Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ (Primary Assessment (C : Circulation…
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ
DISASTER paradigm
D – Detection
มี disaster หรือ MCI เกิดขึ้น
มีการตรวจพบสารอันตรายหรือไม่
ทราบสาเหตุหรือไม่ และสถานการณ์ในที่เกิดเหตุปลอดภัยหรือยัง
I - Incident comman
ระบบผู้บัญชาการณ์ทั้งนี้เพื่อ สามารถขอความร่วมมือในทกุหน่วยงาน ขยายงาน ยุบงาน
S – Safety and Security
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้ปฎิบัติงานด้วยกัน
S – Safety and Security
คำนึงถึงความปลอดภัยและป้องกันตนเองรวมทั้งทีม เป็นอันดับแรกจากนั้นค่อยคำนึงถึงการป้องกันชุมชน
A – Assess Hazards
รีบทำงานให้เสร็จและย้ายออกให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ แล้วควรคำนึงถึงการป้องกันตนเองด้วยการสวมเครื่องมือป้องกันตนเองก่อน เข้าไปในที่เกิดเหตุอีกด้วย
S – Support
ไม่สามารถหวังพึ่งการสื่อสาร
T – Triage/Treatment
ระบบการคัดกรองที่ใช้คือ MASS Triage Model ประกอบด้วย Move, Assess, Sort และ Send
MASS Triage
M-Move
ทำได้โดยอาจตะโกนว่า “ ใครที่ได้ยินผมและต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ เดินไปที่ธงสีเขียว” กลุ่มผู้ป่วยนี้จัดเป็น Minimal
A-Assess
ถ้าผู้ป่วยมีอาการปางตายหรือเป็นการ บาดเจ็บที่รักษาไม่ได้ก็ถือเป็น กลุ่ม Expectant ซึ่งแพทย์ควร ปล่อยไว้และรีบไปให้การรักษาแกผู้ป่วยรายอื่นตอ่ไป
S-sort
ทำได้โดยการแยกแยะผู้บาดเจ็บออกเป็น 4 กลุ่มตาม ID-me (Immediate , Delayed, Mininmal และ Expectant)
Concept of trauma care
Primary Assessment
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น
Primary Assessment
-Resuscitation
-Secondary Assessment
Definitive care (การรักษา)
Primary Assessment
การตรวจหาพยาธิสภาพหรือความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันสั้นซึ่งเมื่อพบต้องรีบแก้ไขทันทีตามขั้นตอนคือABCs
Secondary Assessment
เป็นการตรวจหาพยาธิสภาพอย่างละเอียดหลังจากที่ผู้ป่วยคนพาวิกฤตแล้ว
Definitive care
เป็นการรักษาผู้ป่วยหลังจากที่ได้ตรวจการวิธีใช้ในเบื้องต้นเรียบร้อยแล้วเช่นผ่าตัด exploratory laparotomy สำหรับผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บในช่องท้อง ทำ craniotomy สำหรับผู้ป่วยที่มีเลือดออกในกะโหลกศีรษะ
กระบวนการดูแลผู้บาดเจ็บฉุกเฉินจากแนวทางของ American Trauma Life Support
เตรียมการรับผู้บาดเจ็บ (preparation)
การแบ่งกลุ่มผู้บาดเจ็บ (triage)
การประเมินเบื้องต้น (primary survey)
การกู้ชีวิต (resuscitation)
การประเมินอย่างละเอียด (secondary survey)
การติดตามผู้ป่วยและการประเมินผล (monitoring and evaluation)
การเคลื่อนย้ายไปสู่การรักษาเฉพาะ
การสังเกตอาการผู้บาดเจ็บ
สติสัมปชัญญะ
สภาพร่างกายที่ปรากฏ
กลิ่น
สิ่งแวดล้อมที่ตามมากับผู้ป่วย
Primary Assessment
A : airway maintenance with cervical spine protection
B : Breathing and ventilation
C : Circulation with bleeding control
D : Disability, Deformities, Drainage
E : Exposure, Environmental control, EKG
F : Fluid, Foley
A : airway
สาเหตุของ airway obstruction
Tissue Inflammation
Trauma F.B.
