Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 19 พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐวัยพ.ศ.2562 (หมวด 2 …
บทที่ 19 พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐวัยพ.ศ.2562
หมวด 1
บททั่วไป
มาตรา 5
การพัฒนเด็กปฐมวัยวัยตามพระราชบัญญัตินี้ มีวัตถุประสงค์
ให้มันกาได้รับการดูแลในระหว่างตั้งครรภ์เพื่อให้บุตรที่อยู่ในครรภ์มีสุขภาวะและพัฒนาการที่ดี
ให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการล่วงละเมิดไม่ว่าในหนทางใด
ให้เด็กประถมวัยมีพัฒนาการที่ดีรอบด้านทั้งทางร่างกายจิตใจวินัยอารมณ์สังคมและสติปัญญา
สร้างคุณลักษณะให้เด็กประถมวัยมีอุปนิสัยไฟดีมีคุณธรรมมีวินัยใฝ่รู้มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถซึมซับสุนทรียและวัฒนธรรมที่หลากหลายได้
บ่มเพาะเจตคติของเด็กประถมวัยให้เคารพคุณค่าของบุคคลอื่น
ให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยได้รับความรู้ทักษะและเจนคติที่ดีในการพัฒนาเด็กประถมวัย
มาตรา 6
ให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องมี
ภารกิจร่วมกันดำเนินการเพื่อให้มีการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยและดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐาน
มาตรา 7
บิดา มารดา และผู้ปกครอง มีหน้าที่จัดให้เด็กปฐมวัยซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการพัฒนาตามแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 8
การจัดการเรียนรู้ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นไปเพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัย แต่ต้องไม่เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการสอบแข่งขันระหว่างเด็กปฐมวัย
หมวด 2
คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 9
ให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยประกอบด้วย
นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ
กรรมการโดยตำแหน่ง
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนแปดคน
มาตรา 10
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 5 (3) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
มีสัญชาติไทย
มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี
ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคน
เสมือนไร้ความสามารถ
ไม่เคยได้รับโทษจำคุกคุก
ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ
มาตรา 11
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 9 (3) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
มาตรา 12
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา5 (3) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
ตาย
ลาออก
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
ตามมาตรา 90
ขาดประชุมคณะกรรมการสามครั้ง
ติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตาม
หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
นายกรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่อง
ต่อหน้าที่มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ
มาตรา 13
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา9 (3) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 60 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง
มาตรา 14
คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้
1.จัดทำนโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
อนุมัติแผนงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี
แบบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในการพัฒนาเด็กปฐมวัยและการจัดการศึกษาของเด็กปฐมวัยตั้งแต่ระดับ
อนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาให้เชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย
เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่จำเป็น
เพื่อดำเนินการตามนโยบายระดับชาติ ด้านการ
พัฒนาเด็กปซมวัยและแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
บูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยของหน่วยงานของรัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาคเอกชนและภาคประชา
สังคม ใฝให้เป็นไปตามนโยบายระดับชาติด้านการพัฒนา
เด็กปฐมวัย แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
กำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการ
พัฒนาเด็กปฐมวัย
กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับเด็กปฐมวัยเข้าศึกษา
ในระดับอนุบาลและระดับประถมศึกษา เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัย
กำหนดสมรรถนะและตัวชี้วัดการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัย
ติดตามและส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนิน
การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศของเด็กปฐมวัยอย่างเป็นระบบ
ส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัยและการสร้าง
นวัตกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและครูอาจารย์สามารถ
ดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่างมีคุณภาพตามหลัก
การและปรัชญาของการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ประสานงานและให้ข้อมูลแก่กองทุนเพื่อความเสมอ
ภาคทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
กำหนดให้เป็นหน้าที่หรืออำนาจของคณะกรรมการ หรือ
ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
มาตรา 15
การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
มาตรา 16
ในการปฎิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งที่ปรึกษาและคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้
มาตรา 17
ให้มีคณะอนุกรรมการบูรณาการการ
พัฒนาเด็กปซฐมวัย ซึ่งคณะกรรมการ
แต่งตั้งมีหน้าที่และอำนาจในการเสนอ
แนะและให้ความเห็นต่อคณะกรรมการ
ในเรื่องดังต่อไปนี้
จัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับ
กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์
ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
กำหนดแนวทางบูรณาการการทำงานร่วมกัน
