Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กลุ่มรอย กระบวนการพยาบาล (Nursing process) (คุณลักษณะของกระบวนการพยาบาล,…

- - - - มีการระบายอากาศที่ดี
      - แสงสว่างเพียงพอ
      - ความอบอุ่นเพียงพอ
      - การควบคุมเสียง
      - การควบคุมสิ่งขับถ่ายออกจากร่างกาย
      - การดูแลสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ดี
    - - ประเมิน
        
        สิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ จิตใจ และสังคม
        
        ผลกระทบของสิ่งแวดล้อมต่อภาวะสุขภาพ
      - จัดกิจกรรมการพยาบาล
        
        มุ่งที่การจัดการกับสิ่งแวดล้อมทุกด้าน
        
        เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่กระบวนการชีวิตตามธรรมชาติเกิดขึ้น
      - ประเมินผลของการจัดการ
        
        เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อภาวะสุขภาพภาวะของบุคคล
  - - - บทบาทคนแปลกหน้า
      - บทบาทผู้ให้ข้อมูล
      - บทบาทครู
      - บทบาทผู้นำ
      - บทบาทผู้ทดแทน
      - บทบาทผู้ให้คำปรึกษา
  - - - ประเมินการปรับตัวใน 4 ด้าน
        
        ด้านร่างกาย
        
        ด้านอัตมโนทัศน์
        
        ด้านบทบาทหน้าที่
        
        ด้านการพึ่งพาระหว่างกัน
        
        ด้านอัตมโนทัศน์
        
        ความรู้สึกต่อตนเองทั้งรูปร่าง หน้าตา
        
        ความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
        
        ความเชื่อมั่นในตนเอง และจุดเด่นของตนเอง
        
        ด้านบทบาทหน้าที่
        
        บทบาทในครอบครัว
        
        บทบาทการเป็นผู้ชาย
        
        บทบทาการเป็นผู้หญิง
        
        ด้านร่างกาย
        
        การออกำลังกาย
        
        การพักผ่อน
        
        การขับถ่าย
        
        ด้านการพึ่งพาระหว่างกัน
        
        การช่วยเหลือ ความรัก และความอบอุ่น
        
        ความรู้สึกต่อการเข้ารับการรักษาพยาบาล
        
        บุคคลที่มีความสำคัญต่อชีวิตมากที่สุด
      - วินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวของบุคคลทั้ง 4 ด้าน
        
        ด้านอัตมโนทัศน์
        
        พึงพอใจกับรูปร่าง และหน้าตาของตนเอง เช่น เมื่อตนอายุมากการที่มีผมหงอกสีขาวเป็นเรื่องปกติ
        
        ด้านการพึ่งพาระหว่างกัน
        
        สามารถพบปะสังสรรค์กับบุคคลอื่นได้ เช่น ไปฟังธรรม นั่งสมาธิกับกลุ่มเพื่อนของตน เมื่ออายุมากขึ้น
        
        ด้านร่างกาย
        
        สามารถดูแลตนเองได้ เช่น ชำระร่างกายได้เอง เตรียมอาหารได้เอง
        
        ด้านบทบาทหน้าที่
        
        รู้หน้าที่ของตนเอง เช่น ผู้ชายเป็นพ่อ เป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลสมาชิกในบ้านทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ
      - จัดกิจกรรมการพยาบาลโดยการส่งเสริม ดำรงรักษา และฟื้นฟูความสามารถในการปรับตัว
      - ประเมินผลความสามารถในการปรับตัวหลังให้การพยาบาล
  - - - พยาบาลประเมินความต้องการ และความสามารถในการดูแลตนเอง
      - วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการดูแลตนเอง
      - วางแผนและจัดกิจกรรมการพยาบาลเป็น 3 ระบบ คือ
        
        ระบบทดแทนการดูแลทั้งหมด
        
        ระบบทดแทนการดูแลตนเองบางส่วน
        
        ระบบประคับประคองการดูแลตนเองของผู้รับบริการ
  - - - คุณค่าและความเชื่อ (Value and belief pattern)
      - การรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์ (Self-perception and self concept)
      - การปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด (Coping and stress tolerance pattern)
      - กิจกรรมและการออกกำลังกาย (Activity and exercise pattern)
      - เพศและการเจริญพันธุ์ (Sex and reproductive pattern)
      - บทบาทหน้าที่และสัมพันธภาพ (Role and relationship pattern)
      - การขับถ่าย (Elimination pattern)
      - อาหารและการเผาผลาญ (Nutrition and metabolic pattern)
      - การพักผ่อน-นอนหลับ (Sleep and rest pattern)
      - สติปัญญาและการรับรู้ (Cognitive and perceptual pattern)
      - การรับรู้ภาวะสุขภาพและการดูแลสุขภาพ (Health perception and health management pattern)
    - - การรวบรมข้อมูลและการประเมินภาวะสุขภาพ
      - ผลลัพธ์ของการปฏิบัติการพยาบาลจะประเมินการทำหน้าที่ของแต่ละแบบแผนสุขภาพ
      - เป้าหมายการพยาบาลเพื่อคงการทำหน้าที่ปกติของแบบแผนสุขภาพ
      - ช่วยให้การทำหน้าที่ของแบบแผนที่เบี่ยงเบนไป กลับสู่ปกติ
- - - - 2.ใช้เนื่องจากเชื่อข้อความ
        
        3.ใช้ข้อความที่ไม่เสี่ยงต่อความผิดกฎหมาย
        
        4.ไม่ใช้อาการแสดงเป็นส่วนแรกในการวินิจฉัย ไม่ใช้การวินิจฉัยโรค ในข้อวินิจฉัยการพยาบาล
        
