Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 ระบบสารสนเทศทางด้านการศึกษา ((เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ((1…
บทที่ 8
ระบบสารสนเทศทางด้านการศึกษา
ระบบสารสนเทศทางด้านการศึกษา
เพื่อที่จะให้เข้าใจความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา เราคงจะต้องทา ความเข้าใจกับคา ต่างๆ ที่ประกอบเป็นคำนี้อันได้แก่ เทคโนโลยี สาร และสนเทศ เทคโนโลยีมีความหมายถึง การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ต่องานปฏิบัติทั้งหลาย เพื่อให้งาน นั้นมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ สารสนเทศ อ่านว่า สาระ-สน-เทศสาร หรือ สาระ เป็นคา ประกอบหน้าคา แปลว่า สำคัญ สนเทศ หมายถึง คำ ส่ง ข่าวสาร ใบบอก สารสนเทศ จึงหมายถึงข่าวสารที่สำคัญ เป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทา ขึ้นภายในองค์การ ต่างๆ ตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ
ความสำคัญ
ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับแล้วว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (INFORMATION TECHNOLOGY หรือ IT) ได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การบริการสังคม สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม รวมทั้งด้านการศึกษา ซึ่งการมีบทบาทสำคัญนี้อาจกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอทีนั้น เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่สามารถรองรับข้อมูลข่าวสารมาท าการประมวลผล และการแสดงผล ตามที่ต้องการได้รวดเร็ว โดยอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ ช่วยในการจัดการ ได้แก่ โปรแกรม ปฏิบัติการ โปรแกรมชุดคำสั่งต่างๆ และที่สำคัญคือ ผู้ที่จะตัดสินใจหรือสั่งการให้ทำงานได้ถูกต้อง ตามเป้าหมาย ซึ่งได้แก่ บุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ใช้ ผู้บริหาร และผู้ชำนาญการ หรือนักเทคโนโลยี
สารสนเทศ ตรงกับคา ในภาษาอังกฤษว่า INFORMATION
สำหรับคำ ว่า INFORMATION นั้น พจนานุกรมเว็บสเตอร์ ให้ความหมายไว้ว่า ความรู้ที่ได้ จากการศึกษาค้นคว้าสารสนเทศ เป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษ ทั้งในด้านการได้มา และประโยชน์ในการนำไปใช้ปฏิบัติถึงได้มีการประมวลความหมายของสารสนเทศไว้ใกล้เคียงกัน ดังนี้ สารสนเทศ หมายถึงข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่ เปรียบเทียบ และวิเคราะห์แล้วสามารถนำมาใช้ได้ หรือนำมาประกอบการพิจารณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า สารสนเทศ คือข้อมูลที่ได้รับการประมวลให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายต่อผู้รับ และมีทั้งคุณค่า อันแท้จริง หรือที่คาดการณ์ว่าจะมีสา หรับการดา เนินงานหรือการตัดสินใจในปัจจุบันและอนาคต
อิเล็กทรอนิกส์บุ๊ค
พัฒนาการอีกด้านหนึ่งคือการเก็บข้อมูลจำนวนมากด้วยซีดีรอม ซีดีรอมหนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูล ตัวอักษรได้มากถึง 600 ล้านตัวอักษร ดังนั้นซีดีรอมหนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลหนังสือ หรือเอกสารได้มากกว่า หนังสือหนึ่งเล่ม และที่สำคัญคือการใช้กับคอมพิวเตอร์ทา ให้สามารถเรียกค้นหาข้อมูลภายในซีดรีอมได้อย่าง รวดเร็วโดยใช้ดัชนี สืบค้นหรือสารบัญเรื่อง ซีดรีอมจึงเป็นสื่อที่มีบทบาทต่อการศึกษาอย่างยิ่ง เพราะในอนาคต หนังสือต่างๆ จะจัดเก็บอยู่ในรูปซีดีรอม และเรียกอ่านด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าอิเล็กทรอนิกส์ยุค ซีดีรอมมีข้อดีคือสามารถจัดเก็บ ข้อมูลในรูปของมัลติมีเดีย และเมื่อนำซีดรีอมหลายแผ่นใส่ไว้ในเครื่องอ่านชุด เดียวกัน ทำให้ซีดีรอมสามารถขยายการเก็บข้อมูลจำนวนมากยิ่งขึ้นได้ ปัจจุบันแนวโน้มด้านราคาของซีดรีอมมี แนวโน้มถูกลงเรื่องๆ จนแน่ใจว่าสื่อซีดีรอมจะเป็นสื่อที่นำมาใช้แทนหนังสือที่ใช้กระดาษในอนาคตทั้งนี้เชื่อว่า สื่อที่ใช้กระดาษจะมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ในการประยุกต์อิเล็กทรอนิกส์บุ๊คมาใช้ทางการศึกษา มักใช้เพื่อเป็นสื่อ แทนหนังสือ หรือตำรา หรือใช้เพื่อเป็นสื่อเสริมการเรียนด้วยตนเอง ผู้เรียนนำแผ่นซีดีที่บรรจุข้อมูลหนังสือทั้ง เล่มมาอ่านด้วยคอมพิวเตอร์ และเมื่อต้องการข้อมูลส่วนใดก็สามารถคัดลอกและอ้างอิงนำมาใช้ได้ทันโดยไม่ ต้องจัดพิมพ์ใหม่ โปรแกรมประยุกต์ในปัจจุบันที่ใช้อ่านข้อมูลที่จัดเก็บในแผ่นซีดรีอม ได้แก ACROBAT READER, NESCAPE NAVIGATOR, INTERNET EXPLORER เป็นต้น
