Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภูมิศาสตร์และความหลากหลายของระบบนิเวศเส้นทางเดินธรรมชาติกิ่วแม่ปาน…
ภูมิศาสตร์และความหลากหลายของระบบนิเวศเส้นทางเดินธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
เส้นทางที่พบ ไบโอมบนบก(Terrestrial Biomes)
ไบโอมสะวันนา(savanna biome)
1.กู๊ดเกี๊ยะ :เฟิร์นทนไฟ ขึ้นบริเวณทุ่งหญ้าเมืองหนาว เฟิร์นชนิดนี้มีใบหนาแข็ง ลดการคายน้ำ ซ่อนลำต้นไว้ใต้ดิน เมื่อมีไฟป่าใบที่อยู่พ้นดินจะไหม้ และจะงอกขึ้นใหม่อีกครั้งจากลำต้นที่อยู่ได้ดิน
กุหลาบพันปี :ปรับตัวเองให้อยู่ได้ในอากาศหนาวเย็น และลมแรง ใบเป็นแผ่น เหนียวหนา ลดการคายน้ำ กิ่งโปร่งลมผ่านสะดวก ดอกสีแดงเข้ม จะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม
ไบโอมทุนดรา(tundra biome)
1.ทุ่งหญ้าเมืองหนาว:ทุ่งหญ้าเมืองหนาว ปกติที่ความสูง 4000 เมตร จากระดับน้ำทะเลในเขตหนาว จะมีเฉพาะไม้ล้มลุก เรียกว่า “ทุ่งหญ้าอัลไพน์” แต่ที่ดอยอินทนนท์ ดอยผ้าห่มปก และ ดอยเชียงดาว เป็นภูเขาสูง 2,000-2,500 เมตร มีปรากฏการณ์พิเศษ มีไม้ล้มลุกปะปนกับไม้พุ่มขนาดเล็ก เรียกพงไม้นี้ว่า “ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์”
ไบโอมป่าผลัดใบในเขตอุ่น(temperate deciduous forest)
2.กวางผา :ปลอดภัยในบ้านผาหิน กวางผาเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันตามทุ่งหญ้าบนภูเขา และหน้าผาในเทือกเขาสูง ปัจจุบันกวางผาดอยอินทนนท์เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว นักท่องเที่ยวมีโอกาสเจอได้ยาก
3.ผาแง่มน้อย :เป็นแท่งหินแกรนิต เมื่อสองร้อยล้านปีที่ผ่านมาได้หลอมเหลว ดันตัวตัดผ่าหินไนส์ที่มีอายุกว่า 500 ล้านปี เมื่อเย็นตัวลงปรากฎรอยแตกตรงข้ามอีกครั้งเป็นการผุกร่อน กัดกร่อน ผลคือ หินแง่มน้อยมีเนื้อหินแข็งกว่า จึงคงทน เด่น เป็นสัญลักษณ์ของกิ่วแม่ปาน บริเวณนี้มีจุดให้ยืนชมวิว
1.ป่าร้อน ป่าหนาว :เชิงดอยอินทนนท์อากาศร้อนชื้น แต่ยอดดอยอากาศหนาว ลมพัดแรง และมีหมอกหนา ด้วยสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ป่าร้อนจะมีพันธุ์ไม้ใบกว้าง ชอบแดดจัด ทนแล้ง ส่วนป่าหนาวจะเป็นพันธุ์ไม้พุ่มเตี้ย ใบมัน
5.กิ่วแม่ปาน :(ป่าสองมุมบนสันเขา) “กิ่ว” ภาษาเหนือแปลว่าแคบ “กิ่วแม่ปาน” เป็นพื้นที่บนสันเขาส่วนที่แคบที่สุด ลาดเขาสองด้านเป็นป่าต่างชนิดกัน ฝั่งด้านนอกโดนแดดส่อง และลมปะทะแรงจะมีแต่ต้นไม้ขนาดเล็ก ส่วนฝั่งด้านในเป็นป่าชุ่มชื้น
6.ป่าสองรุ่น ในป่ามีไม้หลายชนิด มีอายุ และความสูงไม่เท่ากัน บ่งบอกได้ว่าป่านี้ในอดีตเคยโค่นล้มจากพายุ แล้วมีต้นไม้รุ่นใหม่เกิดพร้อมกัน
4.พรรณพืชไม้ป่าเมฆ :ต้นก่อ (ต้นโอ๊ค) ต้นทะโล้ ต้นหว่าอ่างกา (พืชเฉพาะท้องถิ่น) ในป่านี้เป็นต้นไม้เมืองหนาว มีการปรับตัวให้อยู่ได้ในป่าหนาวและชุ่มชื้นสูง
ไบโอมป่าดิบชื้น (tropical rain forest)
3.เฟิร์นยุคโบราณ :บริเวณรอบๆเป็นป่ามีต้นไม้หนาแน่นมีแสงแดดรำไรส่งลงมาเพียงพอต่อการดำเนินชีวิตของเฟริน์ใบบางที่สุดในโลกมีมาแต่โบราณประมาณ230ล้านปี ช่วงอากาศแล้งเฟริน์จะพักตัวใบเหี่ยวแต่ไม่ตายและจะฟื้นเขีวอีกครั้งเมื่อได้ละอองหมอก
4.ป่าซ่อมป่า :ป่าเมฆมีลมพัดแรง มักมีไม้หักโค้นต้นไม้ใหญ่ที่ล้มทำให้เกิดแสงส่องลงมายังพื้นดินต้นไม้รุ่นใหม่จึงงอกออกมาซ่อมแซม เป็นวงจรการฟื้นฟูตนเองของป่า
