Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Meningitis (อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (คอแข็ง, มีอาการสับสน…
Meningitis
อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
คอแข็ง
มีอาการสับสน ไม่มีสมาธิในการจดจ่อ
ไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน
ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ชัก
แพ้แสงหรือไวต่อแสง
ไม่มีความกระหายหรืออยากอาหาร
ปวดหัวอย่างรุนแรงผิดปกติ
ง่วงนอน หรือตื่นนอนยาก
ผิวหนังเป็นผื่น พบได้ในผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น
Case ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ กลัวแสง และคอแข็ง
พยาธิของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบมักเริ่มจากการอักเสบที่เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Arachnoid) ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อบวมและเซลล์ประสาทถูกทำลาย การติดเชื้อโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ซึ่งเข้าได้ 4 ทาง ได้แก่1.กระแสเลือด 2.การเปิดโดยตรงระหว่างน้ำไขสันหลังกับสิ่งแวดล้อมภายนอก จากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ 3.ไปตามเส้นประสาทสมองและเส้นประสาทส่วนปลาย 4.เข้าทางปากหรือจมูก
เชื้อโรคสามารถผ่านไปยังทารกโดยเชื้อจากสิ่งแวดล้อมเข้าทางมดลูก เชื้อโรคจะทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้มีปริมาณ Neutrophils มารวมตัวกันทำให้มีน้ำเกิดขึ้นในช่องว่างใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarachnoid space) เป็นเหตุให้น้ำไขสันหลังเหนียวข้นขึ้น จึงไหลไปที่สมองและไขสันหลังได้น้อยลง และเกิดการขัดขวางวิลไลที่เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Arachnoid villi) และอุดกั้นการดูดซึมของน้ำไขสันหลังซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะน้ำคั่งในกะโหลกศีรษะ (Hydrocephalus) ความดันในสมองเพิ่มขึ้น และทำให้เซลล์ในสมองบวม หลอดเลือดในสมองโป่งพอง ทำให้ขัดขวางเลือดไปเลี้ยงสมอง
Case นักเรียนอายุ 18 ปี แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเป็นครั้งที่สามใน 3 วัน เธอเล่าประวัติของอาการปวดหัวหน้าผากที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นซึ่งในช่วง 4 วันที่ผ่านมากลายเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้และเกี่ยวข้องกับไข้และหนาวสั่น เธออาเจียนออกมาหนึ่งครั้งและมีอาการปวดคอเล็กน้อยและกลัวแสง เมื่อสามสัปดาห์ก่อนเธอกลับมาจากเปรูซึ่งเธอทำงานอาสาสมัครในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเดินทางไปลิมาและพื้นที่ชนบทเล็ก ๆ ใกล้ปูนา เธอไม่ได้เดินทางไปที่อเมซอน เธอมีความทันสมัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน pretravel รวมถึงไทฟอยด์ไวรัสตับอักเสบเอและไข้เหลืองและเพื่อให้สอดคล้องกับคำแนะนำในปัจจุบันสำหรับการเดินทางของเธอเธอไม่ได้รับการป้องกันโรคมาลาเรีย
สาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
สาเหตุจากเชื้อไวรัส เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเป็นชนิดที่รุนแรงน้อยที่สุด แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะอาจเป็นการติดเชื้อจากไวรัสที่ทำให้เกิดอาการ เช่น ท้องเสีย เป็นต้น แต่มีโอกาสน้อยมากที่เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัสจะทำอันตรายต่อสมองถาวรหลังจากอาการติดเชื้อบรรเทาลงแล้ว เพราะสามารถหายได้เองเชื้อไวรัสที่สามารถไปสู่เยื่อหุ้มสมองและก่อให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ ได้แก่ ไวรัสโรคคางทูม (Mumps) ไวรัสโรคเริม (Herpes) ไวรัสจากโรคอีสุกอีใส (Chicken pox) และไวรัสจากไข้หวัด (Influenza) เป็นต้น
Case เจาะCSF ตรวจพบ enterovirus RNA
2.เชื้อแบคทีเรีย
เชื้อแบคทีเรียที่มักเป็นสาเหตุของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
Neisseria meningitidis (Meningococcus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคไข้กาฬหลังแอ่น
Streptococcus pneumoniae (Pneumococcus) ที่พบได้ในภาวะปอดอักเสบติดเชื้อ
ส่วนเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ ที่มีโอกาสเป็นสาเหตุการเกิดได้เช่นกัน
เชื้อแบคทีเรียโรคฮิบ (Haemophilus influenzae Type B)
เชื้ออีโคไล (Escherichia coli: E. coli)
เชื้อวัณโรค (TB)
3.สาเหตุจากเชื้อรา เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราเป็นสาเหตุที่พบได้น้อยที่สุด ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงมักจะไม่ติดเชื้อชนิดนี้ แต่ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างผู้ติดเชื้อเอดส์มักมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดโรคนี้ด้วย
การวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
1.การตรวจร่างกาย
