Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 19 พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562 (หมวด 2…
บทที่ 19 พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562
ให้ไว้ ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2562
มาตรา 1 พรบนี้ เรียกว่า "พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562"
มาตรา 2 พรบนี้ ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจนุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพรบนี้
"เด็กปฐมวัย" หมายความว่า เด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า6 ปีบริบูรณ์และให้หมายความรวมถึง เด็กซึ่งต้องได้รับการพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาในระดับในระดับประถมศึกษา
"การพัฒนาเด็กปฐมวัย" หมายความว่า การดูแล การพัฒนา และการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ดูแลเด็กปฐมวัย
"ผู้ดูแลปฐมวัย" หมายความว่า บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ซึ่งเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย
"สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย" หมายความว่า ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์บริการช่วยเหลือ ระยะแรกเริ่มของเด็กพิการหรือเด็กซึ่งมีความต้องการพิเศษ สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กซึ่งมีเด็กปฐมวัยวัยอยู่ในความคุ้มครองดูแลหรือสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการนโยบาบการพัฒนาเด็กปฐมวัย
หมวด 1 บททั่วไป
มาตรา 5 การพัฒนาเด็กปฐมวัยตามพรบนี้ มีวัตถุประสงค์ คังต่อไปนี้
ให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครอง
3.ให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการที่ดีรอบด้านทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์สังคมและสติปัญญาให้สมกับวัย
ให้มารดาได้รับการดูแลในระหว่างตั้งครรภ์
สร้างคุณลักษณะให้เด็กปฐมวัยมีอุปนิสัยใฝ่ดี มีคุณธรรม มีวินัย ใฝ่รู้ มีความคิด สร้างสรรค์
บ่มเพาะเจคติของเด็กปฐมวัยให้เคารพคุณค่าของบุคคลอื่น
6.ให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยได้รับความรู้ ทักษะ และเจคติที่ดีในการพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 6 ให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่เกี่ยวข้องมีภารกิจร่วมกันดำเนินการเพื่อให้มีการพัฒนาเด็กปฐมวัย และดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐาน
มาตรา 7 บิดา มารดา และผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้เด็กปฐมวัย ซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการพัฒนา ตามแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 8 การจัดการเรียนรู้ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องไปเพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัย แต่ต้องไม่เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการสอบแข่งขันระหว่างปฐมวัย
หมวด 2 คณะกรรมการนโยบายพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 4 ให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ประกอบด้วย
นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ รมต.ว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทย รมต.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รมต.ว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายกสมคมองค์การบริหารส่วยจังหวัดแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย
3.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 คน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการศึกษา ด้านการศึกษาพิเศษ ด้านการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์และด้านสื่อสารมวลชน ด้านละ 1 คน และด้านการบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยจำนวน 2 คน ซึ่งมาจากสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยภาครัฐ 1 คน ภาคเอกชน 1 คน
**ให้เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้แต่งตั้งข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จำนวนไม่เกิน 2 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
มาตรา 10 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 5 (3) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ต้องห้ามดังต่อไปนี้
มีสัญชาติไทย
2.มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี
3.ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคลคลล้มละลายทุจริต
4.ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
5.ไม่เคยได้รับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
ุ6.ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่ง
7.ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่
มาตรา 11 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 9 (3) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้
มาตรา 12 นอกจาการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผุ้ทรงคุณวุฒิตามาตรา 5 (3) พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
1.ตาย 2.ลาออก 3.ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 90 4.ขาดประชุมคณะกรรมการ3ครั้งติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร 5.นายกรัฐมนตรีให้ออก เพราะบกพร่องหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย
มาตรา 13 ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาตรา 9 (3) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผูทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง และให้ผู้ซึ่งได้รับหารแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่ง เว้นแต่วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นเหลือไม่ถึง90 วันจะไม่แต่งตั้งกรรมการแทนก็ได้
มาตรา 14 คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ต่อไปนี้
1.จัทำนโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
2.อนุมัติแผนงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีแบบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
3.เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในการพัฒนาเด็กปฐมวัยและการจัดการศึกษาของเด็กปฐมวัยตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาให้เชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย
เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฏหมาย
5.บูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
6.กำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
7.กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับเด็กปฐมวัยเข้าศึกาในระดับอนุบาลและระดับประถมศึกษา
(4) กำหนดสมรรถนะและตัวชี้วัดการพัฒนาเด็กปฐมวัย
(4) ติดตามและส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศของเด็กปฐมวัยอย่างเป้นระบบ
10.ส่งเสริมให้มีการศึกาาวิจัยและการสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
