Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่6 การบำบัดทางด้านหัตถการและการให้วัคซีน (การจัดการบาดแผลจากอุบัติเหตุ…
บทที่6 การบำบัดทางด้านหัตถการและการให้วัคซีน
การให้วัคซีนป้องกันบาดทะยัก
ผลข้างเคียงจาการฉีดวัคซีน
ปวด แดง หรือบวมบริเวณที่ฉีดวัคซีน
ชัก วิงเวียนศรีษะ
มีไข้อ่อนๆ หนาวสั่น
ปวดศรีษะและปวดเมื่อยตามร่างกาย
อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสีย
บาดทะยัก
เข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลชนิดต่างๆ
เกิดจากการติดเชื้อClostridiumtetani
เข้าสู่ร่างกายจะสร้างสารพิษต่อการทำงานของเส้นประสาท อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
การให้ภูมิคุ้มกันบาดทะยัก
ได้รับครบ3ครั้งเกิน10ปี:กระตุ้น1ครั้ง
เคยได้รับครบ3ครั้ง ไม่เกิน10ปี : ไม่ฉีด
ไม่เคยได้/ได้รับเกิน 10ปี : ฉีด3ครั้ง
เด็ก 13ปีขึ้นไปให้เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่เคยได้มาก่อน
ปกติได้รับในเด็กครบ 3 ครั้ง
การจัดการบาดแผลจากอุบัติเหตุที่ไม่สาหัส
การประเมินบาดแผลจากอุบัติเหตุ
สอบถามข้อมูลผู้ป่วย
ประเมินลักษณะบาดแผล
พิจารณาการจัดการบาดแผล
การจัดการบาดแผลอุบัติเหตุ
การฉีดยาชาเฉพาะที่
ก่อนฉีดยาควรซักประวัติเกี่ยวกับ การแพ้ยาและประวัติเกี่ยวกับการถอนฟัน
การชะล้างบาดแผล
การเย็บแผล
อุปกรณ์เย็บแผล
Forceps
Needle Holder
เข็ม
กรรไกรตัดไหม
ไหม/ด้ายเย็บแผล
ยาชาที่นิยมใช้
Procaine Hydrochloride หรือ Novocaine
Lignocaine Hydrochloride หรือ Lidocaine หรือXylocaine
Pontocaine Hydrochloride
การเย็บแผล
ข้อปฏิบัติหลังการเย็บแผล
ใช้ gauzeซับแผลให้แห้ง
ปิดแผลด้วย gauze
ตรวจดูความเรียบร้อยของแผล,hematoma
ปิดทับด้วย plaster ตามแนวกล้ามเนื้อ
การดูแลแผลหลังการเย็บ
ให้คำแนะนำผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน
นัดดูแผลในวันรุ่งขึ้นเพื่อประเมินแผล และนัดล้างแผลวันเว้นวัน
การตัดไหม
บาดแผลบริเวณใบหน้า ศรีษะนัดตัดไหมเมื่อครบ5วัน
บาดแผลบริเวณฝ่ามือ เท้า กลางหลัง และข้อต่างๆ นัด10 วัน มาดูแผล เพื่อพิจารณาการตัดไหม
บาดแผลบริเวณอื่น นัดตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน
การให้ภูมิคุ้มกัน
ภูมิคุ้มกันโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
ถ่ายทอดมาทางสายเลือด
คงอยู่ได้ประมาณ 3 เดือนหลังคลอด
ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง
เกิดขึ้นภายหลังจากหายป่วยด้วยโรคต่างๆ
เกิดได้โดยการปลูกฝี ฉีดวัคซีน เซรุ่ม และท็อกซอยด์
การผ่าฝี
ปัญหาของฝี
ยาