Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case 2 โรคหลอดเลือดสมองแตก (ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (ข้อวินิจฉัยทางการพยาบ…
Case 2 โรคหลอดเลือดสมองแตก
พยาธิ
เกิดจากหลอดเลือดมีความเปราะบางร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้บริเวณที่เปราะบางนั้นโป่งพองและแตกออก หรืออาจเกิดจากหลอดเลือดเสียความยืดหยุ่นจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดปริแตกได้ง่าย ซึ่งอันตรายมากเนื่องจากทำให้ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองลดลงอย่างฉับพลันและทำให้เกิดเลือดออกในสมอง ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วได้
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองแตก
สาเหตุเสี่ยงที่ป้องกันไม่ได้
1.อายุ เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดก็จะเสื่อมตามไปด้วย โดยผิวชั้นในของหลอดเลือดจะหนาและแข็งขึ้นจากการที่มีไขมันและหินปูนมาเกาะ รูที่เลือดไหลผ่านจะแคบลงเรื่อยๆ
2.เพศ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าเพศหญิง
3.ภาวะการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดการจับตัวกันของเม็ดเลือดและมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าคนปกติ
สาเหตุเสี่ยงที่ป้องกันได้
1.ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจึงมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนปกติ
2.เบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หากเกิดที่สมองจะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนปกติ 2-3 เท่า
3.ไขมันในเลือดสูง เป็นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเช่นเดียวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ คือภาวะไขมันสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด ทำให้กีดขวางการลำเลียงเลือด
4.โรคหัวใจ เช่น โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือด ถ้าลิ่มเลือดไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง ก็จะทำให้สมองขาดเลือดได้
5.การสูบบุหรี่ สารนิโคตินและคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง และเป็นตัวทำลายผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแข็งตัว พบว่าการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองถึง 3.5%
6.ยาคุมกำเนิด ในผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูง
7.โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบและหลอดเลือดแข็ง
8.การขาดการออกกำลังกาย
การวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
1.ซักประวัติอาการและอาการแสดง
2.การตรวจเลือดเพื่อดูความเข้มข้นและความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
3.การตรวจระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือด
4.การตรวจหาการอักเสบของหลอดเลือด
5.การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram) เพื่อดูจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
6.การตรวจสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computerized tomography) เพื่อดูว่าสมองมีภาวะขาดเลือดหรือภาวะเลือดออกในสมองหรือไม่
7.การตรวจอัลตราซาวนด์หลอดเลือดบริเวณคอ (carotid duplex scan) เพื่อดูขนาดและการไหลเวียนของหลอดเลือดแดงบริเวณคอที่ไปเลี้ยงสมองด้วยคลื่นความถี่สูง
8.การตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging) เพื่อดูเนื้อสมอง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดที่คอ เป็นวิธีการที่ไม่เจ็บปวดและมีประสิทธิภาพสูง3.การตรวจพิเศษ CT scans (Computerized Tomography) หรือ MRI (Magnetic Resonance Imaging)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล 1 มีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากการรับรู้สติลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ
การรับรู้ลดลง
เกณฑ์การประเมิน
1.อัตราการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ
2.ไม่มีอาการและอาการแสดงพร่องออกซิเจน
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการและอาการแสดงพร่องออกซิเจน เช่น ตัวเย็น ปลายมือปลายเท้าเขียว ซีด หายใจหอบเหนื่อย กระสับกระส่าย
2.ประเมินสัญญาณชีพ
3.จัดท่านอนศีรษะสูง
4.ดูแลให้ได้รับออกซิเจนให้เพียงพอ
5.ดูแลให้ได้รับยาตามแผลการรักษา
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล 2 เสี่ยงต่อภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วย ปวดศีรษะ
ผล CT right-sided caudate ICH with ventricular extension but without hydrocephalus
เกณฑ์การประเมิน
-ไม่มีอาการและอาการแสดงของ Cushing triad คือ Pulse pressure กว้างขึ้น ชีพจรช้า หายใจลึกไม่สม่ำเสมอ ชักเกร็ง ไข้สูงและมีอาการของเบาจืด
-สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
Systoric =90-140 mmHg
Diactoric =60-90 mmHg
Pulse pressure = 20-50 mmHg
P= 80-100 ครั้ง/นาที
T= 36.5-37.4 c
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูง Cushing triad คือ Pulse pressure กว้างขึ้น ชีพจรช้า หายใจลึกไม่สม่ำเสมอ ชักเกร็ง ไข้สูงและมีอาการของเบาจืด
2.ประเมิน Glasgow coma scale ทุกเวร
3.ประเมินสัญญาณชีพทุก 30 นาทีและการตอบสนองของรูม่านตา
จัดท่านอนศีรษะสูง 30 c∙ ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย
5.หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ป่วยยกศีรษะ นอนหนุนหมอน ก้มหน้ามากกว่า 45 c∙
6.จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมให้เงียบสงบ
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล 3 พร่องกิจวัตรประจำวันเนื่องจากแขน ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง
ข้อมูลสันบสนุน
ผู้ป่วยนอนพักบนเตียง แขนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง การรับรู้ลดลง
เกณฑ์การประเมิน
1.ผู้ป่วยได้รับการตอบสนองของความต้องการขั้นพื้นฐานตามปกติ
2.เพื่อคงไว้ซึ่งกิจวัตรประจำวัน
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินความสามารถในการทํากิจวัตรประจำวันผู้ป่วย
2.ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เช่น อุณหภูมิในร่างกาย ชีพจรอัตราการหายใจ ความดันโลหิต
ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยในการเคลื่อนไหว และเปลี่ยนอิริยาบถของร่างกาย
จัดสิ่งแวมล้อมรอบข้างให้เหมาะสม
5.จัดท่านอนให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย ดูแลให้นอนหลับพักผ่อน
6.ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาล
7.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
อาการของโรคหลอดเลือดสมองแตก
1.ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้าและ/หรือบริเวณแขนขาครึ่งซีกของร่างกาย
2.พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล กลืนลำบาก
3.ปวดศีรษะ เวียนศีรษะทันทีทันใด
4.ตามัว มองเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก หรือตาบอดข้างเดียวทันทีทันใด
5.เดินเซ ทรงตัวลำบาก
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองแตก
การควบคุมปริมาณเลือดที่ออกด้วยการรักษาระดับความดันโลหิต ในกรณีที่เลือดออกมาก แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสมองที่อาจเกิดขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิต
ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะมาก แขนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง
ได้รับการCT ผลเป็น right-sided caudate ICH with ventricular extension but without hydrocephalus
ได้รักษาโดยการทำการผ่าตัด