        5.ข้อความทั้งสองส่วนของข้อวินิจฉัยการพยาบาล เป็นสิ่งที่พยาบาลสามารถแก้ไขได้
  - - - 2.ทำการวินิจฉัยและกำหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาล นำไปเขียนแบบฟอร์มบันทึกการพยาบาล Kardexเพิ่มเติมจากเวรก่อน
        
        3.ควรตระหนักเสมอว่า กระบวนการพยาบาลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
        
        4.ใช้ข้อวินิจฉัยการพยาบาลในkardexในการประชุมปรึกษาทางการพยาบาล เป็นแนวทางในการเขียนบันทึกทางการพยาบาล และใช้ส่งเวรต่อไป
        
        5.ใช้ข้อวินิจฉัยการพยาบาลในการรายงานแพทย์หรือทีม
- - - - ชนิดข้อมูล (Types of data)
        
        ข้อมูลอัตนัย (Subjective data ) : symptom จากการบอกเล่า (อาการ)
        
        เบื่ออาหาร เจ็บปากและฟัน
        
        ใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอก
        
        รู้สึกกลัวและกังวลผลจากการให้ยาเคมีบำบัด
        
        ข้อมูลปรนัย (Objective data) : sign จากการตรวจ (อาการแสดง)
        
        อุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียส
        
        ความดันโลหิต 110/80 mmHg
        
        ขยับเคลื่อนไหวแขน ขาได้ตามคำบอก
      - แหล่งข้อมูล (Sources of data)
        
        แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary sources)
        
        ตัวผู้รับบริการ
        
        แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary sources)
        
        ครอบครัว ผู้ประสบเหตุ บุคลากรทีมสุขภาพ
        
        แฟ้มประวัติและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - วิธีการรวบรวมข้อมูล (Data collection method)
        
        การสัมภาษณ์/การซักประวัติ (Interview)
        
        เป็นการสื่อสารที่มีโครงสร้าง มีการวางแผนในการตั้งคำถาม เพื่อให้ได้ข้อมูลอัตนัย(SD)
        
        พยาบาลต้องใช้ทักษะความสามารถทั้งด้านการถามคำถาม และการฟัง เพื่อให้ประสบผลสำเร็จ
        
        การสัมภาษณ์เมื่อแรกรับผู้ป่วยจะเป็นทางการและมีการวางแผนไว้
        
        ส่วนการประเมินระหว่างการดูแลจะเป็นการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ แบบย่อๆ เน้นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างพยาบาลและผู้ป่วย แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้ช้อมูลภาวะสุขภาพของผู้ป่วย โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วย
        
        ชนิดการสัมภาษณ์
        
        1.แบบกำหนดทิศทาง (Directive)
        
        มีรูปแบบชัดเจน พยาบาลกำหนดคำถามที่ต้องการเฉพาะเจาะจงไว้ ทำให้ได้ข้อมูลที่ตรง และเป็นจริงเกี่ยวกับตัวผู้รับบริการ ง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล
        
        อายุ เพศ การวิเคราะห์อาการแสดง
        
        ใช้คำถามปลายปิด สั้น เฉพาะเจาะจง
        
        ข้อเสีย คือ ไม่มีประสิทธิภาพมากนักในการช่วยผู้รับบริการได้แสดงออกทางอารมณ์
        
        2.แบบไม่กำหนดทิศทาง (Non directive)
        
        ผู้รับบริการได้พูดตามที่ต้องการ โดยพยาบาลเพียงแต่ทำความกระจ่าง สรุป ใช้คำถามปลายเปิด และคอยกระตุ้นให้พูด ซึ่งจะได้ความรู้สึก ทัศนคติ ความเชื่อจากผู้รับบริการ
        
        ข้อเสีย คือ ใช้เวลามากและบางครั้งได้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ตรงกับที่ต้องการมากมาย
        
        ขั้นตอนการสัมภาษณ์
        
        1.ขั้นเตรียมการสัมภาษณ์
        
        ตั้งเป้าหมาย
        
        คิดคำถามไว้
        
        กำหนดช่วงเวลาที่ไม่ถูกรบกวน
        
        ต้องพิจารณาอารมณ์และความพร้อมของผู้รับบริการด้วย
        
        2.ขั้นสัมภาษณ์
        
        สร้างสัมพันธภาพ โดยการทักทาย แนะนำตนเอง
        
        ถามชื่อผู้รับบริการ แสดงท่าทีถึงการยอมรับและให้เกียรติ ใช้คำนำหน้าและสรรพนามที่เหมาะสม
        
        ควรจัดที่นั่งให้ทำมุนเฉียง ไม่ประจันหน้ากันโดยตรง
        
        ลักษณะการถามเป็นการสนทนามากกว่าการซักถาม ใช้คำถามปลายเปิด
        
        ควรสังเกตพฤติกรรมและการแสดงออกของผู้รับบริการตลอดเวลาที่ซักประวัติ
        
        ผู้สัมภาษณ์ต้องตั้งสติ สบตาและตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้รับบริการพูด
        
        3.ขั้นปิดการสัมภาษณ์
        
        ควรสรุปสิ่งที่คุยมาเพื่อให้ผู้รับบริการได้ตรวจความถูกต้องของข้อมูล ตามการรับรู้ของพยาบาลที่เกี่ยวกับปัญหาสำคัญ
        
        เทคนิคการสัมภาษณ์
        
        1.การส่งเสริม (Facilitation)
        
        เป็นการใช้กิริยาท่าทาง พยักหน้า หรือคำพูด ส่งเสริมให้ผู้รับบริการเล่าเรื่องต่อไปเรื่อยๆ
        
