
        Hb typing EA
        
        Interprete Hb E triat
        
        MCV 73.6 fL
      - สามี
        
        MCV 84.8 fL
        
        Interprete Hb E triat
        
        Hb typing EA
    - - 17/10/62 - 132 mg/dL
      - 20/02/63(24wk5d) - 117 mg/dL
    - - 14/11/2562 (10wk5d)
        
        Albumin 1+
        
        Glucose Neg
      - 17/10/2562(6wk5d)
        
        Leukocyte 1+
        
        Mucous 1+
        
        Bacteria - Rare
      - 30/03/63
        
        Albumin 3+
    - - Anomaly scan
        
        07/01/2563
        
        AGA Fetus
        
        recommend a further ultrasound scan in 4-5 wks. (follow up kidney and myoma)
        
        04/02/2563
        
        Fetal wellbeing Scan : Normal growth
- - - - ผลกระทบต่อทารกในครรภ์มารดา
        
        ทารกมีน้ำหนักน้อย
        
        อัตราตายปริกำเนิดของทารก (Perinatal motality rate)
        
        ความผิดปกติทางโครโมโซมของทารก
        
        Down syndrome
      - การพยาบาล
        
        เฝ้าระวังและประเมินภาวะเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
        
        อธิบายขั้นตอนเกี่ยวกับกระบวนการคลอดและการปฏิบัติตัวในระยะคลอด
        
        การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย
        
        เทคนิคการหายใจเพื่อลดความปวด
        
        คอยให้กำลังใจและให้คำปรึกษามารดา
        
        แนะนำการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น
        
        อธิบายให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์
        
        ตรวจ GCT เมื่อฝากครรภ์ครั้งแรกถ้าผลปกตินัด
        
        ตรวจซ้ำเมื่อ GA 24-28wks
        ตรวจultrasound
        
        เจาะน้ำคร่ำ (Amniocenthesis)
        
        เจาะเลือดจากสายสะดือของทารก (Chorionic villus sampling)
        
        แนะนำการนับลูกดิ้น และให้มารดานับลูกดิ้นทุกวัน หลังรับประทานอาหาร หากน้อยกว่า 10 ครั้ง/วัน ควรรีบมาพบแพทย์
        
        ประเมินผล
        
        มารดามีความเข้าใจในความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก
        
        มารดาได้รับการคัดกรองความเสี่ยง ดาวน์ ซินโดรมในทารก
        
        มารดามีความเข้าใจในการปฏิบัติตัว การนับลูกดิ้น การมาตรวจตามนัอย่างสม่ำเสมอ
      - ผลกระทบต่อมารดา
        
        การแท้งบุตร
        
        ปัญหาระยะคลอด
        
        การคลอดก่อนกำหนด
        
        การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        ความผิดปกติในการตั้งครรภ์
        
        การตั้งครรภ์นอกมดลูก
        
        ครรภ์แฝด
        
        ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
        
        รกเกาะต่ำ
        
        โรคเบาหวาน
        
        ความดันโลหิตสูง
        
        ภาวะน้ำคร่ำน้อย
      - มารดาอายุ 35ปี
  - - - ควรมาพบแพทย์ที่ฝากครรภ์สม่ำเสมอ เพื่อติดตามสุขภาพของทารก และขนาดของเนื้องอกเป็นระยะ รวมถึงการทำอัลตร้าซาวนด์ประมาณ เพื่อตรวจเช็คขนาดเนื้องอก และวางแผนการรักษาเนื้องอกมดลูกต่อไป
      - เนื่องจากมารดามีโอกาสแท้งบุตรได้ง่าย มารดาจึงควรระวังเป็นพิเศษ เช่น เดินให้น้อยลง งดกิจกรรมนอกบ้านที่ต้องเดินบ่อย งดมีเพศสัมพันธ์ ห้ามยกของหนัก ไม่เกร็งหน้าท้อง สวมใส่รองเท้าส้นเตี้ย
      - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อให้อาหารยังสามารถไปเลี้ยงทารกได้อย่างเต็มที่ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ
      - สังเกตอาการหากพบว่า มีเลือดออกจากช่องคลอด ปวดท้องน้อย ท้องแข็ง โดยเฉพาะเมื่อมดลูกขยายตัวจะทำให้ปวดท้องมาก ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
      - ประเมินผล
        
