Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Antenatal care การฝากครรภ์ (ข้อมูลส่วนตัว (การตรวจครรภ์ (การดู…
Antenatal care การฝากครรภ์
ข้อมูลส่วนตัว
การตรวจครรภ์
การดู
ขนาดของท้องเล็กว่าอายุครรภ์เล็กน้อย มดลูกโตตามยาวพบรอยแผลผ่าตัด พบlinea nigra striae gravidarumสีเงิน
การคลำ
วิธีของleopold handgrip
1.Fundal grip:3/4>สะดือ วัดได้35cm
2.Umbilical grip:ทารกอยู่ในท่า RO
3.Pawlik's grip:Vx,head float
4.Bilateral inguinal grip:Partial Engagement
การฟัง(doppler)
FHS=130 bpm
การตรวจร่างกาย Head to toe
-ศีรษะ สมมาตรกันดี ไม่มีรอยแผล หนังศีรษะปกติ
-ตา เยื่อบุตาสีแดงดี ไม่ซีด
-จมูก สมมาตรกันดี เยื่อบุจมูกไม่บวม
-ช่องปากและฟัน ไม่มีฟันพุ ไม่มีเหงือกอักเสบ
-ลำคอไม่พบต่อมไทรอยด์โต
-เต้านมหัวนมไม่สั้น ไม่บอกไม่บุ๋ม เต้านมไม่มีก้อน
-แขนและมือไม่พบอาการบวม
-ขาไม่บวมไม่พบเส้นเลือดขอด
BP=118/68 mmHg PR=90 bpm
ประวัติการผ่าตัด:Previous C/S ปี 2557
ประวัติแพ้ยา:ไม่แพ้ยา
ประวัติครอบครัว:ปฏิเสธ
ประวัติการเจ็บป่วย: ปฏิเสธ
EDC by U/S: 5 เมษายน 2563
U/Sครั้งแรก: 26 พฤศจิกายน 2562 GA 9 +1 wks
EDC by date 22 มีนาคม 2563 GA 9+1 wks
LMP :17 มิถุนายน 2562×4วัน
หญิงตั้งครรภ์อายุ 24 ปี G3P1011 GA 37+2 wks by U/S
ประวัติการตั้งครรภ์
-ปี 2552 Dead fetus in Utero ตอนอายุครรภ์ 7 เดือน
-1 ก.ค. 2557( Breech Presentation)GA 32 wks ที่ รพ. ตร. น้ำหนักแรกคลอด 1,900 กรัม อยู่ตู้อบ 1 เดือน สภาพปัจจุบันแข็งแรงดี
วัคซีนบาดทะยัก: ครั้งที่ 1 และ 2 เมื่อปี 2557
ครั้งที่ 3 วันที่ 15 ตุลาคม 2562
น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์: 55 kg ส่วนสูง 156 cm BMI 22.6 kg/m^2
น้ำหนักที่เพิ่มตลอดการตั้งครรภ์ =17.1kg
17 มีนาคม 2563: ผู้ป่วยแจ้งว่าลูกดิ้นน้อยลง นับจำนวนได้น้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน
Non stress Test(NST)
การพยาบาล
ผล reactive ให้ตรวจติดตามสุขภาพทารกตามความเสี่ยงเดิม
ผล non reactive ให้ตรวจยืนยันด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น CST หรือ BPP
หรือ doppler ultrasound ร่วมกับการตรวจ Ultrasound ประเมินความผิดปกติของทารกในครรภ์ปริมาณน้ำคร่ำร่วมด้วย
แปลผล
Reactive
ผลปกติเป็นการทำนายว่าทารกอยู่ในสภาวะปกติ หมายถึงการมีFHR acceleration หรือการเพิ่มของFHR 15ครั้ง/นาที กินเวลา 15 วินาที อย่างน้อย 2 ครั้งใน 20 นาที
ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีผล NST เป็น reactive โดยทั่วไปมักจะแนะนำให้ทำการตรวจซ้ำอีก ใน 1 สัปดาห์ แต่ในกรณีที่มีภาวะเสี่ยงสูงเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง จากการตั้งครรภ์ ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ตั้งครรภ์เกินกำหนด ควรทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
Non reactive
ผลผิดปกติ เป็นการทำนายว่าทารกอยู่ในสภาวะผิดปกติ หมายถึงการไม่มี FHS acceleration ในช่วง 20 นาทีแรก หรืออาจเกิดจากทารกหลับ ต้องกระตุ้นให้ทารกตื่น ด้วย Acoustic stimulator แล้วบันทึกต่ออีก 20 นาทีแต่ไม่พบFHR accelerationเลย
วิธีการตรวจ
ให้ผู้ป่วยนอนบนเตียง ในท่าศีรษะสูงและใช้หมอนรองใต้สะโพกขวาเพื่อให้มดลูกไม่กดทับหลอดเลือดดำ