        2.การทำความเข้าใจ (Clarification)
        
        เมื่อคำบอกเล่าของผู้รับบริการไม่ชัดเจน
        
        3.การสะท้อนกลับ (Reflection)
        
        ทวนคำพูดของผู้รับบริการ เพื่อส่งเสริมให้เขาให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น หรืออธิบายความรู้สึก
        
        4.การกล่าวซ้ำ (Restatement)
        
        เพื่อสรุป หรือซักซ้อมความเข้าใจ กรณีที่ผู้รับบริการให้ประวัติยาวซับซ้อนหรือค่อนข้างสับสน
        
        5.การแปลความหมาย (Interpretation)
        
        เป็นการทำความกระจ่างเกี่ยวกับข้อมูล โดยอาศัยการคาดคะเนจากสิ่งที่ผู้รับบริการบอกเล่ามากกว่าสังเกตท่าที
        
        6.อาการเงียบ (Silence)
        
        ช่วยให้ผู้รับบริการเล่าโดยไม่มีการขัดจังหวะ ให้ได้ค้นหาหรือลำดับความคิด
        
        หัวข้อในการซักประวัติ
        
        1.รายละเอียดทั่วไป (Introductory data)
        
        2.อาการสำคัญ (Chief complaint)
        
        3.ประวัติปัจจุบัน (Present illness)
        
        4.ประวัติเจ็บป้่วยในอดีต (Past history)
        
        5.ประวัติเจ็บป่วยในครอบครัว (Family history)
        
        6.ประวัติส่วนตัว (Personal history)
        
        7.การทบทวนอาการตามระบบอวัยวะ (Review of system)
        
        การสังเกต (Observation)
        
        ใช้ความรู้สึกของพยาบาล ในการรวบรวมข้อมูลด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ
        
        พยาบาลต้องฝึกเป็นคนช่างสังเกตว่า ผู้รับบริการมีรูปร่าง ลักษณะอย่างไร กำลังทำอะไร แสดงอาการอะไรที่เป็นการบ่งบอกสิ่งผิดปกติ
        
        โดยเฉพาะเมื่อเดินเข้าใกล้ผู้ป่วย ให้สังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด จะทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิของผิวกาย ลักษณะผิวหนัง เสียงหายใจ กลิ่นของสิ่งคัดหลั่ง
        
        สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย เป็นอย่างไร ไม้กั้นเตียงยกขึ้นหรือไม่ ความปลอดภัยถูกคุกคามหรือไม่ อุปกรณ์เครื่องมือทำงานดีหรือไม่
        
        การตรวจร่างกาย (Physical Examination)
        
        จะให้ข้อมูลปรนัย (Objective data) ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอัตนัยที่ได้จากการสัมภาษณ์
        
        ช่วยแยกแยะผลของโรคต่อความสามารถในการทำหน้าที่ของผู้รับบริการ
        
        ข้อมูลจากการตรวจร่างกาย ระยะแรกเข้ารพ.จะเป็นข้อมูลที่ใช้สำหรับเปรียบเทียบผลของการรักษาพยาบาล
        
        การตรวจร่างกายแบบสมบูรณ์ พยาบาลจะประเมินทุกส่วนของร่างกาย (ควรเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งและใช้วิธีเดียวกันโดยตลอด เพื่อป้องกันการผิดพลาดหรือไม่สมบูรณ์ครบถ้วน)
        
        วิธีตรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (head to toe)
        
        วิธีตรวจตามระบบ ตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น ระบบประสาท ระบบหายใจ
        
        วิธีตรวจตามกรอบแนวคิดของศาสตร์พยาบาล เช่น ประเมินความสามารถการปรับตัว4ด้านตามทฤษฎีของรอย หรือประเมินตามแบบแผนกอร์ดอน
        
        ช่วยให้ได้ข้อมูลที่ผู้ป่วยบอกเล่า หรือปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงข้อมูลการตอบสนองต่อกิจกรรมการพยาบาลและการรักษาของแพทย์
        
        เทคนิคการตรวจร่างกาย (Physical Examination)
        
        1.การดู(Inspection)
        
        เน้นพฤติกรรมเฉพาะหรือส่วนต่างๆของร่างกาย
        
        ดูขนาด รูปร่าง ท่าทาง ตำแหน่งทางกายวิภาค สี องค์ประกอบ รูปร่างภายนอก การเคลื่อนไหว ความสมมาตร
        
        เป็นระบบและละเอียดมากกว่าการสังเกต
        
        อาจใช้เครื่องมือช่วยในการดู เช่น เครื่องตรวจหู เครื่องตรวจตา
        
        2.การคลำ(Palpation)
        
        ใช้การสัมผัสตัดสินคุณลักษณะของโครงสร้างร่างกายที่อยุ่ใต้ผิวหนังของผู้ป่วย
        
        ทำให้สามารถประเมินขนาด รูปร่าง องค์ประกอบ อุณหภูมิ ความชื้น การเต้นเป็นจังหวะ การสั่นไหว การติดแน่นหรือเคลื่อนที่ได้โดยใช้มือ
        
        มือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการคลำ
        
        หลังมือ
        
        1 more item...
        
        ปลายนิ้ว
        
        1 more item...
        
        ผิวฝ่ามือ
        
        1 more item...
        
        มี2ลักษณะ
        
        1.คลำเบา (Lightly palpation)
        
        1 more item...
        
        2.คลำลึก (Deeply palpation)
        
        2 more items...
        
