ฝีหนองที่เต้านม (breast abscess)
ความหมาย
ภาวะที่เกิดการอักเสบติดเชื้อแล้วเกิดน้ำหนองรวมกันเป็นกลุ่มในเต้านม ทำให้ผิวหนังเหนือบริเวณเกิดฝีหนองเปลี่ยนแปลงมีลักษณะคล้ำหรือช้ำเลือดช้ำหนองมักเกิดขึ้นในช่วง 2 – 3 สัปดาห์หลังคลอด (Kataria, Srivastava & Dhar, 2013)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
หัวนมแตกหรือมีแผลที่หัวนม
เต้านมคัดตึง หรือมีน้ำนม คั่งในเต้านม
การติดเชื้อที่เต้านม
ท่อน้ำนมอุดตัน
มีประวัติการติดเชื้อที่เต้านมหรือหัวนม
ตั้งครรภ์ครั้งแรก อายุ > 30 ปี ประวัติสูบบุหรี่
มีความผิดปกติที่เต้านมหรือได้รับการผ่าตัดเต้านม
พยาธิสภาพ
ฝีหนองที่เต้านมเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย ได้แก่ สแตปฟีโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) โดยเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปในเต้านมผ่านทางหัวนมและลานนมที่ ถลอกหรือหัวนมแตก และทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมา (mastitis) ในระยะแรกจะมีการอักเสบติดเชื้อ เพียงส่วนเดียวของเต้านม (lobe) ซึ่งน้ำนมเป็นอาหารอย่างดีในการเพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียที่เข้าไปในเต้านม ซึ่งจะส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและแพร่กระจายไปยัง lobe อื่นได้ หากไม่ได้รับการดูแลรักษา ที่เหมาะสมก็จะกลายเป็นฝีหนองตามมา (breast abscess) และจะพบหนองไหลออกมาผ่านทางน้ำนมได้ (Kataria, Srivastava & Dhar, 2013)
อาการและอาการแสดง
เต้านมข้างที่เป็นฝีจะมีลักษณะบวมแดง ร้อน และเจ็บปวดมาก คลำได้ก้อนตึงกดเจ็บมากและผิวหนังเหนือบริเวณที่มีก้อนเปลี่ยนเป็นสีแดง จะมีอาการไข้ อุณหภูมิกายมากกว่า 38.4 องศาเซลเซียส หนาวสั่น ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองที่ใต้รักแร้ข้างเดียวกับเต้านมข้างที่เป็นฝีจะโตและกดเจ็บ ถ้าหากปล่อยไว้ไม่รักษาบางครั้งอาจทำให้ฝีแตก และมีหนองไหลออกมาได้
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การประเมินและการวินิจฉัย
ลักษณะของฝีหนองที่เต้านม
- การซักประวัติ
ประเมินความเสี่ยงในการเกิดฝีหนองที่เต้านมจากประวัติดังนี้ เช่น มารดาหลัง คลอดที่ให้นมบุตรไม่ถูกวิธี หัวนมแตกหรือมีแผลที่หัวนม ท่อน้ำนมอุดตัน เต้านมคัดตึง เคยมีประวัติการติด เชื้อที่เต้านมหรือหัวนม มารดาตั้งครรภ์ครั้งแรก มารดาหลังคลอดที่ทำงานนอกบ้าน เป็นต้น
- การตรวจร่างกาย
มารดาหลังคลอดมักจะมีอาการและอาการแสดง ดังนี้ เต้านมข้างที่เป็นฝีจะบวมแดง ร้อน คลำได้ก้อนตึง กดเจ็บมาก และผิวหนังเหนือบริเวณที่มีก้อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และอาจจะมีไข้ อุณหภูมิกายมากกว่า 38.4 องศาเซลเซียส หนาวสั่น ปวดเมื่อยตาม ต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ รักแร้ข้างเดียวกับ เต้านมข้างที่เป็นฝีจะโตและกดเจ็บร่วมด้วย และกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง อาจพบหนองไหลออกมาจากเต้านม
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
การส่งตรวจ CBC ส่งเพาะเชื้อจากน้ำนม หรือของเหลวที่ออกจากเต้านม ส่งเพาะเชื้อจากหนอง ตรวจหาความไวของเชื้อต่อยา เพื่อเลือกยาปฏิชีวนะ ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการอัลตราซาวนด์เต้านมเพื่อหาตำแหน่งหนองและเจาะดูดหนองหรือสารคัดหลั่ง บริเวณที่มีฝีหนอง