Decreased consciousness
สาเหตุเหล่านี้น าไป สู่ภาวะ Hypoxia
Moderate obstruction
-Dyspnea
Stridor on slight exertion
Rib retraction on inspiration
-Use of accessory muscles of respiration
Dilation of nasal alae on inspiration
Retracting cervical soft tissues
Tracheal tug on inspiration
Severe obstruction
• Stridor at rest
• Apprehension
• Restlessness
• Sweating and pallor
• Increased blood pressure and
• heart rate
• Paradoxical movement of chest
อาการและอาการแสดงของสภาวะออกซิเจนเลือดต่ำ (hypoxemia hypoxemia)
ระบบผิวหนัง – ซีดเย็น แห้งเขียวคล้ า เหงื่อออกมาก
ระบบหายใจ - เหนื่อยง่าย หายใจเร็วหายใจล าบากหยุดหายใจ
ระบบประสาท – วิตกกังวลกระสับกระส่ายสับสนอ่อนเพลีย Coma
ระบบหัวใจและหลอดเลือด - ชีพจรเร็ว , EKG ผิดจังหวะ - เจ็บหน้าอก - ความดันเลือดสูงร่วมกับอัตราเต้นหัวใจเร็ว – ความดันเลือดต่ำร่วมกับอัตราเต้นหัวใจช้า
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการสังเกตการหายใจ
1.ความถี่และจังหวะของการหายใจ
2.ความราบเรียบ ราบรื่นของการหายใจ
3.การบาดเจ็บต่ออวัยวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การหายใจ ตั้งแต่ปาก จมูก กราม คอและทรวงอก
การดูแลเบื้องต้นเกี่ยวกับการหายใจ
1.เอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากเค้าแนะนำคอ
2.เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
3.การใส่ airway
4.การให้ออกซิเจนผ่านหน้ากากชนิดต่างๆ
ต้องการการจัดการทางเดินหายใจแบบ Advance
-Chest injury -Apnea
-sever head injury
-maxillofacial injury
-penetrating airway obstruction
-penetrating neck trauma with hematoma
Hypoxia
B : Breathing and ventilation
-ดู:อัตราจังหวะความลึกตื้นของการหายใจความยาวของการหายใจเข้าออกลุงที่ผ่านเข้าออกทางปากจมูกหรือท่อหายใจความสามารถของการขยายตัวของทรวงอกความผิดปกติต่างๆเช่น Paradoxical chest movement เวลาหายใจเข้าก็จะดูเหมือนว่า chest นั้นยุบลงไปในขณะที่หายใจออกก็จะเกิดคิดว่า chestมันขยายออก
• คลำ : ตำแหน่งที่กดเจ็บ crepitus, , subcutancous emphysema, tracheal deviation ความผิดปกติของกระดูกอก
• เคาะ : ความผิดปกติคือ hyperresonance หรือ dullness บริเวณ ปอด
• ฟัง : พบ breath sound ไม่เท่ากัน
• ABG
• Pulse oximetry
ปัญหาการหายใจที่คกุคามชีวิต
Tension pneumothorax อาการที่พบ
หายใจลำบาก ฟังเสียงหายใจข้างนั้นไม่ได้ เคาะโปร่ง tracheal deviation , distended neck vien , cyanosis
การรักษาฉุกเฉิน - ปิดด้วยวาสลินก๊อซและทา needle thoracostomy 2nd ICS, MCL เพื่อระบายลมออก หลังจากนั้นส่งผู้ป่วยไปเอกซเรย์และใส่ ICD ที่ 5th ICS,MCL
Open pneumothorax หรือ sucking chest wound ขนาดของ รูเปิดที่ท าให้หายใจไม่ได้ คือ 2/3 ของØหลอดลม
อาการที่พบ หายใจล าบากมาก มีเสียงลมถูกดูดเข้าไป มีเสียงลมในช่องเยื่อ หุ้มปอดหายใจเร็ว คล้ายเสียงคำราม
การรักษา - ทำ three sided dressing - ทำ ICD แยกจากแผล opened wound - ถ้าผู้ป่วยไม่ดีขึ้น (PaO2 <60 มม.ปรอท) อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และ ใช้เครื่องช่วยหายใจ
Flail chest สาเหตุ ที่ทำให้หายใจไม่พอ คือ การบาดเจ็บของเนื้อปอด อย่างรุนแรง และมีอาการปวดมาก
อาการที่พบ หายใจล าบาก เขียว มีภาวะขาดออกซิเจน มักพบร่วมกับ hemo/pnuemothorax หรือ lung contusion
การรักษา -ติดตามดู arterial blood gas อย่างใกล้ชิด เพราะผู้ป่วยอาจต้องใส่ท่อ ช่วยหายใจ
-ใช้ ventilato
Massive hemothorax >> ภาวะที่มีเลือดอยูในช่องเยื่อหุมปอด มากกวา> 1500 มล.