        3.การเคาะ (Percussion)
        
        เป็นการเคาะบนผิวของร่างกายด้วยนิ้วมือเดียวหรือหลายนิ้ว ให้เกิดเสียงหรือความรู้สึก เพื่อตัดสินขนาด ความหนาแน่น ขอบเขตของอวัยวะและตำแหน่ง
        
        มี2วิธี
        
        1.เคาะโดยตรง (Direct percussion)
        
        1 more item...
        
        2.เคาะโดยอ้อม (Indirect percussion)
        
        1 more item...
        
        เสียงที่เกิดจะเป็น
        
        เสียงทึบมาก(flat)
        
        1 more item...
        
        เสียงทึบ(dull)
        
        1 more item...
        
        เสียงโปร่ง (resonant)
        
        1 more item...
        
        เสียงก้อง(tympanic)
        
        1 more item...
        
        4.การฟัง(Auscultation)
        
        เป็นการตรวจด้วยการฟังเสียงที่สร้างจากอวัยวะของร่างกาย อาจฟังโดยตรง ไม่ใช้เครื่องมือในการตรวจหาเสียง โดยทั่วไปเสียงจะถูกประเมินหรือฟังโดยอ้อมด้วยหูฟัง (Stethoscope)
        
        มักใช้ตรวจคุณลักษณะของปอด หัวใจ และเสียงลำไส้ ทำให้สามารถบอกได้ถึงความถี่ ความแรง คุณภาพ และช่วงเวลาของเสียงที่ได้ยิน เช่น เสียงวีดส์ (wheeze)
    - - ความสำคัญ
        
        เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลที่ถูกต้องและสำคัญกับปัญหาของผู้ป่วย
        
        เพื่อไม่ให้กำจัดความผิดพลาดของผู้ประเมิน ความอคติ
        
        เพื่อไม่ให้รีบสรุปหรือเน้นในทิศทางที่ผิด
      - สาเหตุ
        
        ควรตรวจสอบเมื่อข้อมูลอัตนัยและปรนัยไม่สอดคล้องกัน
        
        ควรตรวจสอบเมื่อผู้รับบริการให้ข้อมูลเรื่องเดียวกันในแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน
        
        ควรตรวจสอบเมื่อข้อมูลที่ได้มาผิดปกติมากๆและมีปัจจัยบางประการที่ทำให้ข้อมูลไม่ตรง
      - วิธีการตรวจสอบข้อมูล
        
        ตวจสอบข้อมูลอย่างน้อย2ครั้ง โดยตรวจซ้ำและเปรียบเทียบกับข้อมูลเดิม โดยเฉพาะข้อมูลอัตนัยกับปรนัย
        
        หาปัจจัยที่ส่งเสริมหรือยับยั้ง
        
        ถามผู้เชี่ยวชาญ/ญาติ ผู้ใกล้ชิด/ผู้มีประสบการณ์
        
        ทำความเข้าใจข้อมูลด้วยการถามซ้ำหรือสังเกตพฤติกรรม
      - ความสำคัญ เพื่อไม่ให้ เกิดการผิดพลาดของข้อมูลที่ถูกต้องและสำคัญกับปัญหาของผู้รับบริการ
        เพื่อกำจัดความผิดพลาดของผู้ประเมิน ความอคติ
        เพือไม่ให้รีบสรุป หรือเน้นไปในทางที่ผิด
    - - เป็นการนำข้อมูลที่รวบรวมและตรวจสอบแล้ว มาจัดหมวดหมู่ เชื่อมโยงข้อมูล จัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกัน ตามทฤษฎีแนวคิดและเครื่องมือประเมินที่ใช้เป็นแนวทาง
      - ประโยชน์
        
        ช่วยให้มองเห็นถึงปัญหาสุขภาพ ปัจจัยเสี่ยง และส่วนดีที่มีอยู่ของผู้รับบริการในขณะที่มี่ปัญหา
      - สามารถจัดระบบข้อมูลตามกรอบแนวคิดที่แตกต่างกันได้
        
        กรอบแนวคิดทางการพยาบาล
        
        กรอบแนวคิดแบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน
        
        แบบแผนที่ 1 การรับรู้และการดูแลสุขภาพ
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินความคิด ความเข้าใจของผู้รับบริการที่มีต่อภาวะสุขภาพหรือการเจ็บป่วยของตนเอง ผลกระทบจากการเจ็บป่วยต่อการดำเนินชีวิต ตลอดจนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทั้งในภาวะปกติและขณะเจ็บป่วย
        
        ตัวอย่างคำถาม = เป็นอะไรมาคะ
        อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ เป็นต้น
        สิ่งที่สังเกต ความสะอาดของเสื้อผ้า เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 2 โภชนาการและการเผาพลาญสารอาหาร
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินพฤติกรรมและการปรับตัวในเรื่องการรับประทานอาหารและน้ำของผู้ป่วยทั้งในภาวะปกติและขณะเจ็บป่วย ตลอดจนมุมมองของผู้ป่วยที่มีต่อพฤติกรรมเสี่ยงด้านการบริโภคและการเผาผลาญสารอาหารของตนเอง
        
        ตัวอย่างคำถาม = มีประวัติการแพ้อาหารไหมคะ รับประทานอาหารตรงเวลาไหมคะ รับประทานรสชาติแบบไหนคะ ดื่มน้ำวันละกี่แก้วคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 7 การรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินความคิด ความรู้สึกความเข้าใจของผู้รับบริการที่มีต่อตนเอง ตลอดจนความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถทำในสิ่งที่ตนเองต้องการได้เนื่องด้วยข้อจำกัดต่างๆ
        
