Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่2 เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับพยาบาล (ตัวอย่าง ((• ระบบติดตาม (Monitor…
บทที่2 เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับพยาบาล
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คือ เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้เพื่อการจัดหา ประมวลผล จัดเก็บ และเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบของเสียง ตัวอักษร ตัวเลขและรูปภาพ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์และระบบการสื่อสาร
ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนั้นได้ถูกนำมาใช้ในงานของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งทางด้านอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการตรวจและรักษารวมไปถึงการพยาบาล เช่น อีเอ็มไอสแกนเนอร์ (EMI scanner) ถูกนำมาใช้ถ่ายภาพสมองมนุษย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติในสมอง และต่อมาได้พัฒนาให้ถ่ายภาพหน้าตัดได้ทั่วร่างกาย เรียกชื่อว่า ซีเอที (CAT-Computerized Axial Tomography scanner: CAT scanner) ใช้วิธีฉายแสงเป็นจังหวะไปรอบ ๆ ร่างกายของมนุษย์ ถ่ายเอกซเรย์และเครื่องรับแสงเอกซเรย์ที่อยู่ตรงข้ามจะเปลี่ยนแสงเอกซเรย์ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าเก็บไว้ในจานแม่เหล็ก จากนั้นจะนำสัญญาณไฟฟ้าเหล่านี้เข้าไปวิเคราะห์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันสามารถดูผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงเครื่องมือสำหรับช่วยเหลืองานด้านการพยาบาล
ตัวอย่าง
• ระบบติดตาม (Monitor system)
รูปแบบของระบบติดตาม
• การเตือนเมื่อพบสิ่งที่ผิดปกติ
ระบบติดตามแบบเคลื่อนที่
การบันทึกสิ่งค้นพบที่ผิดปกติ
สามารถถ่ายโอนข้อมูลผู้ป่วยเข้าไปสู่ระบบอื่นได้
เพื่อที่จะได้มีการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
• ระบบห้องปฏิบัติการ (Laboratory system)
บันทึกข้อมูลผลการตรวจต่างๆ ทางห้องปฏิบัติการ
สามารถเข้าถึงผลการตรวจได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น
ช่วยลดความผิดพลาดในการายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เกิดจากคน
ตัวอย่าง เช่น ระบบฐานข้อมูลห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา
• ระบบรังสี (Radiology system)
เก็บข้อมูลเป็นภาพดิจิตอลแทนฟิล์มรังสีแบบเดิม
สามารถเข้าถึงข้อมูลภาพทางรังสีได้อย่างรวดเร็วขึ้น
สามารถส่งต่อภาพรังสีไปยังแหล่งอื่นๆ เพื่อส่งต่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลอื่นตัวอย่าง เช่น ระบบฐานข้อมูล x-ray ของโรงพยาบาลศิริราชระบบ SIPACS
• ระบบเภสัชกรรม (Pharmacy system)
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยา
สามารถเข้าถึงประวัติผู้ป่วยและการให้ยาได้
รวมทั้งประวัติการแพ้ยาและข้อมูลส่วนบุคคล
ช่วยแพทย์ในการตัดสินใจว่ายาตัวไหนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
และขนาดยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
การคำนวณการใช้ยา ค่าใช้จ่ายและออกใบเสร็จรับเงิน
ข้อดีของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Operation Efficiency)
เพิ่มผลผลิต (Function Effectiveness)
เพิ่มคุณภาพบริการลูกค้า (Quality Customer Service)
ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลผลิต (Product Creation and Enhancement)
สามารถสร้างทางเลือกเพื่อแข่งขันได้ (Altering the basic of competition)
สร้างโอกาสทางธุรกิจ (Identifying and Exploiting Business Opportunities)
ดึงดูดลูกค้าและป้องกันคู่แข่ง (Client Lock-In / Competitor Lock-Out)
ข้อเสียของเทคโนโลยีสารสนเทศ
วงจรชีวิตของระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่มีวงจรชีวิตค่อนข้างจํากัด
อาจจะอธิบายได้ว่าเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี
รวมทั้งสภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
เช่นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบสารสนเทศ
ไปด้วยหรือการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริหารก็อาจจะต้องเปลี่ยนระบบสารสนเทศไปด้วย
ลงทุนสูง เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่มีราคาแพง และส่วนมากไม่อาจจะนำไปใช้ได้ทันที
แต่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเสียก่อนจึงจะใช้ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ก่อให้เกิดช่องว่าง (Gap) เทคโนโลยีสารสนเทศ
ทำให้เกิดช่องว่างในการรับข่าวสารระหว่างคนจนกับคนรวย
ขั้นตอน/กระบวนการ/วิธีการ
นำมาใช้ในการจัดคนจัดเวร (Staffing and Scheduling) โดยอาศัยข้อมูลที่บันทึกไว้เกี่ยวกับผู้ป่วย
และบุคลากรพยาบาลที่สามารถแบ่งประเภทผู้ป่วยได้ และมีกิจกรรมการพยาบาลที่ได้ปฏิบัติแล้วปรากฏในคอมพิวเตอร์
ก็จะสามารถคาดคะเนความต้องการบุคลากรพยาบาลได้ และจัดคนในแต่ละเวรได้โดยรวดเร็วและถูกต้องที่สุดด้วย
นำมาใช้ในการประเมินความสามารถในการทำงาน (Performance Evaluation)
โดยใช้ข้อมูลบุคลากร และการปฏิบัติงานประจำวันเป็นรากฐาน
นำมาใช้ในการออกแบบโครงการ จัดตารางการทำงาน และประเมินผลงาน
นำมาใช้ในการสนับสนุนการตัดสินใจ ในการบริหารเพื่อการหาผลผลิต เพื่อการกำหนดรูปแบบ
และวิเคราะห์ประสิทธิผลของการบริหาร การทำนาย การพยากรณ์ในอนาคต การกำหนดแนวโน้มของการดำเนินการ
การประเมินโครงการ ซึ่งจะเรียกว่า ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
นำมาใช้ในการวางแผนการเงิน และการจัดการ
นำมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์
นำมาใช้ในการบันทึกข้อมูลลงระบบฐานข้อมูล การทําให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่นําเสนอได้
เผยแพร่ได้ ทําสําเนาได้โดยสื่อที่ใช้บันทึก ข้อมูลได้แก่ กระดาษ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ และระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์
เกิดเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้ ใช้อ้างอิง รวมไปถึงการนําไปใช้ประโยชน์ในการสร้างสารสนเทศและความรู้ใหม่