Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลุ่มดาวและการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีอวกาศ (ดาวเคราะห์วงนอก คือ…
กลุ่มดาวและการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีอวกาศ
เทคโนโลยีอวกาศ
หมายถึงระเบียบวิธีการนำความรู้ เครื่องมือและวิธีการต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการศึกษาทางด้านดาราศาสตร์ และอวกาศ ตลอดจนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ด้วย
การเดินทางสู่อวกาศ
1.แรงโน้มถ่วงของโลก เป็นแรงที่ดึงดูดต่อวัตถุทั้งหมดบนโลกไม่ให้หลุดลอยออกไปนอกโลก
2.แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา การส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมขึ้นจากพื้นโลกต้องอาศัยแรงขับดันที่สูงมากจากจรวด "ทุกแรงกิริยาก็ย่อมมีแรงปฎิกิริยาที่มีขนาดเท่ากันกระทำในทิศตรงข้ามกันเสมอ"
3.วงโคจรของดาวเทียม ความเร็วของดาวเทียมที่โคจรรอบโลกจะสมดุลกับแรงโน้มถ่วงของโลก
ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ
ได่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้น
สปุตนิก1
เป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ ไปสำรวจเกี่ยวกับความหนาแน่น อุณหภูมิ และจำนวนอิเล็กตรอนในชั้นบรรยากาศสูงสุดของโลก
อพอลโล11
จัดส่งมนุษย์ขึ้นไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์เป็นครั้งแรก นีลอาร์มสตรอง เป็นมนุษย์อวกาศคนแรกที่ลงไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์
เทคโนโลยีสำรวจอวกาศ
1.ดาวเทียม
สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก โดยอาศัยหลักความเข้าใจเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงของโลก
2.ยานอวกาศ
คือยานพาหนะที่มีเครื่องยนต์หรือสิ่งอื่นที่ใช้บังคับยานอวกาศให้เคลื่อนที่ไปหรือกลับสู่พื้นโลก
3.จรวด
สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้เป็นอาวุธและใช้ในการส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมขึ้นจากพื้นโลก
4.ยานขนส่งอวกาศ
เครื่องบินอวกาศหรือกระสวยอวกาศ ใช้ขนส่งเครื่องมือ อุปกรณ์ มนุษย์และสิ่งต่างๆ ออกไปนอกโลก สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
5.สถานีอวกาศ
คือ ห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก
6.กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
คืออุปกรณ์ที่ใช้สังเกตการณ์ทางด้านดาราศาสตร์
ดาวเคราะห์วงใน
คือดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ดาวพุธ ดาวศุกร์
ดาวพุธ
MERCURY เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร ไม่มีบรรยากาศปกคลุม ลักษณะพื้นผิวของดาวพุธเต็มไปด้วยหลุมบ่อมากมาย คล้ายพื้นผิวของดวงจันทร์และมีแอ่งที่ราบขนาดใหญ่ นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่า เป็นแอ่งที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาต ในยุคเริ่มอรกของระบบสุริยะ ในเวลากลางวันอุณหภูมิจะสูงถึง 430 องศาเซลเซียส ส่วนในเวลากลางคืนจะต่ำลงถึง -170 องศาเซลเซียส ได้รับฉายาว่า
เตาไฟแช่แข็ง
ดาวศุกร์
VENUS เป็นดาวเคราะห์ที่มองเห็นสว่างที่สุดในท้องฟ้าและไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร ถ้าเห็นในตอนหัวค่ำ เรียกว่า
ดาวประจำเมือง
ถ้าเห็นในตอนเช้ามึด จะเรียกว่า
ดาวประกายพรึก
มีลักษณะคล้ายกับโลก จนได้ ฉายาว่าดาวเคาะห์ฝาแฝดของโลกพื้นผิวของดาวศุกร์ปกคลุมอุกกาบาตเช่นเดียวกับดาวพุธเพราะอุกาบาตถูกเผาไหม้ไปจนหมดระหว่างเดินทางเข้าสู้ชั้น
บรรยากาศที่หนาแน่นของดาวศุกร์
ดาวเคราะห์วงนอก
คือ ดาวเคราะห์ที่ถัดออกไปจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ 5 ดวง
ดาวอังคาร
MAR เป็นดาวที่มีขนาดเล็กกว่าโลกประมาณครึ่งหนึ่ง อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 277.9 ล้านกิโลเมตร มีฉายาว่า
ดาวเคราะห์สีแดง
เป็นดาวที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเชื่อว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ จึงมีการส่งยานอวกาศไปสำรวจหลายครั้ง
ดาวพฤหัสบดี
JUPITER เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีฉายาว่า
ดาวเคราะห์ยักษ์
อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 740.9 ล้านกิโลเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 142984 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเองน้อยที่สุด ดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเสาร์ แต่เป็นวงแหวนลักษณะบางๆ ไม่สามารถมองเห็นจากโลกได้ พื้นผิวเต็มไปด้วยแก๊สที่มีความหนาแน่นสูงกดทับกัน มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 67 ดวง ถ้ามองผ่านกล้องโทรทรรศน์จะเห็นเพียง 4 ดวง