        ตัวอย่างคำถาม = เจ็บป่วยแล้วเป็นย่างไรบ้างคะ มีสถานภาพเปลี่ยนแปลงไปไหมคะ ตอนไม่เจ็บป่วยเป็นอย่างไรบ้างคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 8 บทบาทหน้าที่และสัมพันธภาพ
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินบทบาทและสัมพันธภาพของผู้ป่วยต่อบุคคลอื่น
        ทั้งภายในและภายนอกครอบครัวที่อาจส่งผลต่อการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย
        
        ตัวอย่างคำถาม = เมื่อเจ็บป่วยแล้วสัมพันธภาพในครอบครัวเป็นอย่างไรบ้างคะ เป็นต้น
        สิ่งที่สังเกต ดูว่าใครเป็นผู้มาดูแล
        
        แบบแผนที่ 9 เพศและการเจริญพันธุ์
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงทางกายที่แสดงลักษณะทางเพศ
        พฤติกรรมทางเพศที่เบี่ยงเบนไปจากปกติ อิทธิพลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมทางเพศ ผลกระทบของความเจ็บป่วยที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์ตลอดจนความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตนเองและคู่ของตนเอง
        
        ตัวอย่างคำถาม = มีประจำเดือนหรือยังคะ ประจำเดือนมาปกติไหมคะ มีเพศสัมพันธ์หรือยังคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 5 การนอนหลับพักผ่อน
        
        เป็นการประเมินการนอนหลับ และการพักผ่อนของผู้รับบริการปัจจัยส่งเสริมและอุปสรรคที่ส่งผลต่อการนอน ตลอดจนความรู้สึกและผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถนอนหลับและพักผ่อนได้ตามความต้องการ
        
        ตัวอย่างคำถาม = นอนวันละกี่ชั่วโมงคะ นอนตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมงคะ นอนกลางวันบ้างไหมคะ นอนหลับสบายไหมคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 10 การปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินความรู้สึกหรือทุกข์ที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับความเครียดและการจัดการกับความเครียดทั้งในภาวะปกติและการเจ็บป่วย
        
        ตัวอย่างคำถาม = 2-3วันที่ผ่านมามีเรื่องที่ไม่สบายใจอะไรไหมคะ
        เวลามีความเครียดจัดการกับความเครียดได้อย่างไรคะ เป็นต้น
        สิ่งที่สังเกต ดูว่าผู้รับบริการมีสีหน้าที่กังวลหรือไม่
        
        แบบแผนที่ 6 สติปัญญาและการรับรู้
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินความสามารถในการรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งเร้า ความสามารถในการจำการแก้ปัญหา ตลอดจนการตัดสินใจเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาทั้งในยามปกติและยามเจ็บป่วย
        
        ตัวอย่างคำถาม = ชื่ออะไรคะ วันนี้มากับใครคะ เมื่อเช้ารับประทานอาหารอะไรมาคะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 11 คุณค่าและความเชื่อ
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลประเมินภาวะความมั่นคงเข้มแข็งทางจิตใจซึ่งสะท้อนออกมาทางความคิดและพฤติกรรมที่แสดงออกต่อสิ่งที่ตนเองคิดว่าความหมายต่อการดำเนินชีวิตของตนเอง และการดูแลสุขภาพ เช่น การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
        
        ตัวอย่างคำถาม = มีความเชื่อด้านสุขภาพอย่างไรคะ นับถือศาสนาอะไรคะ เชื่อมั่นในการรักษาของแพทย์มากน้อยแค่ไหนคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 3 การขับถ่าย
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินกระบวนการขับถ่าย ปัจจัยเสี่ยงและอุปสรรคต่อการขับถ่าย
        
        ตัวอย่างคำถาม = ขับถ่ายอุจจาระทุกวันไหมคะ ปัสสาวะกี่ครั้งต่อวันคะ มีสีหรือมีกลิ่นผิดปกติไหมคะ เป็นต้น
        
        แบบแผนที่ 4 กิจวัตรประจำวันและการออกกำลังกาย
        
        เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินระดับความสามารถในการประกอบกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันและการออกกำลังกายของผู้รับบริการ
        
        ตัวอย่างคำถาม = ปกติออกกำลังกายไหมคะ เวลาออกกำลังกายมีความผิดปกติอะไรไหมคะ เป็นต้น
        
        กรอบแนวคิดการดูแลตนเอง
        
        ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรม
        
        การดูแลตนเองทั่วไป
        
        อากาศ อาหาร น้ำ
        
        1 more item...
        
        การขับถ่าย
        
        กิจกรรม การพักผ่อน ออกกำลังกาย
        
        1 more item...
        
        ความสันโดษและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
        
        1 more item...
        
        การป้องกันภยันตราย
        
        การส่งเสริมสุขภาพ
        
        1 more item...
        
        การดูแลตนเองตามพัฒนาการ
        
        การส่งเสริม สนับสนุน กระบวนการชีวิต
        
        1 more item...
        
        การป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากปัญหาสังคม
        
        การดูแลตนเองตามการเบี่ยงเบงของสุขภาพ
        
        การแสวงหาความรู้และแนวทางรักษาโรค เพื่อป้องกันความเจ็บป่วย
        
        1 more item...
        
        รับรู้ในการดูแลตนเอง
        
        ยอมรับในความเจ็บป่วยในโรคนั้นๆ
        
        1 more item...
        