ตรวจดูอาการของการติดเชื้อรอบ ๆ ศีรษะ ใบหู ลำคอ และผิวหนังตามแนวกระดูกสันหลัง รวมถึงดูอาการทางระบบประสาท เช่น อาการคอแข็ง หรือระดับสติสัมปชัญญะ สัญญาณชีพจร
Case อุณหภูมิ 38 ° C ความดันโลหิต 105/70 mm Hg ชีพจร 100 bpm o2=100% ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ กลัวแสง และคอแข็ง
2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เก็บตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยเพื่อเพาะเชื้อหาสาเหตุการเกิดโรคในเลือดที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
Case ผลการตรวจเลือด ฮีโมโกลบิน 125 กรัม / ลิตร, จำนวนเซลล์สีขาว (WCC) 3.53x10 / L (นิวโทรฟิล 2.40x10 / L, เซลล์เม็ดเลือดขาว 0.86x10 / L), เกล็ดเลือด 189x10 / L, C ปฏิกิริยาโปรตีน 14 ทดสอบลบไม่มีเชื้อมาลาเรียในเลือดฟิล์ม HIV1 และ 2 แอนติบอดีลบ
3.การตรวจพิเศษ
CT scans (Computerized Tomography) หรือ MRI (Magnetic Resonance Imaging) และการเจาะน้ำไขสันหลัง
Case เจาะCSF ผลการตรวจพบว่า ไม่มีการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย CSF viral PCR: ตรวจพบ enterovirus RNA; ตรวจไม่พบไวรัสเริม (HSV) และไวรัส varicella zoster (VZV) ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัสปัจจุบัน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ข้อมูลสนับสนุน
T = 38 c∙
P = 100 ครั้ง/นาที
ผู้ป่วย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กลัวแสง และคอแข็ง
ผล CSF ตรวจพบ enterovirus RNA
เกณฑ์การประเมิน
-ไม่มีอาการและอาการแสดงของ Cushing triad คือ Pulse pressure กว้างขึ้น ชีพจรช้า หายใจลึกไม่สม่ำเสมอ ชักเกร็ง ไข้สูงและมีอาการของเบาจืด
-สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
Systoric =90-140 mmHg
Diactoric =60-90 mmHg
Pulse pressure = 20-50 mmHg
P= 80-100 ครั้ง/นาที
T= 36.5-37.4 c
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูง Cushing triad คือ Pulse pressure กว้างขึ้น ชีพจรช้า หายใจลึกไม่สม่ำเสมอ ชักเกร็ง ไข้สูงและมีอาการของเบาจืด
2.ประเมิน Glasgow coma scale ทุกเวร
3.ประเมินสัญญาณชีพทุก 30 นาทีและการตอบสนองของรูม่านตา
จัดท่านอนศีรษะสูง 30 c∙ ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย
5.หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ป่วยยกศีรษะ นอนหนุนหมอน ก้มหน้ามากกว่า 45 c∙
6.จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมให้เงียบสงบ
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากเยอะหุ้มสมองอักเสบ
ข้อมูลสนับสนุน
T = 38 c∙
P = 100 ครั้ง/นาที
ผู้ป่วย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กลัวแสง และคอแข็ง
ผล CSF ตรวจพบ enterovirus RNA
เกณฑ์การประเมิน
ไม่มีไข้
ไม่มีอาการชักเกร็ง
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี
ไม่ตรวจพบอาการระคายเคืองที่ เยื่อหุ้มสมองเช่นคอแข็ง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลให้ผู้ป่วยโรคเยอะหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสให้ได้รับยาต้านไวรัสหรือยาปฏิชีวนะส่วนผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรคดูแลให้ได้รับยาต้านวัณโรคร่วมด้วย
2.วัดและบันทึกสัญญาณชีพอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมงเพื่อประเมินความผิดปกติ
3.ประเมินและบันทึกอาการการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทเช่นขนาดรูม่านตาระดับความรู้สึกตัวการรับรู้บุคคลสถานที่เวลาความจำและความสามารถในการทำตามคำสั่งอย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมงในระยะแรกๆ
4.จัดให้ผู้ป่วยนอนพักอยู่บนเตียงอากาศถ่ายเทสะดวกจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบไม่ควรทำให้เกิดเสียงดังและไม่ควรรบกวนผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
5.ดูแลให้ได้รับยาตามการรักษาของแพทย์
การรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ให้ยาปฏิชีวนะที่สามารถผ่านไปที่ช่องว่างในชั้นเยื่อให้สมองอะแร็ชนอยต์ (Subarachnoid space) ให้เพนิซิลลิน (Ampicillin Piperacillin) หรือ Cephalosporins (Ceftriaxone Sodium. Cefotaxime sodium), Vancomycin hydrochloride อย่างเดียวหรือให้ร่วมกับ Rifampin เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียจะต้องให้ขนาดสูงทางหลอดเลือดดาอารให้ Dexamethasone ในรายที่เป็น Acute bacterial meningitis และ pneumococcal meningitis ให้ 15-20 นาทีใน dose แรกและ 6 ชั่วโมงต่อไปส่าหรับ 4 วันต่อมาสเตียรอยที่จะช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกในทางเดินอาหาร (Gl bleeding) รักษาภาวะขาดนาและภาวะช็อกโดยการให้ fluid และการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำในขนาดสูงๆตามเชื่อที่ตรวจพบอาคารชักอาจเกิดขึ้นในระยะแรกของโรคได้ควบคุมโดย Phenytoin (Dilantin) อาจต้องรักษาภาวะความดันในสมองสง Increase intracranial pressure TCP)