อาการที่พบ หายใจลำบาก เขียว เหนื่อย ต้องใช้กล้ามเนื้อระหว่าง ซี่โครงในการหายใจ เคาะทึบ มีอาการช็อคร่วมด้วย trachea และ mediastinum ถูกดันไปด้านตรงข้าม ฟังไม่ได้ยินเสียงหายใจ
การรักษา ภาวะฉุกเฉิน
ให้ออกซิเจน
ใส่ICD
ให้สารน้ำ crystalloid
C : Circulation
• คลำชีพจรที่ Radial ,Brachial , Carotid artery ถ้าไม่ มีชีพจรทำ CPR
• ตรวจ Capillary refil
• ตรวจสอบบาดแผล
• คลำผิวหนัง ปลายมือ ปลายเท้า
• Trauma Score
Hypovolemic shock เสียเลือดจากการบาดเจ็บ
สาเหตุ •เสียน้ำเช่น แผลไหม้
การรักษาภาวะ hypovolemic shock
การคงไว้ซึ่งปริมาตรเลือดไหลเวียน โดย- การให้สารน้ าหรือ เลือด ควรเปิดหลอดเลือดส่วนปลายอย่างงน้อย 2 เส้น บริเวณ แขน ที่ไม่บาดเจ็บหรือชาถ้าแทงไม่ได้เพราะ peripheral vein collapse ให้ทำ cutdown
การให้สารน้ำใช้หลัก การให้สารน้ำcrystolloid 300 มล .ทุกๆ 100 มล .ของการสูญเสียเลือด (3 เท่าของ estimate bl. loss ) ให้สารน้ำcrystolloid 3 ลิตร ควรให้ PRC 1 unitเพื่อคงค่า Hct. ไว้ที่ ระดับ 30%
-ในผู้บาดเจ็บ นิยมให้ PRC มากกว่า whole blood แต่ผู้บาดเจ็บที่ปัญหาการ แข็งตัวของเลือด จ าเป็นต้องใช้ fresh whole blood ต้องระมัดระวัง การให้ สารน้ าที่ไม่เพียงพอจะทำให้เกิดภาวะไตล้มเหลวได้ดังนั้นแพทย์จึงให้supra normal resuscitation มากกว่า under resuscitation เพื่อป้องกัน ปัญหาจาก multi organ failure Whole blood (WB)
Cardiogenicshock shock
อาการ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตตก หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง เสียงหัวใจดังอู้อี้ไม่ชัด ไม่ตอบสนองต่อการให้สารน้ำ
Neurogenic shock
สาเหตุ มาจาก spinal cord injury - neurogenic shock เกิดจากการสูญเสีย sympathetic tone มี การขยายตัวของหลอดเลือด แต่อัตราเร็วของชีพจรไม่เพิ่มขึ้น
การรักษาขั้นต้น คือ การให้สารน้ าทดแทน
Septic shock
สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด โดยมากมักเกิดจากการบาดเจ็บ ต่ออวัยวะของช่องท้อง เนื่องจากวินิจฉัยได้ล่าช้า
อาการ คือความดันโลหิตต่ำ(ไม่มาก) pulse pressure กว้าง ผิวหนัง อุ่น ที่รุนแรงจะมีอาการคล้าย hypovolemic shock
การรักษาสาเหตุ คือ control source of sepsis
Disability, Deformities, Drainage
Disability
• คือการประเมินระบบประสาทอย่างรวดเร็วให้รู้ถึง
• ระดับความรู้สึกตัวโดยใช้Glasgow coma score (GCS) และปฏิกิริยา ของรูม่านตาต่อแสง
• ใช้ AVPU method คือ A : alert V : vocal stimuli P : pain stimuli U : unresponsive
Deformities
คือ การประเมินความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก โดยดูที่ รูปร่างและหน้าที่ การทำงานผิดปกติไปหรือไม่
Drainage
เป็นการสังเกตสิ่งขับหลั่งจากปาก จมูก ช่องหู บริเวณ penis และ urethral meatus เพื่อการวินิจฉัยต่อไป
E: Exposure, Environment control, EKG
• การถอดเสื้อผ้าผู้บาดเจ็บเพื่อการประเมินที่ชัดเจน สำรวจดูทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
