Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ANTENATAL CARE 4 (ข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ (การตรวจครรภ์ (30/03/63) (น้ำหนัก…

- - - - MCV : 87.6 fL
      - Hb E Sceen : Negative
  - - - Hb : 12.8 g/dL
      - Hct : 36.5%
    - - Hb : 11.6 g/dL
      - Hct : 35.0 %
- - - - รับประทานอาหารมื้อหลัก 3 มื้อ โดยเพิ่มเป็นมื้อเล็กๆระหว่างมื้อได้
      - งดกินขนมและเครื่องดื่นที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ
      - แนะนำให้กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างเพียงพอ เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย
      - แนะนำให้รับประทานอาหารจำพวกโปรตีนอย่างเพียงพอ เพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อและเพิ่มการเจริญเติบโดตของเซลล์สมอง
  - - - ไม่กลั้นปัสสาวะ
      - เลี่ยงการดื่มน้ำก่อนเข้านอน
    - - ออกกำลังการบริหารปอด
      - นอนหนุนหมอนถึงใต้หัวไหล่
    - - เปลี่ยนท่าบ่อยๆ
      - ให้ความอบอุ่นกับร่างกายส่วนล่าง
      - ออกกำลังกายกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
    - - ไม่ก้มนาน
      - ใส่รองเท้าส้นเตีย
      - ไม่ยกของหนัก
    - - ดูแลความสะอาดช่องคลอด
      - ใส่กางเกงในที่ไม่รัด ผ้าระบายอากาศได้ดี
      - ไม่สวนล่างช่องคลอด
  - - - เจ็บครรภ์จริง
        
        มดลูกหดรัดตัวทุก 10-15 นาทีเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
        
        มีอาการปวดหลังร้ามมาหน้าท้องด้านบน หรือยอดมดลูก
        
        ไม่หายปวดเมื่อรับประทานยาแก้ปวด
      - เจ็บครรภ์เตือน
        
        มดลูกหดรัดตัวน้อย มีระยะห่างไม่สม่ำเสมอ
        
        เกิดบริเวณหน้าท้องเท่านั้น
        
        อาการจะหายไปเมื่อได้รับยาแก้ปวด
    - - มีเลือดออก ไม่ว่ามากหรือน้อยก็ตาม
      - ชัก
      - ไข้สูง
      - แพ้ท้องมากกว่าปกติ
      - มีน้ำออกทางช่องคลอด
      - เด็กดิ้นน้อยลง โดยเฉพาะหลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน
      - บวมบริเวณนิ้มือ นิ้วเท้า และใบหน้า
      - ปวดศีรษะมากหรือตาพร่ามัว
      - เหนื่อยมาก
      - 10.ปัสสาวะขัดไม่สะดวก
      - 11.ปวดท้องมาก
    - - อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
      - ระดูขาว อาจมีเพิ่มขึ้นในระยะตั้งครภ์ ถ้าไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ให้ทำความตามปกติ
      - ท้องผูก แก้ไขโดยการออกกำลังกายให้เพียงพอ ดื่มน้ำ รับประทานผัก ผลไม้
      - ปัสสาวะบ่อย เกิดจากมดลูกที่โตขึ้น ไปกดกระเพาะปัสสาวะ
      - เส้นเลือดดำขอดโปงพอง ปกติไม่มีอันตรายจะหายไปเองหลังคลอด
      - ท้องลายและคั่นบริเวณหนท้อง พยายามอย่าเกา ควรใช้น้ำมันมะกอกหรือครีมทา
- - - - ตั้งครรภ์เกินกำหนด
      - ทารกในครรภ์มีภาวะเจริญเติบโตช้า
      - ทารกดิ้นน้อยลง
      - อายุ 35 ปีขึ้นไป
      - เบาหวาน
      - ดันโลหิตสูง
- - - - Preterm แต่ผู้ป่วยอายุครรภ์ 39 wks
      - IUGR
        
        การประเมิน
        
        การวัดขนาดยอดมดลูก( fundal height)
        