บันทึกความดันโลหิตก่อนทำ เพื่อตรวจสอบภาวะ supine hypertension
ติดหัวตรวจ tocodynamometer เพื่อบันทึกการหดรัดตัวของมดลูกไว้ ที่ตำแหน่งยอดมดลูกและหัวตรวจFHR ไว้ที่ตำแหน่งหลังของทารกที่ได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจชัดเจน
บันทึกนาน 20 นาทีถ้ายังแปรผลไม่ได้ให้บันทึกต่ออีก 20 นาทีเป็น 40 นาที
ข้อบ่งชี้ในการตรวจ
ผู้ป่วยชายว่าลูกดิ้นน้อยลงนับจำนวนครั้งได้น้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน
เริ่มตรวจเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์
มารดาเป็นโรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคหัวใจร่วมด้วย
มารดาที่ตรวจพบว่ามีน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติหรือถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
มารดาที่รู้สึกว่าลูกดินน้อยลงหรือหยุดดิน
ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตช้ากว่าอายุครรภ์
มารดาตั้งครรภ์เกิน 42 สัปดาห์
มารดามีประวัติทารกตายคลอด
ประสิทธิภาพของ NST
NST ถือว่ามีความจำเพาะเจาะจงสูง มากกว่าร้อยละ 90 แต่ความไวต่ำประมาณร้อยละ 50 ซึ่งก็คือมีผลลวงสูงนั่นเอง ดังนั้นNST reactive สามารถเชื่อมั่นได้ว่าทารกในครรภ์สุขภาพดีแต่ถ้า non reactive ยังบอกไม่ได้ว่าทารกอยู่ในภาวะอันตรายจริงหรือไม่ ต้องตรวจยืนยันเพิ่มเติมเพื่อให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC ภาวะโลหิตจาง
20 สิงหาคม 2562
Hb 12.7 g/dL
Hct 37.3%
18 กุมภาพันธ์ 2563
Hb 11.3g/dL
Hct 35.8%
VDRL ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส
Negative
HBsAg ตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี
Negative
Anti HIV ตรวจหาเชื้อโรคเอดส์
Negative
ABO group หมู่เลือดและRh
Gr.B
Rh+
UA ตรวจหาเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
UPT ตรวจดูโปรตีนและน้ำตาลในปัสสาวะ
Protein:neg
Sugar:neg
Screen Thalassemia ตรวจหาโอกาสเสี่ยงลูกเป็นธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง
ภรรยา(20 ส.ค. 62)
MCV 79.0 fl
Hb E screen=Neg
Hb typing= Normal Hb typing,not rule out Alpha thalassemia,ควรตรวจยืนยัน alpha thalassemia
สามี
MCV 88.1 fl
Hb E screen =neg
การวัด cervical length
GA 23 wks ได้ผล TVs ปากมดลูกยาว4cm
ทำนายการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด โดยการวัดความยาวของปากมดลูก ตั้งแต่ Internal os จนถึง External ถ้าน้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร โอกาสการคลอดก่อนกำหนดจะสูง
Notify
Previous preterm
ต้องทำ TR
การให้คำแนะนำก่อนทำหมัน
ประสิทธิภาพการทำหมัน แต่ละเทคนิค
การทำหมันเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร การต่อหมัน (Reverse of sterilization) ทำได้ยากโอกาสกลับมาตั้งครรภ์ได้น้อย 46 ถึง 73% ขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น อายุ ความยาวของท่อนำไข่เป็นต้น มีค่าใช้จ่ายสูง ประสิทธิภาพโดยทั่วไปไม่ครอบคลุมต่อหมัน รวมถึงเทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์
ต้องไม่เป็นการบังคับหรือให้ข้อมูลที่มีอคติในการล็อคเทคนิคการทำหมัน