        กรอบแนวคิดความสามารถในการดูแลตนเอง
        
        กรอบแนวคิดการปรับตัว
        
        ทฤษฎีการปรับตัวของรอย
        
        ด้านร่างกาย
        
        •การออกกำลังกายและการพักผ่อน
        •โภชนาการ การขับถ่าย
        •สารน้ำ ออกซิเจนและการไหลเวียนเลือด
        •อุณหภูมิร่างกาย
        •ความรู้สึก ผิวหนัง เป็นต้น
        
        ด้านอัตมโนทัศน์
        
        •ความรู้สึกต่อตนเองทั้งรูปร่างและหน้าตา
        •ความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
        •ความเชือ่มั่นในตนเอง
        •ความวิตกกังวล เป็นต้น
        
        ด้านบทบาทหน้าที่
        
        •บทบาทในครอบครัว
        •ความรับผิดชอบต่อคนในครอบครัว •สัมพันธภาพของสมาชิกในครอบครัว
        •บทบาทในการเป็นชายหรือหญิง เป็นต้น
        
        1 more item...
        
        ด้านความสัมพันธ์และพึ่งพาซึ่งกันและกัน
        
        •การแสวงหาความช่วยเหลือ
        •ความรัก ความอบอุ่นจากคนรอบข้าง เพื่อน ครอบครัว เครือญาติ ศาสนา เป็นต้น
        
        กรอบแนวคิดที่ไม่ใช่ทางการพยาบาล
        
        ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์
        
        1.ความต้องการด้านร่างกายหรือด้านกายภาพ (Physiological Needs)
        
        ปัจจัย4 ได้แก่ อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่มที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค
        
        2.ความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัย
        (Safety Needs)
        
        ครอบครัวที่อบอุ่น ต้องการการงานที่มั่นคง เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงของฐานะและการเงิน การมีรายได้ที่มั่นคง มีเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดี ล้วนจัดอยู่ในความต้องการนี้
        
        3.ความต้องการด้านความรักและความเป็นเจ้าของ
        (Belongingness and Love Needs)
        
        การมีเพื่อน มีครอบครัว คนรัก มีการยอมรับในความสามารถและตัวตน ความเป็นพวกพ้อง และสิ่งสำคัญสุดคือ “ความรัก” ที่เป็นสิ่งจรรโลงให้โลกนี้มีความสงบสุข สังคมเกิดความปรองดอง
        
        4.ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียงและความภาคภูมิใจ
        (Self-Esteem Needs)
        
        ความก้าวหน้าและการยอมรับในคุณค่าของตนจากบุคคลอื่นรอบข้าง ความต้องการการยกย่องชมเชย การเห็นคุณค่าของตนเอง
        
        5.ความต้องการความสมบูรณ์ของชีวิต
        (Self-Actualization Needs)
        
        เป็นความต้องการขั้นสูงสุด ที่มนุษย์น้อยคนจะไปถึงได้
        เป็นความต้องการและความปรารถนาที่มนุษย์จะใช้ความสามารถและศักยภาพที่มีทั้งหมดในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เท่าที่เขาพึงจะทำได้ตามศักยภาพ เช่น เมื่อเป็นนักดนตรีก็พยายามพัฒนาตนเองให้เป็นนักดนตรีที่เล่นเก่งที่สุด ด้วยการฝึกฝน เป็นต้น
    - - บันทึกสิ่งที่ประเมินได้เพื่อสื่อสารกับทีมการดูแลรักษาให้ได้รับรู้ และรายงานความผิดปกติที่พบ เพื่อให้การดูแลรักษาทันที
      - การรายงานสิ่งสำคัญที่พบอาจทำได้ก่อนการบันทึกทั้งหมดได้
      - เป็นปัจจัยที่จะให้การวินิจฉัยและรักษาในทันที
- - - - 2.วินิจฉัยการพยาบาล
      - 3.วางแผนการพยาบาล
      - 4.ปฏิบัติการพยาบาล
      - 5.ประเมินผลการพยาบาล
      - 1.ประเมินภาวะสุขภาพ
- - - - พิจารณาตามระดับความรุนเเรงของปัญหา
        
        ปัญหาลำดับแรก
        
        ต้องการพยาบาลทันที ถ้าทิ้งไว้ผู้รับบริการอาจเสียชีวิต
        
        ปัญหาลำดับที่สอง
        
        ต้องการแก้ไขรีบด่วน แม้จะไม่ทำให้เสียชีวิต
        
        ปัญหาลำดับที่สาม
        
        ปัญหาที่รอได้
      - พิจารณาตามกรอบแนวคิดของมาสโลว์
        
        ปัญหาลำดับที่ 1
        
        ปัญหาที่คุกคามชีวิต ความอยู่รอด และรบกวนความต้องการด้สนร่างกาย
        
        ปัญหาลำดับที่ 2
        
        ปัญหาที่รบกวนความปลอดภัย และความมั่นคงของชีวิต
        
        ปัญหาลำดับที่ 3
        
        ปัญหาที่รบกวนความรักและความเป็นเจ้าของ
        
        ปัญหาลำดับที่ 4
        
        ปัญหาที่รบกวนความมีคุณค่าในตนเอง
        
        ปัญหาลำดับที่ 5
        
        ปัญหาที่รบกวนความสามารถ
      - พิจารณาตามความต้องการของผู้รับบริการ
        
        ปัจจัยที่ควรคำนึงในการลำดับความสำคัญข้อวินิจฉัยการพยาบาล
        
        1.ระดับความรุนเเรงของปัญหา และความต้องการขั้นพื้นฐาน
        
        2.ความต้องการของผู้รับบริการ
        
        3.การบริหารจัดการด้านบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ-เครื่องใช้
        
        4.การพิจารณาปัญหาในภาพรวม
    - - ชนิดของเป้าหมายการพยาบาล
        
        เป้าหมายระยะสั้น
        (Short-term goals)
        