        โดยหากทารกมีการเจริญเติบโตช้าจะวัดได้ขนาดมดลูก น้อยกว่าขนาครรภ์จริงมากกว่า 3 ซม. แต่จะมีความคลาดเคลื่อนที่ขึ้นอยู่กับ เทคนิคการวัด ขนาดกระเพาะปัสสาวะ และจำนวนการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจจะทำให้ตรวจผิดจากตามจริง
        
        Doppler
        
        เป็นการใช้คลื่นเสียงในการสะท้อนภาพการไหลเวียนของเลือด สามารถบอกความเร็วและปริมาณของเลือดที่ไหนผ่านได้
        IUGR มีความสัมพันธ์กับการลดลงของการไหลเวียนเลือดที่รก ความต้านทานรกสูงกว่าค่าปกติ ความต้านทานที่สูงขึ้นจะนำมาก่อนการเติบโตช้า
        
        มีประโยชน์ในการประเมินความเสี่ยงของทารกที่วินิจฉัย IUGR โดยความผิดปกติของ Umbilical S/D radio จะทำนายภาวะทุพลภาพของทารกในครรภ์ได้ดีกว่า NST หากทารกที่ TUGR แต่มีค่า Dopple ปกติจะมีความเสี่ยงน้อย
        
        http://www.pnnh.go.th/web/content/a1.pdf
        
        ปัจจัยเสี่ยง
        
        1 ปัจจัยทางพันธุศาสตร์ของมารดา มารดาที่มีประวัติเป็นทารก IUGR จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในการตั้งครรภ์ทารก IUGR และมารดาที่เคยตั้งครรภ์ทารก IUGR จะมีความเสี่ยงเป็นซํ้าในครรภ์ถัดไป
        
        2 โรคแทรกซ้อนทางอายุรกรรมหรือทางสูติกรรมของมารดา ที่ลดการไหลเวียนของเลือดและก๊าซออกซิเจนระหว่างมดลูก รก และทารก
        
        3 มารดาได้รับ teratogen เช่น warfarin, anticonvulsants (valproic acid), antineoplasticagents, folic acid antagonist, มลพิษทางอากาศ หรือได้รับสารกัมมันตภาพรังสีเพื่อรักษา
        
        4 มารดาตั้งครรภ์ด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ทารกครรภ์เดี่ยวที่ตั้งครรภ์จากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ จะมีนํ้าหนักแรกคลอดตํ่ากว่าทารกที่ตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ
        
        5 มารดาที่มีนํ้าหนักก่อนตั้งครรภ์น้อย มารดาที่มีนํ้าหนักเพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์น้อย และมารดาที่มีโภชนาการไม่ดี ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีทารก IUGR ได้
        
        6 ระยะห่างระหว่างการตั้งครรภ์แต่ละครั้งสั้น
        
        7 มารดาที่มีอายุมาก
        
        8 ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
        
        9 มารดามีภาวะโลหิตจาง
        
        การพยาบาล
        
        ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด จนกว่าอายุครรภ์จะครบ 34 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น โดยอาจมีการตรวจร่างกายเพื่อตรวจดูสุขภาพของมารดา และตรวจอัลตราซาวด์เพื่อตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยแพทย์อาจนัดหมายทุก 2-6 สัปดาห์จนกว่าจะคลอด แนะนำให้มารดามาตรวจตามนัด
        
        การดูแลโภชนาการ การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักครรภ์และช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกให้ดีขึ้น โดยแนะนำให้มารดารับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง รวมทั้งอาจเสริมวิตามินที่จำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ด้วย
        
        แนะนำให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
        
        แนะนำให้มารดาหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ดื่มสุรา
        
        แนะนำให้มารดาเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ หากทารกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อย ควรมาโรงพยาบาลทันที
        
        แนะนำให้มารดาในการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
      - ทารกตายในครรภ์
      - ภาวะโลหิตจาง
      - ภาวะทุโภชนาการ
    - - แนะนำในเรื่องของการรับประทานอาหาร
        ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
      - เน้นย้ำให้หญิงตั้งครรภ์ มาตรวจครรภ์ตามนัดทุกครั้ง
        เพื่อประเมินภาวะเเทรกซ้อน