Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 เทคนิคการควบคุมโครงการ (ข่ายปฏิบัติงาน ประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ…
บทที่ 8 เทคนิคการควบคุมโครงการ
ข่ายปฏิบัติงาน
ประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ ลากต่อโยงเชื่อมลัมพันธ์กันโดยมีสัญลักษณ์รูปวงกลม ( O ) และลูกศร ( -> ) ที่ลากเชื่อมโยงกัน
CPM
ความหมาย
ย่อมาจากคำว่า Critical Path Method แปลเป็นภาษาไทยว่า “วิธีการสายทางวิกฤต” เพื่อประโยชน์ในการวางแผน การกำหนด เวลาการทำงาน การควบคุมและติดตามผลงานของโครงการ
PERT
ประโยชน์
ให้แผนมีความเป็นไปได้ มีรายละเอียดและง่ายต่อการติดต่อประสานงาน
มีการประมาณเวลาและทำนายความไม่แน่นอนต่างๆ
มุ่งความสนใจไปยังส่วนต่าง ๆ ของโครงการ
ความหมาย
PERT ย่อมาจากคำว่า Program Evaluation and Review Technique ได้ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงวิธีการวางแผนงานและประเมินผลงานของโครงการวิจัย พัฒนาหรือโครงการใหม่ ซึ่งผู้วางแผนไม่เคยมีประสบการณ์ในงานนั้น ๆ มาก่อน และระหว่างการฏิบัติงานตามแผนนั้น ๆ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของโครงการนั้นๆ บ่อยๆ
ข้อเปรียบเทียบระหว่าง PERT และ CPM
จุดเน้นความสำคัญ เพิร์ทต้องการเน้นความสำคัญที่เหตุการณ์ ( Events ) หรือจุดตรวจสอบ (Milestone ) ไม่ใช่ที่กิจกรรม ( Activities ) ส่วน CPM ต้องการเน้นความสำคัญที่กิจกรรมหรืองานย่อย
มีการประมาณเวลาและทำนายความไม่แน่นอนต่างๆ ของการปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า
มุ่งความสนใจไปยังส่วนต่าง ๆ ของโครงการ ซึ่งเป็นส่วนที่จะทำให้ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นไปได้ยากและล่าช้า
ชนิดและรูปแบบของระบบข่ายงาน
1 เส้นลูกศร ( -> ) ซึ่งเรียกว่า ฉอร์โรว์
2 วงกลม ( O ) หรือสี่เหลื่อม ( ) เรียกว่า โหนด
ข่ายงานโครงการแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1. ระบบกิจกรรมอยู่ที่โหนด ( Activity-On-Node ) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า A-O-N
1.2 ความสัมพันธ์แบบสำเร็จ-สำเร็จ ( Finish to Finish Relationship ) ดังภาพแสดงให้เห็นว่า กิจกรรม B จะเสร็จเมื่อกิจกรรม A เสร็จก่อน หรือเสร็จพร้อมกัน กิจกรรม B จะเสร็จก่อนกิจกรรม A ไม่ได้
1.3 ความสัมพันธ์แบบสำเร็จ-เริ่มต้น ( Finis to Strat Relationship ) ดังภาพแสดงให้เห็นความสัมพันธ์โดยปกติทั่วไป คือ กิจกรรม B จะเริ่มทำได้ต่อเมื่อกิจกรรม A ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจกรรม B จะเริ่มก่อนกิจกรรม A เสร็จไม่ได้
1.1 ความสัมพันธ์แบบเริ่มต้น-เริ่มต้น ( Start to Atart Relationship ) ดังภาพแสดงให้เห็นว่า กิจกรรม B จะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อกิจกรรม A เริ่มก่อน หรือต้องเริ่มพร้อม ๆ กัน กิจกรรม B จะเริ่มงานก่อนกิจกรรม A ไม่ได้
2.ระบบกิจกรรมอยู่บนลูกศร ( Activity-On-Arrow )
1.2 วงกลม ( O ) หรือ โหนด ( Node ) หรือเหตุการณ์ (Event ) เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เริ่มต้นและสิ้นสุดของกิจกรรม
1.3 เส้นลูกศรเส้นประ ( -----> ) หรือ Durmmy Arrow เส้นลูกศรเส้นประจะปรากกฎในข่ายงานของระบบ A-O-A เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของกิจกรรมบางกิจกรรมที่ไม่อาจจะสร้างความสัมพันธ์กันได้ด้วยเส้นลูกศรทึบ
1.1 ลูกศร ( -> ) หรือ Arrow ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนกิจกรรม
ความเป็นมาของระบบข่ายงาน
จุดอ่อนของแผนภูมิแกนท์
2.ไม่สะดวกในการแก้ไขถ้ามีการเปลี่ยนแปลงแผนงาน
3.ไม่แสดงให้เห็นว่ามีงานใดบ้างที่ยอมให้ล่าช้าได้ โดยไม่กระทบกระเทือนวันเสร็จของโครงการ
1.ไม่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมแต่ละกิจกรรม
ไม่ทราบว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรมวิกฤต
ขั้นตอนการจัดสร้างข่ายงาน
ขั้นตอนที่1 การระบุกิจกรรมของโครงการ
ขั้นตอนที่ 2 การระบุ ก่อน-หลัง-พร้อมกันของกิจกรรม
มีกิจกรรมใดบ้างที่สามารถทำในเวลาเดียวกับกิจกรรมที่กำลังพิจารณาอยู่
มีกิจกรรมใดบ้างที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่กิจกรรมซึ่งกำลังพิจารณาอยู่เสร็จเรียบร้อย
มีกิจกรรมใดบ้างที่ไม่สามารถจะเริ่มทำได้ จนกว่ากิจกรรมที่พิจารณาอยู่เสร็จเรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 3 การเขียนข่ายผังงานโครงการ
ขั้นตอนที่ 4 การคำนวณเวลาโครงการ
ดวงฤทัย โปสรักขะกะ 5934280110