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น การทำหมันชาย การคุมกำเนิดระยะยาวด้วยวิธีต่างๆ(implantation,intrauterine devices)
โอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกซึ่งเป็นหนึ่งใน long term Communication ของการทำหมัน โอกาสเกิดแตกต่างกันในแต่ละเทคนิคเช่น Post-partum salpingectomy มี 10ปี risk เท่ากับ1.5 per 1000
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย และความเสี่ยงเกี่ยวกับการทำหมันในเรื่องช่วงเวลาในการทำหมัน ช่องทางการผ่าตัดทำหมันและเทคนิคในการทำหมัน
bowel preparation โดยทั่วไปไม่มีความจำเป็นหากพิจารณาในรายที่มีโอกาสผ่าตัดโดนลำไส้สูง เช่นมีพังผืดในช่องท้อง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดภายหลังจากการทำหมัน
Ovarian reserve จากการศึกษาระดับฮอร์โมนFSH,LH,Estradiol ไม่พบการเปลี่ยนแปลงและในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานของการเกิดภาวะวัยทองก่อนกำหนด ให้ผู้ป่วยหลังทำหมัน
Menstrual functionจาก case study(2000) พบว่าภายหลังการทำหมันผู้ป่วยมีปริมาณประจำเดือนลดลง ระยะเวลาการมีประจำเดือนลดลง อาการปวดประจำเดือนลดลง แต่มีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอเพิ่มขึ้น ถึงอย่างไรก็ตามผู้ทำการศึกษาได้ให้ความเห็นว่า ลักษณะของประจำเดือนที่เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถอธิบายด้วยทฤษฎีต่างๆ การเปลี่ยนแปลงของประจำเดือนนั้น ขึ้นกับการทำงานของรังไข่ ได้ทำการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าการทำงานของรังไข่ในผู้ป่วยหลังทำหมันไม่เปลี่ยนแปลง
sexual function ไม่พบการเปลี่ยนแปลง
Breast cancer ไม่พบว่าเพิ่มความเสี่ยง
Previous C/S
ประเภทของการผ่าตัด
Elective cesarean section คือการผ่าตัดที่มีการวางแผนไว้ตั้งแต่ใกล้กำหนดครบคลอด 1-2 สัปดาห์หรือเรื่องเข้าสู่ระยะคลอด
Emergency cesarean section การผ่าตัดคลอดฉุกเฉินทางในกรณีที่ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้
ภาวะแทรกซ้อน
ขณะทำ
ภาวะแทรกซ้อนจากยาสลบเช่นกดการหายใจ ความดันโลหิตต่ำ การฉีกขาดของแผลผ่าตัดบนตัวมดลูก การบาดเจ็บต่อทารก บาดเจ็บต่อกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ เกิดฉีกขาดของแผลผ่าตัดบนตัวมดลูกจนถึงปากมดลูก
หลังทำ
ภาวะแทรกซ้อนทางวิสัญญีได้แก่ ท้องอืด
เกิดการอักเสบเยื่อบุโพรงมดลูก เกิดการอักเสบของแผลผ่าตัด มีเลือดออกในช่องท้องภายหลังการผ่าตัด ภาวะ PPH ร่วมกับภาวะช็อค
การพยาบาล
ก่อนทำ
เตรียมจิตใจ,NPO6-8hr,shape&สวน,ควรคาสายปัสสาวะ,G/M Hct UA,ให้สารน้ำ,FHS v/s,เอกสารยินยอม,ถอดเครื่องประดับฟันปลอม ล้างสีเล็บ
ขณะทำ
ปูผ้า,จัดท่า trendelenberg,ช่วยเหลือแพทย์,บันทึกคลอดประเมินร่างกายทารก,ประเมินการเสียเลือด ตรวจนับเครื่องมือและผ้าซับเลือดก่อนปิดแผล
หลังทำ
จัดท่านอนหงายราบไม่หนุนหมอน ถ้าข้างศีรษะจนกว่าจะรู้สึกดี ประเมินแผลผ่าตัดทางหน้าท้อง ประเมินเลือดออกทางช่องท้อง ไม่ควรเกิน 200 cc บรรเทาอาการปวด วัดสัญญาณชีพ I/O ให้สารน้ำ ช่วยเหลือทำกิจกรรม กระตุ้น ambulation
ชนิดของการผ่าตัดคลอด
Uterine incision
1.low transverse cesarean section
เป็นการผ่าตัดแนวขวางที่ส่วนล่างของมดลูก
