Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจพิเศษในหญิงตั้งครรภ์ preg (การตรวจคัดกรองทารกกลุ่มอาการDown…
การตรวจพิเศษในหญิงตั้งครรภ์
CST
Contraction stress test
จะให้หลักเดียวกันกับการตรวจ NST แต่จะมีการตรวจวัด stress หรือก็คือการวัดการหดตัวของมดลูกด้วย เพื่อดูการตอบสนองของระบบประสาททารกในครรภ์ที่จะแสดงออกมาในรูปแบบการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ และการตรวจCST สามารถตรวจประเมินภาวะ Uteroplacental insufficiency ได้
จะดูลักษณะการเต้นของหัวใจของทารกขณะมดลูกหดรัดตัว เพื่อประเมินความสามารถถต่อการทดต่อการขาดออกซิเจนของทารกเมื่อมดลูกเกิดการหดรัดตัว
การตรวจ CST
-
วิธีการตรวจ
วิธีการทำจะเหมือนกับการทำ NST แต่การตรวจCST จะตรวจโดยที่จะต้องอาศัยการหดรัดตัวของมดลูกร่วมด้วย ถ้าระหว่างการตรวจไม่เกิดการหดรัดตัวของมดลูกก็จะต้องชักนำให้เกิดการหดรัดตัวของมดลูก มี 2 วิธี คือ
- การกระตุ้นด้วย Oxytocin
- การกระตุ้นด้วย Nipple stimulation
- การกระตุ้นด้วย Oxytocin :smiley:
-
สังเกตุการหดรัดตัวของมดลูกได้อย่างน้อย 3 ครั้งใน 10 นาที มีDuration 40 - 60 วินาที ถ้ามีการหดรัดตัวของมดลูกให้บันทึกกราฟการเต้นของหัวใจของทารกขณะมดลูกหดรัดตัว แต่ถ้ามีการหดรัดตัวของมดลูกแต่มีไม่เพียงพอและยังมีlate deceleration เกิดขึ้นเกือบทุกครั้ง หรือไม่มีการหดรัดตัวของมดลูกให้ให้ Oxytocin กระตุ้น
- การกระตุ้นด้วย Nipple stimulation :smiley:
กระตุ้นด้วยโดยให้มารดาใช้มือคลึงเบา ๆ บริเวณยอด Nipple ทำสลับซ้าย - ขวาให้มารดาคลึงข้างละ 2 นาทีหยุดพัก 3 นาที แล้วจึงเปลี่ยนข้าง ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั้งมารดาเริ่มมีการหดรัดตัวของมดลูก อย่างน้อย 3 ครั้งใน 10 นาทีแต่ละครั้งใช้เวลานาน 40 - 60 วินาที
อาศัยกลไกการหลั่งสาร Oxytocin จากการกระตุ้นหัวนม เมื่อมีการกระตุ้นหัวนมจะทำให้มีการส่งสัญญาณประสาทไปสู่ไขสันหลังแล้วส่งไปยัง Hypothalamus ไปกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองส่วนหลังหลั่งฮอร์โมน Oxytocin เข้าสู่กระแสเลือด ฮอร์โมนจะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบ ซึ่งก็คือจะไปกระตุ้นมดลูดส่วน fundus ให้เกิดการหดรัดตัว
-
-
การแปลผล
ผล Negative :check:
คือปกติ จะไม่มี late deceleration ในขณะที่มดลูกหดรัดตัว และในขณะที่ทำการทดสอบพบว่ามีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างน้อย 3 ครั้ง ใน 10 นาที และมี duration 40 - 60 วินาที
-
-
-
Ultrasound
คือการตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง ซึ่งหมายถึงการใช้คลื่นความถี่ที่สูงเกินกว่าที่หูของเราสามารถรับรู้หรือได้ยินได้ (มากกว่า 2000 เฮิร์ต)
-
ตรวจเพื่อ?