ดาวเสาร์
SATURN เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 6 ของระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สองรองจากดาวพฤหัสบดี มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 62 ดวง โดยดวงจันทร์บริวารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ ไททัน ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่สวยที่สุด เมื่อมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ เนื่องจากมีวงแหวนอยู่ประมาณ 7 ชั้น ล้อมรอบ และมีวงแหวนเล็กๆ ซ้อนกันอยู่จำนวนมาก
ดาวยูเรนัส
URANUS เป็นดาวเคราะห์แก๊สสีเขียวอ่อน ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ มีวงแหวนบางๆล้อมรอบ อย่างน้อย 9 วง รอบเส้นศูนย์สูตรของตัวเอง ดาวยูเรนัสโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยเอาขั้วนำไปก่อน ทำให้เรามองเห็นวงแหวนในแนวดิ่ง นอกจากนี้ ยังมีลักษณะพื้นผิว และ บรรยากาศคล้ายดาวพฤหัสบดี และ ดาวเสาร์
ดาวเนปจูน
NEPTUNE เป็นชื่อเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์วงนอกทั้ง 5 ดวง แผ่พลังงานออกมา มากกว่าได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ เพราะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 4456 ล้านกิโลเมตร พื้นผิวมีอุณหภูมิเย็นจัดถึง -200 องศาเซลเซียส
ดาวฤกษ์
คือ มวลของกลุ่มแก๊สร้อนรูปทรงกลมที่สามารถเปล่งพลังงานแสง พลังงานความร้อน และรังสีต่างๆ ออกมาได้ ซึ่งพลังงานต่างๆ เหล่านี้เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน เช่นเดียวกับ การปลดปล่อยพลังงานของดวงอาทิตย์
ดาวฤกษ์มีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ไฮโดรเจน ร้อยละ 90.8 ฮีเลียม ร้อยละ 9.1 และธาตุโลหะอื่นๆ ที่อยู่ในสภาพของแก๊ส ร้อยละ 0.1
ดาวฤกษ์แต่ละดวงอยู่ห่างกันมาก และทุกดวงเคลื่อนที่อยู่ภายในกาแล็กซี โดยรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้คงที่ เมื่อมองด้วยตาเปล่า จะเห็นดาวฤกษ์มีแสงกระพริบตลอดเวลา แต่ในความจริงดาวฤกษ์ไม่ได้กระพริบแสง แต่เรามองเห็นเพราะ แสงเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลกที่มีความแปรปรวนอยู่ตลอดจึงทำให้แสงเกิดการหักเห
กลุ่มดาวฤกษ์
หมายถึง การที่ดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าอยู่ประจำที่ ทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ตามที่ผู้มองจินตนาการ นักดาราศาสตร์ได้จัดกลุ่มดาวบนท้องฟ้าทั้งหมดเป็น 88 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มดาว 12 ราศี และกลุ่มดาวนอกราศีอีก 76 กลุ่ม
กลุ่มดาว 12 ราศี
ปรากฏอยู่ตามเส้นแถบสุริยะวิถี กลางท้องฟ้าที่พาดผ่านจากขอบฟ้าทิศตะวันออกไปถึงขอบฟ้าด้านทิศตะวันตก เป็นแนวการโคจรปรากฏของดวงอาทิตย์นั่นเอง
เดือนมกราคม - ราศีมังกร เดือนกุมภาพันธ์ - ราศีกุมภ์ เดือนมีนาคม - ราศีมีน เดือนเมษายน - ราศีเมษ เดือนพฤษภาคม - ราศีพฤษภ เดือนมีถุนายน - ราศีเมถุน เดือนกรกฎาคม - ราษีกรกฏ เดือนสิงหาคม - ราศีสิงห์ เดือนกันยายน - ราศีกันย์ เดือนตุลาคม - ราศีตุลย์ เดือนพฤศจิกายน - ราศีพิจิก เดือนธันวาคม - ราศี ธนู
กลุ่มดาวฤดูกาลต่างๆ
1.กลุ่มดาวฤดูหนาว ฤดูนี้จะเห็นกลุ่มดาวที่สวยสะดุดตาที่สุดอยู่กลางท้องฟ้า เช่น กลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาววัว กลุ่มดาวลูกไก่
2.กลุ่มดาวฤดูร้อน ถึงเดือนมิถุนายน เห็นได้ชัดเจนคือ กลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวจระเข้ รองลงมาคือ กลุ่มดาวกางเขนใต้ กลุ่มดาวสิงโต กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวหญิงพรหมจารี
3.กลุ่มดาวฤดูฝน เช่น กลุ่มดาวหงส์ กลุ่มดาวพิณ กลุ่มดาวเฮอร์คิวลิส
แผนที่ดาว
คือ แผนที่แสดงตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าที่โคจรรอบโลกของเรา มีลักษณะเป็นทรงกลม และกำหนดให้ตัวผู้ดูเป็นศูนย์กลางของท้องฟ้าเสมอ
การทำแผนที่ดาว
จะต้องทราบทิศบนท้องฟ้า เส้นขอบฟ้า เส้นเมอริเดียนท้องฟ้า เส้นศูนย์สูตรฟ้า และจุดยอดท้องฟ้า
การอ่านแผนที่ดาว
ต้องแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วยกแผนที่ดาวขึ้นเหนือศีรษะ ตั้งทิศตามแผนที่ดาวและทิศจริงในื้องฟ้าให้ตรงกัน จะทำให้เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าตรงกับตำแหน่งที่อยู่ในแผนที่ดาว