2.classical incision
เป็นการผ่าตัด ในแนวตั้งที่บริเวณส่วนบนของมดลูกใกล้ๆกับยอดมดลูก
3.inverted T-shaped incision ผ่าตัดบริเวณส่วนล่างของมดลูกในแนวขวาง แล้วทำคลอดทารกออกยากจึงต้องตัดเพิ่มเป็นรูปตัว T กลับหัว
4.Cesarean hyterectomyหรือ Porro cesarean section เป็นการผ่าตัดเอาทารกออกทางด้านหน้าท้องตามธรรมดา ร่วมกับ ผ่าตัดเอามดลูกออกในครั้งเดียว
การผ่าตัดแบบ extraperitoneal cesarean section เป็นการผ่าตัดที่ผนังมดลูก โดยไม่ต้องผ่านเข้าภายในช่องท้อง จะเลาะผ่านRetzius space เข้าใต้กระเพาะปัสสาวะเข้าหามดลูกส่วนล่าง
Skin incision
1.การผ่าแนวดิ่ง( low vertical skin incision หรือ median incision) จะพาจากแนวกึ่งกลางเหนือกระดูกมะนาวมายังแนวสะดือ ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเด็กตัวโต
2.การผ่าในแนวขวาง(Transverse skin incision) เป็นการผ่าซึ่งอยู่ในแนว hairline ของบริเวณหัวหน่าว ความยาวของแผลมากน้อยตามขนาดของทารก การผ่านนี้ทำให้เห็นรอยแผลเป็นไม่ชัดเจน
ข้อบ่งชี้
คลอดติดขัด รกเกาะต่ำ เสี่ยงfetal distress การติดเชื้อรุนแรงที่ปากมดลูก เคยผ่าตัดที่ผนังมดลูกมาก่อน มีเลือดออกมากหลังการตั้งครรภ์
ตั้งครรภ์ในไตรมาส 3
เน้นย้ำนับลูกดิ้น 1 ชั่วโมง แม่ควรรู้สึกลูกดิ้นอย่างน้อย 3 ครั้งและ 1 วันควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง นับหลังอาหารเช้ากลางวันเย็น
อาหาร มันเพิ่มอาหารประเภทโปรตีนเช่นเดียวกับไตรมาสที่ 2 เช่นเนื้อสัตว์เนื้อปลา ผักใบเขียวชนิดต่างๆและอาหารที่มีแคลเซียม ปลาตัวเล็ก ทานได้ทั้งตัว นมพร่องมันเนย เป็นต้น
การฝากครรภ์ การตรวจนับครรภ์จะปล่อยขึ้นในไตรมาสนี้ จะมีการตรวจปัสสาวะเพื่อดูระดับน้ำตาลและโปรตีนในปัสสาวะ เช็คความดันโลหิต ติดตามอาการบวมเพื่อตรวจหาว่ามีภาวะครรภ์เป็นพิษหรือไม่
การดูแลเต้านมในระยะ 2-3 เดือนก่อนคลอด ร่างกายจะขับสารจำพวกไขมันมาคุมบริเวณหัวนมและลานนม ดังนั้นไม่ควรอาบน้ำชำระร่างกายฟอกสบู่บริเวณหัวนมมาก เพราะจะชะล้างไขมันบริเวณนั้นออกไปทำให้หัวนมแห้งและแตก
การเปลี่ยนแปลง
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นควรเพิ่มเดือนละ 2 กิโลกรัมรวม 6 กิโลกรัม
ปวดหลังจากสาเหตุน้ำหนักของมดลูกและตัวเด็กที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณแม่ต้องแอ่นหลังหรือเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหลังมากกว่าปกติ
ปัสสาวะบ่อยขึ้นโดยเฉพาะช่วงใกล้คลอดที่ศีรษะลงขึ้นลง
เหนื่อยง่ายนอนหลับไม่สบายอึดอัด
เป็นตะคริวบ่อยเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ขาต้องรับน้ำหนักเพิ่มมากกว่าปกติ และมีผลจากการได้รับ Calcium ไม่เพียงพอ
ภาวะฉุกเฉินและอาการสำคัญที่ต้องมาโรงพยาบาล
อาการท้องแข็งและเจ็บครรภ์ทุก 5-10 นาที มีมูกเลือดหรือเลือดออกทางช่องคลอด ลูกดิ้นน้อยลงมีน้ำเดิน( น้ำใสคล้ายปัสสาวะราด) ปวดศีรษะตาพร่ามัวจุกแน่นลิ้นปี่บวม
ยาที่ได้รับ
Folic acid 1×1 po pc
Iodine 1×1 po pc
Previous preturm,utrogestan(100)2tab จนถึง36wks
เป็นยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน ช่วยในการตั้งครรภ์ และการยับยั้งการหดตัวของมดลูกป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะเลือดออกแทรกซ้อน ปวดหัว มีอาการคันแสบร้อนหรือตกขาว