11.ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและครูอาจารย์สามารถดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่าง มีคุณภาพตามหลักการและปรัชญาของการพัฒนาเด็กปฐมวัย
12.ประสานงานและให้ข้อมูลแก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
13.ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฏหมายอื่น
มาตรา 16 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งที่ปรึกษา และคณะอนุกรรมการ เพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้
มาตรา 15 การประชุมของคณะ
มาตรา 15 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึงของคณะกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป้นประธานในที่ประชุม
-การวินัจฉัยชี้ขาดที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป้นเสียงชี้ขาด
ให้มีการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง
มาตรา 17 ให้มีคณะอนุกรรมการบูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้ง มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะกรรมการในเรื่อง ดังต่อไปนี้
1.จัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
2.กำหนดแนวทางบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
3.จัดทำแผนงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีแบบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
4.กำหนดแนวทางการติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
5.จัดทำมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
6.จัดทำสมรรถนะและตัวชี้วัดการพัฒนาเด็กปฐมวัย
7.ปฏิบัติการอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา 18 ให้สำนักงานเลขาธิการสภาการสึกษาทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม งานวิชาการ การศึกษาข้อมูลและกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ และมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
1.รวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการจัดทนโยบายระดับชาติ
2.วิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการเพื่อผลักดันและสนับสนุนการนำนโยบายระดับชตาติ
3.จัดทำและพัฒนากลไกและระบบการ
10ประสานงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย
4.ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ
5.ให้คำแนะนำแก่หน่วยงานของรัฐ องคืกรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
6.เสนอแนะแนวทางการจัดสรรและแสวงหาทรัพยากร
7.จัดให้มีการศึกาาวิจัยและการสร้างนวัตกรรม
8.สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเด็กปฐมวัยเพื่อจัดทำฐานข้อมุล
9.จัดทำการประเมินผลการปฏิบัติงานตามนโยบาบระดับชาติด้านพัฒนาเด็กปฐมวัยและแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อเสนอต่อครม.เพื่อทราบ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
10.ปฏิบัติการอื่นตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย
หมวด 3 แผนการพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา19 ให้คณะกรรมการเสนอแผนพัฒนาปฐมวัยต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไป
มาตรา 20 แผนพัฒนาเด็กปฐมวัยตามมาตรา 14 ต้องกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลา การใช้บังคับแผน การบริหารและพัฒนาเด็กปฐมวัย วิธีการปฏิบัติ หน้วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระยะเลา ในการดำเนินการให้ชัดเจน และอย่างน้อยต้องมีแนวทางการดำเนินการในดรื่อง ดังต่อไปนี้
1.แผนงานและโครงการของน่วยงานของรับและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหารใช้งบประมาณ
2.การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
3.การส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
4.การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อมในครอบครัวและชุมชนที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย
5.การจัดให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความสามารถ ศักยภาพและคุณธรรม
6.การจัดทำฐานข้อมูลเด็กปฐมวัย
มาตรา 21 เมื่อได้มีการประกาศแผนพัฒนาเด็กปบมวัยแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วยท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 22 ให้คณะกรรมการติดตามให้หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติการแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยหรือภาคเอกชนที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ ตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ปฏิบัตืหรือดำเนินการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ในกรณีที่มีการไม่ปฏิบัติหรือไม่ดำเนินการตามแผนดังกล่าว ให้คณะกรรมการแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือภาคเอกชน แล้วแต่กรณี
หมวด 4 การพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 23 ในการผลิตครูหรือพัฒนาครูด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้สถาบันอุดมศึกษา จัดให้มีการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของความเป็นครู มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ทักษะและความสามรถในการจัดการเรียนการสอน
มาตรา 24 สถานพยาบาลของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชน ที่มีหน้าที่ให้บริการสาธารณสุขแก่หญิงตั้งครรภ์และเด็กปฐมวัย ต้องจัดให้มีการให้บริกาารสุขภาพแก่มารดาและบุตรอย่างทั่วถึง
มาตรา 25 สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีหน้าที่จัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย ต้องจัดให้มีการอบรมเลี้ยงดู เพิ่มพูนประสบการณ์ ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้และการจัดการศึกษาแก่ปฐมวัย อย่างทั่วถึง
มาตรา 26 หน่วยงานของรัฐ องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นหรือภาคเอกชน ที่มีหน้าที่ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เดฝ้กปฐมวัย
มาตรา 27 นอกจากการดำเนินการตามมาตรา 24 มาตรา 25 และมาตรา 26 หน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ที่มีหน้าที่ให้บริการสาธารณสุข จัดการศึกษาและจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่ปฐมวัย ต้องดำเนินการ ต่อไปนี้
1.ให้ความรู้ ส่งเสริมทักษะ และสร้างเสริมเจตคติที่ดีแก่ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและบุคคลอื่น ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในเรื่องการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างทั่วถึง
2.จัดให้มีการคัดกรองที่เป็นระบบและได้มาตรฐาน เพื่อค้นหาเด็กปฐมวัยที่พิการหรือมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม หรือสติปัญญาหรือเด็กปบมวัยที่ไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาสหรือเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการการพัฒนาเป็นพิเศษอย่างทันท่วงที
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ
มาตรา 28 เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน อาจดำเนินการบูรณาการ โดยจัดให้มีการบริการสาธารณสุข จัดการศึกษาหรือจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่ปฐมวัยในหน่วยงานเดี่ยวกันได้