• ดูแลความอบอุ่น แก่ผู้ป่วยให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะhypothermia ด้วยวิธิการต่อไปนี้ เช่น ผ้าห่ม เครื่องhyperthermia อุ่นสารน้ำที่ทำให้อากาศที่หายใจเข้าอุ่น เป็นต้น
• ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
F : Fluid, Foley
-การวิเคราะห์ปริมาณสารน้ำที่ควรได้รับ
-การเจาะเลือดส่งตรวจค่า ABG, Hct, WBC, PT, PTT, type & cross match, electrolytes, alcohol level Cardiac enzymes (ถ้ามีการบาดเจ็บต่อหัวใจ) และอื่นๆ ที่จ าเป็น
-การประเมิน content จากทางเดินอาหาร ,การดูแล NG tube ให้มีการ ระบาย gastric content , สังเกตการเคลื่อนไหวลำไส้
การใส่ท่อทางเดินปัสสาวะ ประเมินปัสสาวะ , ส่งปัสสาวะตรวจวิเคราะห์ ส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะ
RESUSCITATION
• จะทำทันทีเมื่อตรวจพบภาวะที่ทำให้ pt.เสียชีวิต โดยทำพร้อม กับการตรวจระยะแรก pt.ที่ไม่หายใจ หรือคลำชีพจรไม่ได้ต้อง CPR
• แต่ถ้าประเมินแล้วไม่จำเป็นต้อง CPR ต้องให้การช่วยเหลือ A B C
CPR 2015
Basic Life Support
C: Chest compression Position : ตำแหน่งในการวางมือของการปั๊มต้องวางมือตรงส่วนล่างของกระดูก หน้าอก ( lower half of sternum bone )
เริ่มกดหน้าอก 30 ครั้ง โดยให้ความสำคัญกับ
กดเร็ว (อย่างน้อย 100-120 ครั้ง/นาที)
กดลึก (อย่างน้อย 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร ไม่เกิน 2.4 เซนติเมตร หรือ 6 เซนติเมตร)
ถอนมือจนสุด ปล่อยให้หน้าอกขยายกลับอย่างเต็มที่หลังการกดแต่ละครั้ง
กดให้ต่อเนื่อง
วางสันมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอกและวางสันมืออกีข้างหนึ่ง ซ้อนบนมอืแรกล็อคประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน
ถ้าเป็นผู้ชายวางสันมือลงตรงบริเวณระหว่างหัวนม
แขนเหยียดตึงแนวดิ่งไม่งอศอก
นับ 1 และ 2 และ 3 ………..สิบเอ็ด สิบสอง…………30
A: Airway เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ด้วยการทำ การเชิดหัว-เชยคาง (head tilt-chin lift) หรือยกกราม (jaw thrust)
B: Breathing - ช่วยหายใจ 2 ครั้ง แล้วเริ่มกดหน้าอกในข้อ 1 ต่อ เพื่อให้อัตราการกดหน้าอกต่อการช่วยหายใจ = 30:2 การผายปอดแต่ละครั้ง มากกว่า 1 วินาทีและสามารถทำให้หน้าอกยกขึ้นได้ ในแต่ละครั้ง
ทำขั้นตอน C-A-B ไปเรื่อย ๆ จนกว่า เครื่องช็อกไฟฟ้า (defibrillator) มาถึง เวอร์ชัน2015เน้นการเข้าถึงเครื่อง AED(Automated External Defibrillator)ให้เร็วที่สุด จึงมีการเปลี่ยนชื่อจาก AED เป็น PAD (Public access Defibrillator)
2017 CPR Algorithm
การดูแลหลังการกู้ชีวิต (Post-Cardiac Arrest Care)
ให้ O2 ให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาระดับ O2 sat ให้ >= 94%
ช่วยหายใจด้วยอัตรา 10-12 ครั้ง/นาที โดยให้ระดับ PETCO2 อยู่ ในช่วง 35-45 mmHg
รักษาภาวะความดันโลหิตต่ำ โดยให้ SBP >= 90 mmHg ด้วยการให้ IV fluid หรือยา vasopressor (Dopamine, Adrenaline, Norepinephrine)
รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ให้อยู่ในช่วง 144-180 mg%