2.เถาวัลย์ :เป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัด โตเร็วเลื้อยพันต้นไม้ใหญ๋อย่างรวดเร็วกระรอกและสัตว์หากินบนต้นไม้เป็นเส้นทางเดิน
5.มอส :ชอบน้ำแต่ทนแล้ง มอสมักขึ้นตามโคนไม้และที่ชื้นฉ่ำช่วงแล้งก็พักตัวรอความชื้นก็ฟื้นตัวขึ้นมา สามารถเเพร่พันธุ์ด้วยสเปอร์
6.กูดต้น :เฟิร์นสัญลักษณ์ป่าบริสุทธิ์ กูดต้นเป็นเฟิร์นใบใหญ่เรีนงเวียนรอบปลายต้น เรือนยอดกว้างพบตามลุ่มน้ำริมห้วยชื้นแฉะ ใต้ร่มเงาแสงรำไรเท่านั้นการไม่พบกูดต้นในที่แดดจัด จึงสัญนิษฐานว่ากูดต้นเป็นต้นพืชสัญลักษณ์ของป่าบริสุทธิ์
1.ป่าเมฆ :ป่าที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกหลายเดือนอากาศหนาวชื้น ลมแรง ดินกรดสูง พันธ์ุไม้ขึ้นได้บริเวณนี้จะมีแต่กลุ่มไม้เมืองหนาวเช่น หว้า กุหลาบพันปี กุหลาบขาว กล้วยไม้ เฟริน์ มอส
เส้นทางที่พบ ไบโอมในน้ำ(Aquatic Biomes)
ไบโอมแหล่งน้ำจืด(freshwater biome)
สายน้ำ :ยอดเขาสูงสุดของไทย ห้วยสายเล็กๆ ปกคุลมด้วยป่าดิบเขาอุดมสมบูรณ์มีฝนตกชุก อากาศชื้นมาก ต้นไม้คายน้ำได้น้อย ใบไม้ย่อยสลายช้า มีสภาพเหมือนผ้าห่มพร้อมซับน้ำฝน
2.ป่าต้นน้ำ :กำเนิดสายธาร มีน้ำตกขนาดเล็ก ไหลมาเป็นลำห้วย ในยุคแรกน้ำตกไหลรุนแรง เกิดเป็นหลุมลึก และในยุคปัจจุบันสายน้ำเปลี่ยนทางไหล ปริมาณน้ำลดลง น้ำที่ไหลจากน้ำตกเป็นน้ำสะอาด มีธาตุอาหารสูง ปลายทางของน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำปิง
เส้นทางอื่นๆ
2.สูงใหญ่แต่ล้มง่าย :ป่าเขาสูงชัน หน้าดินถูกน้ำฝนชะล้างจนมีความหนาเพียง 1-2 เมตร ส่วนด้านใต้เป็นชั้นหิน ต้นไม้สูงใหญ่มักไม่พบรากแก้ว เพราะไม่สามารถเจาะลงหินได้ เมื่อมีพายุใหญ่มาต้นไม้ก็ล้มได้ง่าย
3.เสียงป่า :ลองหยุดนิ่งแล้วหลับตา จะได้ยินเสียงใบไม้หล่น เสียงลมพัด เสียงสายน้ำ นกร้อง เปรียบเสมือนวงดนตรีวงใหญ่
1.จุดชมทิวทัศน์ :เป็นพื้นที่โล่ง มีระเบียงยื่นออก บางวันจะมองเห็นทะเลหมอกได้ที่บริเวณนี้ และวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็น อ.แม่แจ่มที่อยู่เบื้องหน้าได้ชัดเจน จุดชมวิวตรงนี้เป็นประเด็นในโลกโซเชียลเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปยืน – นั่งที่รั้วกันตก อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เมื่อมาถึงที่จุดนี้ส่วนมากจะเริ่มเหนื่อยหายใจไม่ทัน แนะนำให้พักนานหน่อย ส่วนคนที่ไม่ไหวจริงๆ สามารถให้ไกด์พาเดินกลับได้
ไบโอมบนโลก
ไบโอม (biomes) หรือชีวนิเวศ
ไบโอมบนบก
ป่าดิบชื้น
พบได้ในบริเวณใกล้เขตเส้นศูนย์สูตรของโลกในทวีปอเมริกากลาง ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา ทวิปเอเชียตอนใต้ และบริเวณบางส่วนของหมู่เกาะแปซิฟิก ลักษณะของภูมิอากาศร้อนและชื้น มีฝนตกตลอดปี ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 200-400 เซนติเมตรต่อปี ในป่าชนิดนี้พบพืชและสัตว์หลากหลายนับพันสปีชีส์ เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก
ป่าผลัดในใบเขตอบอุ่น
พบกระจายทั่วไปในละติจูดกลาง ซึ่งมีปริมาณความชื้นเพียงพอที่ต้นไม้ใหญ่จะเจริญเติบโตได้ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 100 เซนติเมตรต่อปี และมีอากาศค่อนข้างเย็น ในป่าชนิดนี้ต้นไม้จะทิ้งใบ หรือผลัดใบก่อนที่จะถึงฤดูหนาวและจะเริ่มผลิใบอีกครั้งจากฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว ต้นไม้ที่พบมีหลากหลายทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม รวมถึง ไม้ล้มลุก