- เพื่อตรวจหาอายุครรภ์ของทารก
- เพื่อคาดคะเนน้ำหนักของทารกในครรภ์
- เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครงสร้างทางร่างกายของทารก
- เพื่อตรวจดูท่า และส่วนนำของทารก
การตรวจอัลตราซาวน์
แพทย์จะใช้เจลทาลงบนหน้าท้องของมารดาตรงบริเวณที่จะตรวจดู และใช้เครื่องมือตรวจวางบนเจลและเคลื่อนไปมาทั่วบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเจลจะช่วยให้หัวตรวจสัมผัสกับพื้นที่ผิวของหน้าท้องได้อย่างเต็มที่ และไม่มีอากาศมาแทรกระหว่างหัวตรวจกับผิวหนัง
-
-
-
-
-
NST
NON STRESS TEST
เป็นการตรวจดูการตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติของทารก
(Fetal condition) ซึ่งแสดงออกในลักษณะการเต้นของหัวใจขณะที่ทารกเคลื่อนไหว
ข้อบ่งชี้ในการทำNST
จะตรวจ NST ในมารดาที่
-มีโรค หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
-มารดาที่มีประวัติทารกตายในครรภ์ (DFIU)
-มารดาที่มีอายุครรภ์เกินกำหนด
-มารดาที่นับลูกดิ้นได้น้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
-ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
-
วิธีการทำ
1.จัดท่านอนศีรษะสูงเล็กน้อย (semi fowler's position) และใช้หมอนรองใต้สะโพกขวาเพื่อไม่ให้มดลูกกดทับหลอดเลือดดำ
2.วัดความดันโลหิตให้กับมารดา
- ใช้เครื่องตรวจติดตามสภาพการเต้นของหัวใจทารก และเครื่องวัดความดันภายในมดลูกวางบนหน้าท้องของมารดาตรงตำแหน่งที่ได้ยินเสียงหัวใจทารกที่ชัดที่สุด และที่ยอดมดลูกเพื่อวัดการหดตัวของมดลูก ตามลำดับ
4.แนะนำมารดาให้กดปุ่มเมื่อรับสึกว่าทารกดิ้นซึ่งจะปรากฎเครื่องหมายอยู่บนกระดาษกราฟ
5.บอกให้มารดาทำแบบนี้นาน 20 นาที
-
การแปลผล
Reactive (ปกติ) :check:
เมื่อพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจทารกจะเร็วขึ้นอย่างน้อย 15 ครั้ง/นาที คงอยู่นาน 15 วินาที และมีการตอบสนองเช่นนี้อย่างน้อย 2 ครั้งใน 20 นาที และถ้าหากมีการตอบสนองแบบนี้โดยไม่รู้สึกเด็กดิ้นก็ถือว่าปกติ แต่ถ้าทารกไม่ดิ้นเลยอาจใช้เครื่องสั่นสะะเทือนกระตุ้นปลุกทารก (VAS: Vibro- acoustic stimulation) ซึ่งทารกมักจะดิ้น และใช้เวลาตรวจเพิ่มขึ้นเป็น 40 นาที แต่ถ้าทารกยังไม่ดิ้นอีกในขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจทารกปกติ ควรมาตรวจเพิ่มเติม ด้วยCST
-
ประสิทธิภาพในการตรวจ
ผลการตรวจจะมีผลบวกลวงที่สูง ดังนั้น ผลตรวจถ้าเป็น Reactive ก็สามารถเชื่อได้ว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพดี แต่ถ้าผลการตรวจเป็น Non Reactive ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทารกในครรภ์มีอันตรายจริงหรือไม่ ต้องมีการตรวจพิ่มเติมอย่างเหมาะสม
BPP
Biophysical profile
-
การประเมิน BPP :explode:
-
การให้คะแนน BPP
- Fetal Breathing movement (สังเกต 30 นาที)
-
-
- Fetal movement (สังเกต 30 นาที)
-
-
-
- Fetal reactivity (ทำ NST นาน 20 นาที)
-
-
- amniotic fluid volume วัดปริมาณน้ำคร่ำ
(วัด 2 ระนาบที่ตั้งฉากกัน)
-
-
-
การรักษาและการดูแล
-
-
-
6 - 5 คะแนน
-
GA < 36
ให้ตรวจซ้ำภายใน 24 ชั่วโมง