พิจารณาทำInduced Hypothermia โดยลดอุณหภูมิ ร่างกายลงเหลือ 32-34 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง
พิจารณาสวนเส้นเลือดหัวใจ เพื่อเปิดทางเดินเส้นเลือด coronary (coronary reperfusion)กรณีที่สงสัยสาเหตุ หัวใจหยุดเต้นจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
Secondary Assessment
•การซักประวัติโดยละเอียด
•การตรวจร่างกายแต่ละระบบ
•diagnostic test
.การถ่ายภาพรังสี การตรวจพิเศษ
•การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งอาจเริ่มตั้งแต่การประเมินในระยะท้าย ของการประเมินขั้นต้น
การซักประวัติ
ข้อมูลพื้นฐานการบาดเจ็บ
พฤติกรรม และสภาพของผู้ป่วยก่อนบาดเจ็บ
ลักษณะของผู้ป่วยหลังบาดเจ็บทันที
ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลืออย่างไร ณ ที่เกิดเหตุ
อะไรที่นำผู้ป่วยมาโรงพยาบาล
อาการสำคัญเกิดมานานเพียงใด
ปวดเพียงใดและอะไรทำให้ปวดเพิ่มขึ้น
การประเมินความเจ็บปวด
PQRST
•P : Pain
•Q : Quality of the pain
•R : Region and radiation
•S : Severity
•T : Timing
การซักประวติโดยละเอียด
AMPLE
A : Allergies (แพ้ยา อาหาร)
M : Medication (ยาที่รับประทานประจำ)
P : Past illness and surgical history (เจ็บป่วยในอดีต และการ ผ่าตัดในอดีต)
L : Last meal and last tetanus immunization\ (รับประทานอาหารครั้งสุดท้าย ฉีดบาดทะยักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่)
E : Events and environment leading to injury
แนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วย Multiple Trauma
Airway assessment
1.1 ผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อหายใจ (Need endotracheal intubation และ assist respiratory) a. Apneic patient ไม่หายใจ
b. patient in Respiratory distress หายใจไม่สะดวกประเมิน
1.2 Airway clear
2.Breathing assessment
2.1 Respiratory distress & Diminish breath sound
มีอาการและอาการแสดงของ Pneumohemothroraxใส่ ICD และส่ง ฉายภาพรังสีCXR
2.2 Questionable clinic
คลำได้# Rib
มีแผลบริเวณอก
มีรอยฟกช้ าที่บริเวณทรวงอก
มีประวัติได้รับการกระแทกที่บริเวณทรวงอก
2 Opinion แล้วไม่แน่ใจ
พิจารณาส่ง CXR พิจารณาจากฟิล์ม
Circulatiry assessment
3.1 BP<90/60 mmHg or pulse rate > 100 min ใหด าเนินการ ดังนี้ให Challenge 2 L of RLS และ cross matching และประเมิน อาการ / อาการแสดง
3.2 BP>90/60 mmHg or pulse rate < 100/min ให้ดำเนินการ รักษาพยาบาลในขั้นตอนตอไป
Specific injury assessment และ Specific management แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ / ทีมการพยาบาล
• ประเมินสภาพผู้ปวยและตรวจวัดสัญญาณชีพซ้ำตรวจรางกายโดย ละเอียด ตรวจดูการบาดเจ็บแต่ละระบบ
• จัดล าดับความสำคัญก่อนหลังของการบาดเจ็บ
• ปรึกษาแพทย์ที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกกลุมงาน
• ดำเนินการแก้ไขการบาดเจ็บตามลำดับความสำคัญ
• บันทึกข้อมูลลงในแฟ้มประวัติผู้ป่วยอย่างครบถ้วน