ระหว่างหน่วยงานของรัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
จัดทำแผนงบประมาณและแผนการ
ดำเนินงบประมาณประจำปีแบบบูรณาการ
กำหนดแนวทางการติดตาม กำหนดแนวทางการติดตามผล
การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐองค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นภาคเอกชนและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
จัดทำมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัย
จัดทำสมรรถนะและตัวชี้วัดการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ปฏิบัติการอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คณะ กรรมการมอบหมาย
มาตรา 18
รวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการจัดทำ
นโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยและแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
วิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการเพื่อ
ผลักดันและสนับสนุนการนำนโยบาย
ระดับชาติ
จัดทำและพัฒนากลไกลและระบบการ
ประสานงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือ
ข่ายในระดับจังหวัดและระดับอำเภอเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ให้คำแนะนำแก่หน่วยงานของรัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
ส่วนเงินและแนวทางการจัดสรรและ
แสวงหาทรัพยากรเติมสนับสนุนและ
พัฒนาเด็กปฐมวัยให้เป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพต่อคณะกรรมการ
จัดให้มีการศึกษาวิจัยและการสร้าง
นวัตกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัย
สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเด็ก
ปฐมวัยเพื่อจัดทำฐานข้อมูลรวมทั้ง
ติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับเด็กปฐมวัย
จัดทำการประเมินผลการปฏิบัติงาน
ตามนโยบายระดับชาติด้านการพัฒนา
เด็กปฐมวัยและแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
ปฏิบัติการอื่นตามที่คณะกรรมการ
หรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย
หมวด 3
แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 19
ให้คณะกรรมการเสนอแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไป
มาตรา 20
แผนพัฒนาเด็กประถมมาไวตามมาตรา 14 ต้องกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาการใช้แผนบังคับและอย่างน้อยต้องมีแนวทางการดำเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้
แผนงานและโครงการของหน่วย
งานของรัฐและองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น
การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วย งานของรัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
การส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กประถมมาไวให้มี
คุณภาพได้มาตรฐานและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อมใน
ครอบครัวและชุมชนที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย
การจัดให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยให้มีความสามารถศักยภาพและคุณธรรม
6.การจัดทำฐานข้อมูลเด็กปฐมวัย
มาตรา 21
เมื่อได้การประกาศแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยแล้วให้หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการภารกิจที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กประถมวัยจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยและปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว
มาตรา 22
ให้คณะกรรมการติดตามให้ในงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
หมวด 4
การพัฒนาเด็กปฐมวัย
มาตรา 23
ในการผลิตครูหรือพัฒนาครูด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สถาบันอุดมศึกษาจัดให้มีการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของความเป็นครู
มาตรา 24
สถานพยาบาลของหน่วยงานของรัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือภาคเอกชนที่มีหน้าที่ให้บริการสาธารณะสุขแก่หญิงตั้งครรภ์และเด็กปฐมวัยต้องจัดให้มีการบริการสุขภาพแก่มารดาและบุตรอย่างทั่วถึง
มาตรา 25
สถานพัฒนาเด็กมอวัยที่มีหน้าที่จัดการศึกษาให้เด็กปฐมวัยต้องจัดให้มีการอบรม เลี้ยงดูเพิ่มพูนประสบการณ์ซึ่งส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้และจัดการศึกษาแกเด็กปฐมวัยอย่างทั่วถึง
มาตรา 26
หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนที่มีหน้าที่ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ต้องจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิ์แก่เด็กปฐมวัย
มาตรา 27
นอกจากการดำเนินการตามมาตรา 24 มาตรา 25 และมาตรา 26 หน่วยงานของรัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ที่มีหน้าที่ให้บริการสาธารณะสุขจัดการศึกษาและจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิ์แก่เด็กปฐมวัย ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
ให้ความรู้ส่งเสริมทักษะและสร้างเสริมเจตคติ ที่ดีแก่ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
จัดให้มีการคัดกรองที่เป็นระบบและได้
มาตรฐานเพื่อค้นหาเด็กปฐมวัยที่พิการหรือมี
ความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังค หรือสติปัญญา
มาตรา 28
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน อาจดำเนินการแบบบูรณาการ โดยจัดให้มีบริการสาธารณสุขจัดการศึกษาหรือจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กปฐมวัยในหน่วยงานเดียวกันได้
บทเฉพาะกาล
มาตรา 29
ในวาระเริ่มแรกให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการตามมาตรา4 (1) และ(2) และให้เลขาธิการสภาการศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา 30
ในวาระเริ่มแรกให้สำนักงานงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่สำนักงานเลขาธิการสถานศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 31
ในระหว่างที่คณะกรรมการยังมิได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตรา 27 (2) ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการเข้าถึงสิทธิและได้รับโอกาสในการพัฒนาที่มีคุณภาพสิ่งอำนวยความสะดวกสื่อและบริการ
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
นางสาวอาดีลาฮ โตะเหม เลขที่ 21 รหัส 6220160454