        􏰜􏰍 􏰜􏰍เป็นเป้าหมายที่คาดว่าจะบรรลุผลใน 2-3 ชั่วโมง ไม่เกิน 1 สัปดาห์
        
        เป็นเป้าหมายเกี่ยวกับการมีชีวิตรอด อาจกำหนดให้บรรลุเป้าหมายในเวลาเป็นนาที มักใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน คาดการณ์ไม่ได้
        
        บรรลุผลก่อนเป้าหมายระยะยาว จึงใช้วัดความก้าวหน้าของการพยาบาล
        
        เป้าหมายระยะยาว
        (Long-term goals)
        
        คงไว้ซึ่งการทำหน้าที่ตามปกติในขณะที่มีปัญหาสุขภาพ หากไม่สามารถรักษาความเป็นปกติได้ จะบอกถึงการทำหน้าที่ได้สูงสุดเท่าที่ภาวะสุขภาพและปัจจัยจะเอื้ออำนวย
        
        บอกการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดในระยะยาว อาจเป็นสัปดาห์หรือมากกว่า ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้รับบริการที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ในสถานพักฟื้น ศูนย์ฟื้นฟู
      - แนวทางการเขียนเป้าหมายการพยาบาล
        
        เป็นพฤติกรรมของผู้รับบริการ
        
        สอดคล้องกับข้อวินิจฉัยหรือปัญหาที่กำหนด
        
        มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
        
        เปลี่ยนแปลงในลักษณะเพิ่มขึ้น/ลดลง/คงไว้/ไม่มีปัญหา ตามที่กำหนดไว้ในภาวะสุขภาพนั้นๆ
        
        เป้าหมายการพยาบาลที่กำหนด สอดคล้องกับแนวทางการรักษาของวิชาชีพอื่นๆ
        
        ในแต่ละข้อวินิจฉัยมีเป้าหมายการพยาบาลมากกว่า 1 ข้อ
        
        เป้าหมายการพยาบาลควรมีระยะเวลากำหนดไว้ด้วย
    - - ลักษณะเกณฑ์การประเมิน
        
        1.เกณฑ์การประเมินแต่ละข้อสัมพันธ์กับเป้าหมาย
        
        2.เป็นพฤติกรรมที่วัดได้ สังเกตได้ และสามารถทำได้
        
        3.สอดคล้องกับเป้าหมายการพยาบาลที่กำหนด และสอดคล้องกับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงปัญหา
        
        4.ถูกต้องตามหลักวิชาการ
        
        5.มีความเป็นไปได้เฉพาะรายสถานการณ์นั้นๆ
        
        6.แต่ละเป้าหมายมีเกณฑ์การประเมินมากกว่า 1 ข้อ
      - ส่วนประกอบของเกณฑ์การประเมิน
        
        ประธาน
        
        กริยา
        
        เกณฑ์ของการปฏิบัติที่ต้องการให้เกิด
        
        เงื่อนไข
    - - ชนิดของกิจกรรมการพยาบาล
        
        กิจกรรมการพยาบาลที่เป็นอิสระ (independent intervention)
        
        คิดขึ้นโดยไม่ต้องมีแผนการรักษาของแพทย์
        
        กิจกรรมพยาบาลกึ่งอิสระ (interdependent intervention)
        
        ทำร่วมกับบุคลากรอื่นๆในทีมสุขภาพ
        
        กิจกรรมพยาบาลไม่อิสระ (dependent intervention)
        
        เกี่ยวข้องกับแผนการรักษาของแพทย์
      - ปัจจัยพื้นฐานในการกำหนดกิจกรรมพยาบาล
        
        1.ความแตกต่างระหว่างบุคคล
        
        2.ลักษณะพยาธิสรีรภาพ
        
        3.แผนการรักษาของแพทย์
        
        4.มาตรฐานการพยาบาลหรือคู่มือการพยาบาล
        
        5.บุคลากร
        
        6.ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรม
        
        7.ความรู้ในศาสตร์ต่างๆของการพยาบาล
      - ประโยชน์ของการกำหนดกิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ทำให้สามารถให้การดูแลผู้ป่วยโดยรวม และเป้นรายบุคคลได้
        
        2.ทำให้สามารถให้การดูแลได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
        
        3.นำไปสู่การบันทึกทางการพยาบาลในลักษณะแก้ปัญหา และพัฒนาเป็นมาตรฐานการพยาบาล
        
        4.ใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติการพยาบาลที่มีคุณภาพ
        
        5.ทำให้สามารถประสานงานภายในทีมและระหว่างทีม
        
        6.ทำให้สามารถใช้ทีมการพยาบาลให้การดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        7.ใช้เก็บข้อมูลเป็นประโยชน์ทางการศึกษา และเป็นหลักฐานทางกฎหมาย
      - หลักการในการกำหนดกิจกรรมการพยาบาล
        
        1.หน้าที่หลักของพยาบาลทั้ง 4 ด้าน
        
        2.เป็นการกระทำของพยาบาล
        
        3.ต้องมีความละเอียด ชัดเจนเพียงพอ
        
        4.ครอบคลุมกิจกรรม 5 กิจกรรมใหญ่
        
        ให้การดูแล (caring)
        
        ให้การช่วยเหลือ (helping)
        
        ให้บริการ (giving)
        
        ตรวจสอบ ติดตาม (monitoring)
        
        สอน (teaching)
      - แนวทางในการกำหนดกิจกรรมการพยาบาล
        
        1.มีเหตุผล
        
        2.มีความสอดคล้องกับกิจกรรมการรักษา
        
        3.คำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล
        
        4.ต้องเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริม คงไว้ และรักษาสุุขภาพ
        