การรักษา
- บรรเทาอาการปวด ให้รับประทานยาแก้ปวดลดไข้ (analgesics and antipyretics)เช่น พาราเซตามอล (paracetamol)ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) เป็นต้น ตามความเหมาะสม
- ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝี ถ้ารับประทานยาปฏิชีวนะ แล้วมีอาการดีขึ้น ให้รับประทานยาปฏิชีวนะนาน 1 - 2 สัปดาห์ หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันหลังจากรับประทานยา ปฏิชีวนะ ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ซึ่งการรักษาจ าเป็นต้องได้รับการผ่าระบายเอาหนองออก
- การระบายเอาหนองที่เต้านมออกโดยการใช้เข็มขนาดใหญ่ (เบอร์ 18) ต่อกระบอกฉีดยาแทงผ่านผิวหนังเข้าไปยังฝีเพื่อเจาะดูดหนองออกสลับกับฉีดล้างน้ าเกลือ (needle aspiration) หรือผ่าตัด โดยใช้มีดกรีดผิวหนังระบายเอาหนองออก (incision and drainage) ควบคู่ไปกับการให้ยาปฏิชีวนะ
สามารถให้นมลูกได้ในข้างที่เต้านมเป็นฝีที่ระบายเอาหนองออกแล้ว ยกเว้นในกรณีที่มีอาการเจ็บ มากหรือการผ่าเป็นแผลขนาดใหญ่ใกล้ลานนม (รบกวนการดูดนมของลูก) หรือการผ่ามีการทำลายท่อน้ำนมมาก
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อที่เต้านม
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่เต้านม
เกณฑ์การประเมินผล
- มารดาไม่มีอาการคัดตึงเต้านม
- มารดาสามารถให้นมบุตรอย่างถูกวิธี ได้แก่ การอมหัวนมถูกวิธี ท่าอุ้มทารกถูกวิธี
- มารดาสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เช่น ล้างมือก่อนสัมผัสเต้านม ทำความสะอาดเต้านมการสวมใส่ชุดชั้นใน เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาล
- แนะนำมารดาให้ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสเต้านม หรือก่อนให้นมบุตร
- ทำความสะอาดเต้านมและหัวนม เช็ดคราบที่ติดหัวนมออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยง การใช้สบู่หรือสารอื่นที่ทำให้หัวนมแห้ง
- แนะนำมารดาสวมเสื้อชั้นในเพื่อพยุงเต้านมไว้ให้พอดี โดยเลือกชุดชั้นในที่ไม่คับหรือหลวมเกินไป
- สอนวิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้หัวนมถลอก หัวนมแตก เช่น การอม หัวนมอย่างถูกวิธี การจัดท่าให้นมอย่างถูกวิธี เป็นต้นและแนะนำมารดาให้เปลี่ยนท่าให้นมบุตรบ่อยๆเพื่อไม่ให้แรงกดจากการดูดของทารกลงบนส่วนใดส่วนหนึ่งของหัวนมมากเกินไป
- หากมีอาการคัดตึงเต้านม บีบน้ำนมออกให้ลานนมอ่อนนุ่ม และนวดเต้านมเบาๆก่อนให้ทารกดูดและกระตุ้นให้ทารกดูดนมบ่อยๆกรณีที่คัดตึงมากแนะนำประคบอุ่นที่เต้านมก่อนให้นมบุตร และ ประคบเย็นเพื่อลดปวดระหว่างมื้อขณะที่ไม่ได้ให้นมบุตร กรณีที่มารดาให้นมบุตรเพียงพอแต่น้ำนมยังค้างเต้านมมากแนะนำวิธีการบีบเก็บน้ำนม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคัดตึงเต้านม
นางสาวอัยรินทร์ ข่วงทิพย์ เลขที่ 72 ห้อง A
วิธีป้องกันฝีที่เต้านม
1.หมั่นรักษาความสะอาดหัวนมให้ดีด้วยการใช้น้ำต้มสุกกับสบู่ก่อนและหลังให้ลูกดูดนม
2.ถ้าหัวนมแตก ให้ทาด้วยทิงเจอร์เบนโซอิน (Tincture of benzoin) และควรให้เด็กดูดนมครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยขึ้น