Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การจัดการความรู้ทางการพยาบาลและการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ…
การจัดการความรู้ทางการพยาบาลและการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ
การพัฒนาระบบสาระสนเทศด้วยองค์ประกอบของไตรภาคี
งานพัฒนาระบบสาระสนเทศในองค์กรประกอบด้วยบุคคลสำคัญสามฝ่าย คือฝ่ายบริหารฝ่ายปฏิบัติงานและฝ่ายผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสาระสนเทศบุคคลทั้งสามฝ่ายต้องมีเป้าหมายร่วมกันเข้าใจตรงกันประสานสัมพันธ์กันร่วมมือกันส่งเสริมสนับสนุนกัน จึงจะทำให้กระบวนการพัฒนาระบบสาระสนเทศประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ระบบสาระสนเทศสำหรับพยาบาล
การพัฒนาระบบสาระสนเทศทางการพยาบาลเป็นงานยากเพราะการพยาบาลมีเนื้อหาสาระมีความสลับซับซ้อนและมีความยืดหยุ่นสูงวิธีการทำงานและอาณาเขตความรู้ทางการพยาบาลไม่ค่อยชัดเจนต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยและประชาชนทุกระดับอายุต้องเกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวนมากต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับหลายระบบงานในโรงพยาบาลจึงต้องการทีมงานพัฒนาระบบที่เก่งและแข็งแกร่งมากหากทีมงานพัฒนาระบบไม่แข็งแรงอาจทำให้พัฒนางานได้ล่าช้าในงานไม่ตรงความต้องการระบบไม่สามารถประสานสัมพันธ์กับระบบงานอื่นได้ไม่บังเกิดประโยชน์ตามที่คาดหวังเสียค่าใช้จ่ายมากเกินงบประมาณที่กำหนดนำไปสู่ความล้มเหลวได้ในที่สุด
การริเริ่มร้องขอให้มีระบบสาระสนเทศทางการพยาบาลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจในงานดูแลผู้ป่วยและงานบริหารการพยาบาลต้องระบุบอกความต้องการจากปัญหาของงานการพยาบาลเองการพัฒนาหรือสร้างระบบสาระสนเทศทางการพยาบาลก็เพื่อปรับปรุงงานงานการพยาบาลผู้ที่จะเข้าใจความประสงค์ความต้องการและปัญหาของงานการพยาบาลดีที่สุดคือพยาบาลดังนั้นพยาบาลควรได้มีส่วนร่วมในงานพัฒนาระบบสาระสนเทศตลอดกระบวนการพัฒนาระบบของงานการพยาบาลการมีส่วนร่วมนี้จะมีหลายบทบาทหน้าที่จึงอาจต้องมีหลายคนหลายระดับแต่ละคนแต่ละระดับมีความสำคัญแตกต่างกันไปตามภาระหน้าที่
การพัฒนาสารสนเทศทางการพยาบาล
พยาบาลสารสนเทศ และพยาบาลเพิ่มสมรรถนะด้านการใช้เทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์
ระบบสารสนเทศทางการพยาบาลที่เชื่อมโยงในแต่ละระดับของข้อมูล (หน่วยงาน โรงพยาบาล จังหวัดส่วนกลาง)
การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในระบบการปรึกษางานการพยาบาล ทั้งระบบพยาบาลปรึกษาพยาบาล เฉพาะทาง และระบบผู้ป่วย/ประชาชนปรึกษาพยาบาล
การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลด้านการพยาบาลเพิ่มมากขึ้น
นวัตกรรมด้านสารสนเทศทางการพยาบาลมากขึ้น
การจัดการความรู้(Knowledge Management )
เป็นปัจจัยพื้นฐานสาคัญที่จะทาให้การดำเนินงาขององค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการได้จัดให้การ การความรู้เป็นเกณฑ์มาตรฐาน
ความสำคัญของการจัดการความรู้