ป่าสน
เป็นป่าประเภทเดียวกันที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดปีพบได้ทางตอนใต้ของแคนาดา ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปเอเชีย และยุโรป ในเขตละติจูดตั้งแต่ 45-67 องศาเหนือ ลักษณะของภูมิอากาศมีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน อากาศเย็นและแห้งพืชเด่น
ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น
ในตอนกลางของทวีปอเมริกาเหนือและทุ่งหญ้าสเตปส์ (steppes) ของประเทศรัสเซีย เป็นต้น สภาพภูมิอากาศมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 25-50 เซนติเมตรต่อปี ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นนี้เหมาะสำหรับการทำการกสิกรรมและปศุสัตว์ เพราะดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงมีหญ้านานาชืดขึ้นอยู่ ส่วนใหญ่พบมีการทำเกษตรกรรมควบคู่ในพื้นที่นี้ด้วย
สะวันนา
เป็นทุ่งหญ้าที่พบได้ในทวีปแอฟริกา ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปออสเตรเลีย และพบบ้างทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ลักษณะของภูมิอากาศร้อน พืชที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นหญ้าและมีต้นไม้ขึ้นกระจายเป็นหย่อม ๆ ในฤดูร้อนมักมีไฟป่า เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ
ทะเลทราย
พบได้ทั่วไปในโลก ในพื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่า 25 เซนติเมตรต่อปี ทะเลทรายบางแห่งร้อนมากมีอุณหภูมิเหนือผิวดินสูงถึง 60 องศาเซลเซียสตลอดวัน บางแห่งค่อนข้างหนาวเย็น พืชที่พบในไบโอมทะเลทรายนี้มีการป้องกันการสูญเสียน้ำโดยใบลดรูปเป็นหนาม ลำต้นอวบเก็บสะสมน้ำ ทะเลทรายที่รู้จักกันโดยทั่วไป
ทุนดรา (tundra)
เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนานฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ ลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งอย่างถาวร ทุนดราพบทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ และยูเรเซีย พบพืชและสัตว์อาศัยอยู่น้อยชนิด ปริมาณฝนน้อยมาก ฤดูร้อนช่วงสั้นๆ น้ำแข็งที่ผิวหน้าดินจะละลาย แต่เนื่องจากน้ำมาสามารถซึมผ่านลงไปในชั้นน้ำแข็งได้จึงท่วมขังอยู่บนผิวดิน ทำให้ปลูกพืชได้ในระยะสั้นๆ พืชที่พบจะเป็นพวกไม้ดอกและไม้พุ่ม นอกจากนี้ยังพบสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ
ไบโอมในน้ำ
ไบโอมแหล่งน้ำเค็ม
ประกอบด้วยแหล่งน้ำเค็ม ซึ่งได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร ซึ่งพบในปริมาณมาก มีถึงร้อยละ 71 ของพื้นที่ผิวโลก และมีความลึกมาก โดยมีความลึกเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร ไบโอมแหล่งน้ำเค็มจะแตกต่างกับแหล่งน้ำจืด โดยที่มีน้ำขึ้นและน้ำลงเป็นปัจจัยทางกายภาพที่สำคัญ
ไบโอมแหล่งน้ำจืด
โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่ง ซึ่งได้แก่ ทะเลสาบ สระ หนอง หรือบึง กับแหล่งน้ำไหล ซึ่งได้แก่ ธารน้ำไหลและแม่น้ำ เป็นต้น
เด็กหญิงประกายเพชร ศรีคำ เลขที่34 ม.4/7