Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case G1P0 GA 28+3 wks teenage pregnancy with Syphilis with Anemia…
Case G1P0 GA 28+3 wks
teenage pregnancy with Syphilis with Anemia
ข้อมูลทั่วไปมารดา
สถานภาพ แยกทางกับสามี
การวินิจฉัยโรค G1P0 GA 28+3 wks with teenage pregnancy with Syphilis with Anemia
อายุ 16 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ การศึกษา มัธยมศึกษาปีที่3
ให้ประวัติว่าแพ้ยา เพนิซิลิน
ข้อมูลพื้นฐานสุขภาพ
น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 42 กิโลกรัม ส่วนสูง 159 เซนติเมตร BMI 16.8 น้ำหนักปัจจุบัน 54.4 กิโลกรัม BMI 21.52
น้ำหนักขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 12.4 กิโลกรัม
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน LMP 1/9/62 EDC 8/6/63
ผลกระทบจากการตั้งครรภ์วัยรุ่น
การคลอดก่อนกำหนด
หญิงตั้งครรภ์ได้รับการรักษาด้วยยา Benzatine penicillin
ผลข้างเคียงจาก Jarisch-Herxheimer reaction ทำให้เกิดการเจ็บครรภ์ได้
ทารกน้ำหนักตัวน้อย
ทำU/S ที่อายุครรภ์ 25+4 wks EFW 792 gm AGA
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
หากทารกในครรภ์มีความผิดปกติจะส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์มีภาวะครรภ์เป็นพิษได้
ด้านสังคม
แยกทางกับสามี
ส่งเสริมบทบาทการเป็นมารดาและการเลี้ยงดูบุตร
ภาวะโลหิตจาง
HCT 31%
MCV 69.7 DCIP Positive
Hb typing EA %E = 27.5 Hb E-trait
ทารกในครรภ์อาจเป็นโรคธาลัสซีเมีย ต้องเฝ้าระวัง Hydrops fetalis
ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
Syphilis
VDRL Reactive 1:1 TPHA Positive
แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น Latent syphilis
หญิงตั้งครรภ์ให้ประวัติว่าเมื่อ 2 ปีก่อนเคยพบตุ่มหนองบริเวณอวัยวะเพศ ซื้อยามากินเอง และแฟนเคยเป็นหนองใน
หญิงตั้งครรภ์แพ้ยาเพนิซิลิน แพทย์ทำการรักษาโดย Desensitization สำเร็จ จึงรักษาด้วยยา Benzatine penicillin 2.4 mu IM x 3 dose
หลังทำการรักษาด้วยยาต้องเฝ้าระวัง Jarisch-Herxheimer reaction ได้แก่ ไข้หนาวสั่น คลื่นไส้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูก ปวดศีรษะ การสังเกตอาการหดรัดตัวของมดลูก และการสังเกตลูกดิ้นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
ผลต่อมารดา
มีภาวะติดเชื้อซิฟิลิส
อาจะเกิดภาวะ Anaphylactic shock
ผลต่อทารก
ทารกอาจเกิดการติดเชื้อซิฟิลิสจากมารดา
นัดติดตามอาการทุก 1 เดือน 3 ครั้ง
หญิงตั้งครรภ์ที่แพ้ penicillin
Desensitization
การให้ยาที่ผู้ป่วยแพ้ โดยเริ่มที่ปริมาณต่ำมากและค่อยๆ เพิ่มปริมาณทีละน้อย เพื่อทำให้เซลล์มาสต์ไม่ตอบสนองต่อ specific antigen
โดยแนะนำให้เริ่มต้นจากการให้ยาในขนาด 1/10,000 ของขนาดยาที่ใช้ในการรักษาตามปกติ (therapeutic dose) และเพิ่มขนาดทุกๆ 15 นาที หากไม่เกิดอาการผิดปกติ จนกว่าจะถึงขนาดยาที่ต้องการใช้ในการรักษา
เมื่อการทำ desensitization ต่อยาเพนนิซิลลินสำเร็จ ควรให้การรักษาผู้ป่วยด้วยยาเพนนิซิลลินต่อเนื่องจากการทำ desensitization ไปเลย เพื่อมิให้ผู้ป่วยกลับเข้าสู่สภาวะ IgE-sensitive state
การวินิจฉัยการแพ้ยาเพนนิซิลลิน
การทดสอบการแพ้ทางห้องปฏิบัติการ specific immunoglobulin E (IgE), basophil activation test (BAT), lymphocyte transformation test (LTT)
Drug provocation test (DPT)
การทดสอบการแพ้ทางผิวหนัง (Skin tests)
Skin prick test
Intradermal skin test
ข้อจำกัดของการทำ desensitization ต่อยาเพนนิซิลลิน
การทำ desensitization ไม่สามารถป้องกันปฏิกิริยาการแพ้แบบ non-IgE-mediated ได้ เช่น serum sickness หรือ hemolytic anemia เป็นต้น
ผู้ป่วยที่ผ่านการทำ desensitization ต่อยาเพนนิซิลลินและได้รับยาเพนนิซิลลินอย่างปลอดภัยจนเสร็จสิ้นการรักษาแล้ว เมื่อผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องได้รับยาเพนนิซิลลินหรือยาปฏิชีวนะกลุ่มเบต้าแลคแตมครั้งใหม่ แนะนำให้ทำการตรวจการแพ้ทางผิวหนังอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีปฏิกิริยาการแพ้หรือไม่ ถ้ามีปฏิกิริยาการแพ้แนะนำให้ทำ desensitization อีกครั้ง
การวางแผนการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะซีด เนื่องจากขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์
มารดาเสี่ยงต่อการเกิด Anaphylactic shock
ส่งเสริมการปรับตัวต่อบทบาทการเป็นมารดาที่เหมาะสม
มารดามีภาวะติดเชื้อซิฟิลิส
วางแผนป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำในวัยรุ่น
ทารกในครรภ์อาจเกิดการติดเชื้อซิฟิลิสจากมารดา
ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อโรคธาลัสซีเมีย