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ fetal distress
ข้อมูลสนับสนุน: ผู้ป่วยบอกว่าลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน
วัตถุประสงค์ :ทารกในครรภ์ไม่มีภาวะ fetal distress
เกณฑ์การประเมิน
อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ 140 ถึง 160 ครั้งต่อนาที
การเต้นของหัวใจทารกในครรภ์มี variabilityและไม่มี late deceleration
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ รายงานแพทย์ทันทีหากพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 110 ครั้งต่อนาที หรือมากกว่า 160 ครั้งต่อนาที
ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้ายเพื่อลดการกดทับเส้นเลือด aorta และ inferior vena cava จากมดลูกเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและป้องกันการเกิดภาวะ supine hypertension
ดูแลให้ได้รับการตรวจประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์(NST) และแนะนำให้ตรวจซ้ำในอีก 1 สัปดาห์
ดูแลให้ผู้คลอดได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอและจัดท่านอนศีรษะสูง
ให้สารน้ำและออกซิเจนตามแผนการรักษาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังมดลูก
เน้นย้ำนัดลูกดิ้น 1 ชั่วโมง แม่ควรรู้สึกว่าลูกดิ้นอย่างน้อย 3 ครั้งและ 1 วัน ลูกควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง นับหลังอาหารเช้ากลางวันเย็นเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง รวมการดิ้นทั้ง 3 เวลา หากดินน้อยกว่า 4 ครั้งใน 1 ชั่วโมงให้นับต่อไปอีก 1 ชั่วโมงหากดิ้นน้อยกว่า 4 ครั้งใน 2 ชั่วโมงต้องมาพบแพทย์ทันที ในระหว่างมาโรงพยาบาลมารดาควรงดน้ำและอาหารไว้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินต่อทารกและจำเป็นต้องผ่าตัดคลอดด่วนจะสามารถทำได้ทันที
ฝากครรภ์ตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควรเพิ่มอาหารประเภทโปรตีนเช่น เดียวกลับในไตรมาสที่สองเช่น เนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาผัดใบเขียวชนิดต่างๆและอาหารที่มีแคลเซียม เช่น ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งตัวนมพร่องมันเนยเป็นต้น
งดดื่มสุรา ยาเสพติด สูบบุหรี่งดอาหารหมักดอง
ผู้คลอดวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของบุตร
ข้อมูลสนับสนุน: ผู้ป่วยแจ้งว่าลูกดิ้นน้อยลงนับจำนวนได้น้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน
วัตถุประสงค์การพยาบาล: ผู้คลอดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของบุตร
เกณฑ์การประเมิน: ผู้คลอดมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่มีสีหน้าวิตกกังวล
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินระดับความวิตกกังวลและเปิดโอกาสให้ผู้คลอดระบายความรู้สึก
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของบุตรการดูแลของแพทย์ผู้มีความชำนาญและมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่อทารกมีสุขภาพแข็งแรงเจ้าหน้าที่หออภิบาลทารกแรกเกิดจะนำทารกมาคืนให้กับมารดาเพื่อให้มารดาให้นมบุตร และมีสัมพันธภาพ
สนับสนุนให้สามีมีส่วนร่วมในการดูแลบุตรประคับประคองให้กำลังใจผู้คลอด