แนวคิดที่มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้มากแต่เพียงอยางเดียวจึงเปลี่ยนไป และ การบริหารจัดการความรู้จึงสัมพันธ์กบเรื่ององค์กรแห่ง การเรียนรู้(Learning Organization) เป็นอย่างยิ่ง หากองค์กรจะ พัฒนาตนเองให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ก็จำเป็น จะต้องบริหารจัดการความรู้ภายในองค์กรให้เป็นระบบเพื่อส่งเสริมให้ บุคลากรเรียนรู้ได้จริงและต่อเนื่อง การบริหารจัดการความรู้ มีความซับซ้อนมากกวาการพัฒนาบุคลากรด้วยการฝึกอบรม
องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการความรู้
การรวบรวม สร้าง จัดระเบียบ แลกเปลี่ยน และ ประยุกต์ใช้ความรู้ในองค์กร โดยพัฒนาระบบข้อมูลไปสู่สารสนเทศ เพื่อให้เกิด ความรู้และ ปัญญาในที่สุดการจัดการความรู้ประกอบไปด้วยชุดของการปฏิบัติงานที่ถูกใช้โดยองค์กรๆเพื่อที่จะระบุสร้าง แสดงและ กระจายความรู้เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้และการเรียนรู้ภายในองค์กรันาไปสู่การจัดการสารสนเทศที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น
ระดับของความรู้
1.ความรู้เชิงทฤษฏี(Know-What) เป็นความรู้เชิงข้อเท็จจริง รู้อะไรเป็นอะไร จะพบในผู้ที่สำเร็จการศึกษามาใหม่ๆ ที่มีความรู้โดยเฉพาะความรู้ที่จำมาได้จากความรู้ชัดแจ้งซึ่งได้จากการได้เรียนมาแต่เวลทำงาน ก็ จะไม่มั่นใจมักจะปรึกษารุ่นพี่ก่อน
2.ความรู้เชิงทฤษฏีและเชิงบริบท(Know-How) เป็นความรู้เชื่อมโยงกบโลกของความเป็นจริงภายใต้สภาพ ความเป็นจริงที่ซับซ้อนสามารถเอาความรู้ชัดแจ้งที่ได้มาประยุกต์ใช้ตามบริบทของตนเอง 21
3.ความรู้ในระดับที่อธิบายเหตุผลKnow -(Why) เป็นความรู้เชิงเหตุผลระหว่างเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ผล ของประสบการณ์แก้ปัญหาที่ซับซ้อนและนำประสบการณ์ที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่น
4.ความรู้ในระดับคุณค่า ความเชื่อ (Care-Why) เป็นความรู้ในลักษณะของความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ที่ขับดันมา จากภายในตนเองจะเป็นผู้ที่สามารถสกัด ประมวล วิเคราะห์ความรู้ที่ตนเองมีอยู่กับความรู้ที่ตนเองได้รับมา
ประเภทของความรู้
2.1.1 ความรู้แบบฝังลึก
ความรู้แบบฝังลึกTacit( Knowledge) เป็นความรู้ที่ไม่สามารถอธิบายโดยใช้คาพูดได้มีรากฐานมาจากการ กระทำและประสบการณ์ มีลักษณะเป็นความเชื่อ ทักษะและเป็นอัตวิสัย(Subjective) ต้องการการฝึกฝนเพื่อให้เกิด ความชำนาญมีลักษณะเป็นเรื่องส่วนบุคคล มีบริบทเฉพาะ (Context specific) ทำให้เป็นทางการและสื่อสารยาก
2.1.2 ความรู้ชัดแจ้ง
ความรู้ชัดแจ้ง(Explicit Knowledge ) เป็นความรู้ที่รวบรวมได้ง่าย จัดระบบและถ่ายโอนโดยใช้วิธีการ ดิจิตอล มีลักษณะเป็นวัตถุดิบ(Objective) เป็นทฤษฏีสามารถแปลงเป็นรหัสในการถ่ายทอดโดยวิธีการที่เป็นทางการ ไม่จำเป็นต้องอาศัยการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้และกลยุทธ์เป้าหมาย และความสามารถขององค์กรความรู้ยิงมีลักษณะไม่ชัดแจ้งมากเท่าไร