        มารดาเข้ารับการตรวจ ultrasound
        ครั้งแรก 07/01/2563 Anomaly scan : AGA Fetusแพทย์แนะนำการมาตรวจตามนัดอย่างเคร่งครัดในครั้งถัดไป
        ในครั้งที่ 2 04/02/2563 Fetal wellbeing Scan : Normal growth การเจริญเติบโตของทารกปกติ
        
        มารดามีความเข้าใจที่จะมาฝากครรภ์และตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
        
        มารดาได้รับคำแนะนำและมีความเข้าใจในการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน การสังเกตอาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์
      - แนะนำการนับลูกดิ้นโดยทำทุกวัน หากนับลูกดิ้นต่อวันได้น้อยกว่า 10 ครั้ง ถือว่ามีความผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์
      - ให้คำแนะนำในการตรวจพิเศษและเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์เสมอ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
    - - ไตรมาสที่ 2 - เลือดไปเลี้ยงทารกน้อยลง การเจริญเติบโตของทารกได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
      - ไตรมาสที่ 1 - ทารกในครรภ์ยังเติบโตได้ช้า และฝั่งตัวได้ไม่แน่น ทำให้มีโอกาสแท้งบุตรได้ และทำให้มารดาเลือดออกในช่องคลอดได้
      - ไตรมาสที่ 3 - เนื้องอกมดลูกมีโอกาสเบียดตัวเด็กทารกในครรภ์ ทำให้ทารกขยับตัว เคลื่อนไหวได้ไม่ดีนัก และมดลูกขยายตัวได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ และหลังคลอดมดลูกจะทำหน้าที่บีบตัวเพื่อเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อหยุดเลือด แต่เมื่อมีเนื้องอกมาขวางก็จะทำให้การหดรัดตัวของมดลูกได้ไม่ดีนัก ทำให้คุณแม่เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้
    - - Intramural Myoma (แทรกอยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อมดลูก)
      - Subserosa Myoma (ชนิดอยู่ภายใต้ชั้น serosa)
      - submucous Myoma (อยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก)
    - - ภาวะที่ระดับฮอร์โมน estrogen และ progesterone สูง เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่เป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตของเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก
      - การกลายพันธุ์ (mutation)
  - - - เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินความรู้ที่มารดามีในการปฏิบัติตนในขณะที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
        
        ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนสำหรับมารดาในการปฏิบัติตน ดังนี้
        
        การรับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ ควบคุมปริมาณอาหารและพลังงานที่จะควรได้รับ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด เค็ม ของทอด ของมัน ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ ดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร
        
        พักผ่อนให้เพียงพอ
        
        ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
        
        ชั่งน้ำหนักเพื่อติดตามค่า BMI และควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์
        
        ดูแลการมาตรวจตามนัดอย่างตรงเวลาเสมอ ติดตามอาการประเมินความรู้และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
        
        ติดตามค่าผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ BS 50 gm. Bun,Cr และ UA,UC
        
        ประเมินผล
        
        มารดาได้รับการประเมินความเสี่ยงการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ Glucose 50 mg. = 117 mg/dL
        
        มารดามีความรู้และเข้าใจในการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดเบาหวาน โดยการควบคุมอาหารและน้ำหนัก การเลือกที่จะปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร การออกกำลังกาย และการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามอาการและความเปลี่ยนแปลง
        
        การตรวจน้ำตาลในเลือด
        
        GCT (glucose 50 gm)
        
        20/02/63 - 117 mg/dL
        
        17/10/62 - 132 mg/dL
        
        OGTT (glucose 100 gm)
      - หญิงตั้งครรภ์ที่มี BMI ≥ 30
        
        น้ำหนักที่ควรเพิ่มขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ คือ 5-9 kg.
        
        น้ำหนักที่ควรเพิ่มแต่ละสัปดาห์ในไตรมาส 2-3 คือ 0.23 kg./wk.
      - ผลกระทบ
        
        ต่อทารก
        
        ทารกตัวโตมากกว่าปกติ มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ
        
        ทารกมีน้ำหนักน้อย
        
        ทารกเสียชีวิตในครรภ์
        
        ต่อมารดา
        
        การคลอดก่อนกำหนด (Preterm)
        
        การชักนำการคลอดไม่สำเร็จ ทำให้มีความเสี่ยงในการคลอดบุตรด้วยการผ่าตัดหน้าท้อง
        
        เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง
        
        ตกเลือดหลังคลอด (Postpartum hemorrhage)
        
        มีภาวะสะสมไขมันในตับ