ถ้าคะแนนน้อยกว่า 6 คะแนน ให้เฝ้าสังเกต
และติดตามหรือพิจารณาให้คลอด ถ้าพบว่าปากมดลูกนุ่ม
-
-
ข้อเสียและข้อจำกัด
ตัววัดในแต่ละตัวมีค่าไม่เท่าเทียมกัน และอายุครรภ์ขณะตรวจก็มีผลต่อค่าคะแนน นอกจากนี้ยังใช้เวลาค่อนข้างนานในการตรวจ
การตรวจคัดกรองทารกกลุ่มอาการDown syndrome
Down's Syndrome
ดาวน์ซินโดรมเป็นภาวะที่มีโครโมโซมคู่ที่ 21 เพิ่มขึ้นในเซลล์ จะพบว่ามีภาวะบกพร่องทางจิตใจและลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างจากคนอื่น เด็กบางคนที่มีอาการดาวน์ซินโดรมมีความผิดปกติ เช่น หัวใจบกพร่องร่วมด้วย เป็นต้น
ในปัจจุบันนี้จะถือว่ากลุ่มอาการดาวน์นี้เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุดของการบกพร่องทางสติปัญญา ดังนั้นการตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมจึงอาจเป็นที่ยอมรับในการให้ทางเลือกแก่สตรีตั้งครรภ์และคู่สมรส ในการตัดสินใจที่จะุยุติการตั้งครรภ์ ในกรณีที่ตรวจพบว่าทารกในครรภ์นั้นมีกลุ่มอาการดาวน์
-
-
วิธีการตรวจ
- การตรวจด้วยวิธี ultrasound
คือการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ซึ่งจะช่วยประเมินภาวะความผิดปกติของทารกรวมถึงภาวะการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้
- การตรวจด้วยวิธี chorionic villus sampling (CVS)
คือการดูดเอาตัวอย่างบางส่วนของรกเด็กมา
ตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม วิธีนี้ทำในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 10 ถึง 12 สัปดาห์
- การตรวจด้วยวิธี amniocentesis
คือการดูดเอาน้ำคร่ำประมาณ 15 ถึง 20 ซีซีวิธีการนี้สามารถวินิจฉัย
ภาวะความผิดปกติทางโครโมโซมได้เช่นกัน โดยทั่วไปจะทำในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 14 ถึง 20สัปดาห์
- การตรวจด้วยวิธี Triple screen test or quadruple screen test
ตรวจโดยการเจาะเลือดมารดาเพื่อดู
ค่าสารชีวเคมีในเลือดประมาณสามหรือสี่ชนิด ขึ้นกับวิธีของการทดสอบโดยทั่วไปวิธีนี้ทำในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 15 ถึง 22 สัปดาห์ หากผลtest ผิดปกติอาจทำให้สงสัยโรคหรือภาวะบางอย่างได้เช่น ภาวะ HCGสูงในผู้ป่วยที่มีครรภ์แฝด ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม(Down syndrome)ซึ่งจำเป็นต้องตรวจด้วยวิธี
อื่นเพิ่มเติมต่อไป
- การตรวจด้วยวิธี Noninvasive prenatal testing (NIPT)
เช่น nifty test, panorama test วิธีการตรวจนี้สามารถตรวจคดักรองความผิดปกติของโรคโครโมโซมผิดปกติบางโรคได้เช่น ดาวน์
ซินโดรม วิธีการโดยการเจาะเลือดมารดา เพื่อตรวจดู DNA ของลูกที่ล่องลอยอยู่ในเลือดมารดา โดยทั่วไปจะทำการเจาะเลือดมารดาที่อายุครรภป์ประมาณ 12 -16 สัปดาห์ในกรณี
ของ nifty test ส่วน panorama test อาจตรวจได้เร็วกว่านั้นคือตั้งแต่อายุครรภ์ 9 สัปดาห์ทั้งนี้การตรวจ
test ทั้งสองชนิดนี้ยังถือเป็นการตรวจคดักรอง ดังนั้น หากพบความผิดปกติจึงต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยการเจาะน้ำคร่ำ
-
การสังเกตุกราฟอัตราการเต้นของหัวใจของทารก
-
-