สารสนเทศ
ข่าวสารที่ได้จากการนำข้อมูลดิบมาคำนวณทางสถิติ หรือ ประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที หากพิจารณาจากความหมายของสารสนเทศที่กล่าวมาแล้วนี้จะเห็นว่าสารสนเทศมีคุณลักษณะที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ
1.เป็นข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว
2.เป็นรูปแบบที่มีประโยชน์ นำไปใช้งานได้
3.มีคุณค่าสา หรับใช้ในการดา เนินงานและการตัดสินใจ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ประมวลผล และเผยแพร่ สารสนเทศ ซึ่งได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร และเทคโนโลยีคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ ตรงกับคา ภาษาอังกฤษว่า INFORMATION TECHNOLOGY หรือ IT
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับ งานด้านการศึกษา อันได้แก่ การจัดเก็บข้อมูล และประมวลผลฐานข้อมูล การพัฒนาระบบ สารสนเทศช่วยการเรียนการสอน การวางแผนและการบริหารการศึกษา การวางแผนหลักสูตร การแนะแนวและบริการ การทดสอบวัดผล การพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งเป็นที่นิยมประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน อาทิ
1.ระบบสารสนเทศช่วยในการเรียนการสอน
2.การสอนทางไกลผ่านดาวเทียม
3.การประชุมทางไกลระบบจอภาพ
4.ระบบฐานข้อมูลการศึกษา
5.ระบบสารสนเทศเอกสาร
สารสนเทศโดยตรง
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นการนำเอาเทคโนโลยีรวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอนมา ใช้ช่วยสอน
ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าบทเรียน ซีเอไอ ย่อมาจากคา ในภาษาอังกฤษว่า COMPUTER-ASSISTED INSTRUCTION หรือเรียกย่อๆ ว่า ซีเอไอ (CAI) การจัด โปรแกรมการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนในปัจจุบันมักอยู่ในรูปของสื่อประสม (MULTIMEDIA) หมายถึงนำเสนอได้ทั้งภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวฯลฯ โปรแกรม ช่วยสอนนี้เหมาะกับการศึกษาด้วยตนเอง และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนได้ ตลอด จนมีผลป้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนรู้บทเรียนได้อย่างถูกต้องและเข้าใจในเนื้อหาวิชาของ บทเรียนนั้นๆ ลักษณะคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจึงเป็นบทเรียนที่ช่วยการเรียนการสอน และมี โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยจัดบทเรียนให้เป็นระบบและเหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน
ระบบการเรียนการสอนทางไกล
การศึกษาเน้นระบบการกระจายการศึกษา การเรียนการสอนทางไกลเป็น ช่องทางหนึ่งที่ใช้เพื่อกระจายการศึกษา ระบบการกระจายการศึกษาที่ได้ผลในปัจจุบัน และเข้าถึงมวลชน
จำนวนมาก ย่อมต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าช่วย ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีสถานีโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอาจจะมากกว่า 100 ช่องใน อนาคต และมีระบบโทรทัศน์ที่กระจายสัญญาณโดยตรงผ่านความถี่วีเฮซเอฟ (VHF) และยูเฮชเอฟระบบวีเอชเอฟ ได้แก่สถานีโทรทศัน์ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 และช่อง 11 ส่วนระบบยูเฮชเอฟ ได้แก่ ไอทีวี (ITV) และยังมีระบบดี ทีเฮช (DTH : DIRECT TO HOME) คือระบบที่กระจายสัญญาณโทรทัศน์จากดาวเทียมลงตรงยังบ้านที่อยู่อาศัย ทำให้ครอบคลุมพื้นที่การรับได้กว้างขวางเพราะไม่ติดขัดสภาพทางภูมิประเทศที่มีภูเขาขวางกั้น ดังนั้นการใช้ระบบ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนทางไกลเพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษา
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.ทำให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนมากขึ้น
2.ทำให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้หลายแบบตามความถนัดของแต่ละบุคคล 3
3.ทำให้ไม่เปลืองสมองในการท่องจำสิ่งที่ไม่ควรจะต้องจา ใช้สมองในการคิดวิเคราะห์และ ตัดสินใจแทน 4.ทำให้สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนได้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
5.ทำให้ผู้เรียนมีอิสระภาพในการเรียน ไม่ต้องคอยครู อาจารย์ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาที่ ต้องการ
6.ทำให้ผู้เรียนสามารถสรุปหลักการ เนื้อหา สาระของบทเรียนแต่ละบทเรียนได้