Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาล Pt.Septic shock (การพยาบาล (ประเมินอาการทางระบบประสาททุก 1…
การพยาบาล Pt.Septic shock
ความหมาย
Septicemia
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด
Sepsis
การตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อในระหว่างที่ระบบภูมิคุ้มกัน จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
Severe sepsis
ภาวะ sepsis ที่เกิดร่วมกับการทางานของอวัยวะต่าง ๆ ผิดปกติ (organ dysfunction)
ความดันโลหิตต่ำ (hypotension)
ภาวะขาดออกซิเจน (hypoxemia)
ภาวะปัสสาวะออกน้อย (oliguria)
ภาวะเลือดเป็นกรด (metabolic acidosis)
ภาวะเกล็ดเลือดต่า (thrombocytopenia)
การรับรู้ลดลง (obtundation)
Septic shock
การที่ผู้ป่วยที่มีภาวะพิษเหตุติดเชื้อ/ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมกับมีความดันโลหิตต่ากว่าปกติ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการให้สารน้าทางหลอดเลือด
การพยาบาล
ประเมินอาการทางระบบประสาททุก 1 ชั่วโมง การเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัว
วัดสัญญาณชีพเพื่อติดตามการทางานของหัวใจ ตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจเร็ว หอบลึก ใช้กล้ามเนื้อช่วย (accessory muscles muscles)
ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน เช่น ปลายมือ ปลายเท้าเย็น ซีดหรือเขียวคล้า
ประเมินภาวะผิดปกติของปอดโดยการฟังเสียงปอด ทุก 11-2 ชั่วโมง เช่นเสียง crackles, wheezes
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
ดูแลดูดเสมหะโดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ เมื่อจำเป็น
ประเมินปริมาณปัสสาวะที่ออกไม่ควรน้อยกว่า 00.5 ml/kg/hr
ดูแลให้ได้รับยาขับปัสสาวะตามแผนการรักษา
กรณีที่ผู้ป่วยได้รับเลือด ดูแลให้ได้รับเลือดตามแผนการรักษา
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น Hb, Hct, WBC, BUN, Cr
ดูแลให้ได้รับสารน้าและยากระตุ้นการทำงานของหลอดเลือด เพื่อรักษาระดับของความดันโลหิตตามแผนการรักษา
การพยาบาลที่ต้องทาภายใน 3 ชั่วโมง
ตรวจวัดระดับซีรั่มแลคเตทในเลือด
เจาะเลือดเพื่อเพาะเชื้อ ก่อนเริ่มให้ยา antibiotic
ให้ยาต้านจุลชีพชนิดออกฤทธิ์กว้าง (broad spectrum antibiotics antibiotics)
ให้สารน้าประเภท crystalloid ปริมาณ30 มิลลิลิตร/กิโลกรัม ในกรณีความดันโลหิตต่ำ หรือระดับซีรั่มแลคเตทเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ4 มิลลิโมล/ลิตร
การพยาบาลที่ต้องทาภายใน 6 ชั่วโมง
ให้ยากระตุ้นการบีบหลอดเลือด (vasopressors) ในกรณีที่ผู้ป่วยยังคงมีความดันโลหิตต่าและไม่ตอบสนองต่อการให้สารน้า โดยรักษาระดับความดันโลหิตเฉลี่ย (mean arterial pressure : MAP) มากกว่าหรือเท่ากับ 65 มิลลิเมตรปรอท
ในกรณีที่ความดันโลหิตเฉลี่ยต่าอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการให้สารน้าอยู่ หรือระดับซีรั่มแลคเตทในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 4 มิลลิโมล/ลิตร ให้ทำการวัด CVP