        5.เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการมีส่วนร่วม
        
        6.ใช้แหล่งทรัพยากรที่เหมาะสม
        
        7.การจัดลำดับกิจกรรม
        
        8.ต้องมีการทบทวนกิจกรรมการพยาบาลที่กำหนดไว้เสมอ
        
        9.ต้องมีการกำหนดกิจกรรมระยะยาว
      - วิธีการเขียนกิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ระบุวันที่ ลายเซ็นของผู้กำหนดกิจกรรมการพยาบาล
        
        2.ต้องกำหนดกริยานำ และส่วนขยายกริยา
        
        3.การเขียนกิจกรรมการพยาบาล จะละประธานและกรรมไว้ในฐานที่เข้าใจ
        
        4.การเขียนลำดับความสำคัญ ก่อน-หลัง ควรเขียนกิจกรรมอิสระก่อน
        
        5.เหตุผลทางการพยาบาล
        
        6.เขียนโดยใช้คำกะทัดรัด ชัดเจน เฉพาะเจาะจง
        
        7.กิจกรรมที่ปฏิบัติเป็นกิจวัตร
  - - - เป็นการวางแผนการพยาบาลเมื่อเริ่มรับผู้บริการ
      - พยาบาลคนแรกที่ประเมินสภาพผู้รับบริการควรจะเป็นผู้วางแผนระยะเเรกโดยรวม เพราะจะเป็นผู้ที่ได้ข้อมูลที่ได้จากกริยาท่าทาง การพูดคุยกับผู้รับบริการ
    - - พยาบาลผู้ที่ดูเเลผู้รับบริการจะเป็นผู้วางแผนการพยาบาลนี้
      - ในระหว่างการดูเเล พยาบาลจะได้ข้อมูลใหม่ๆ และได้จากการประเมินผลการดูแล ซึ่งข้อมูลสำคัญบางอย่างจะได้จากผู้รับบริการ เมื่อผู้รับบริการไว้วางใจหลังจากที่อยู่ในความดูเเลของพยาบาลมาระยะหนึ่ง
      - การวางแผนระหว่างการดูแลนี้ จะกระทำได้ในการทำงานแต่ละวัน และแต่ละเวร(เช้า/บ่าย/ดึก) ของพยาบาล
    - - จะต้องคำนึงถึงกระบวนการเตรียมผู้รับบริการเพื่อการจำหน่ายออกจากสถานบริการสุขภาพ โรงพยาบาล รวมไปถึงการเตรียมผู้รับบริการให้ดูเเลตนเอง การส่งต่อการดูแลที่ต่อเนื่อง ระหว่างผู้ดูแลปัจจุบันและผู้ที่จะดูแลหลังจากผู้รับบริการได้รับการจำหน่ายแล้ว
      - ผู้ป่วยและครอบครัวจำเป็นต้องได้รับการเรียนรู้ การจัดการอนามัยส่วนบุคคล ความสุขสบาย และเตรียมการช่วยเหลือที่บ้านเท่าที่จำเป็น
      - จากผลการวิจัยทางการพยาบาลบ่งชี้ว่า แผนการจำหน่าย ช่วยลดภาวะเเทรกซ้อนและการต้องกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำ
  - - - การตอบสนองต่อภาวะสุขภาพดี
      - การตอบสนองต่อภาวะสุขภาพที่เบี่ยงเบน
      - ซึ่งผู้รับบริการแต่ละรายจะมีหลายข้อวินิจฉัยให้พยาบาลได้ดูแลช่วยเหลือ โดยครอบคลุมการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู
    - - สิ่งที่พยาบาลและผู้รับบริการคาดหวังจะให้เกิดขึ้น หลังจากปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลไปแล้ว
      - อาจกำหนดเป้าหมายระยะสั้นหรือระยะยาว ขึ้นกับความเร่งด่วนของปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข
      - ต้องมีเกณฑ์สำหรับประเมินผลเป้าหมาย เพื่อใช้ตรวจสอบว่าบรรลุผลสำเร็จหรือไม่
    - - เป็นวิธีที่จะปฏิบัติ เพื่อให้ผู้รับบริการมีการเปลี่ยนเเปลงจากภาวะที่ไม่พึงประสงค์ ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
      - กิจกรรมการพยาบาลที่กำหนดต้องมีเหตุผลบ่งชี้ว่าทำเพราะอะไร
      - ต้องกำหนดให้ครอบคลุม บทบาทพยาบาล คือ ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดูแลรักษา และฟื้นฟูสขภาพ
- - - - Head : ความสามารถทางสติปัญญา🧠
      - Heart : มีใจรัก เมตตาผู้รับบริการ มีทัศนคติที่ดีต่อการพยาบาล 💗
      - Hands : ทักษะความชำนาญ นุ่มนวลในการปฏิบัติการพยาบาล😊👩‍🏫
      - Heels : ความว่องไว ทันการณ์ในการปฏิบัติการพยาบาล🏃‍♀️
- - - - บันทึกเป็นรายการปัญหา (problem list)
      - บันทึกตามกระบวนการพยาบาล
  - - - ช่วยให้การประสานงาน และการทำงานราบรื่น ไม่ซ้ำซ้อน
    - - นำข้อมูลจากการบันทึกมาเป็นข้อมูลในการปรับแผนการดูแลให้เหมาะสมกับสภาพของผู้รับบริการ
    - - ใช้ในกรณีมีปัญหาการรักษาการพยาบาลหรือถูกฟ้องร้อง
    - - เป็นการประเมินว่าแผนที่ใช้นั้นเมื่อนำปฏิบัติ เกิดผลอย่างไร ดีมากน้อยแค่ไหน
    - - เพื่อใช้ในการศึกษาและวิจัย
    - - สำหรับค่าใช้จ่ายในการพยาบาล โดยประมาณของหน่วยงาน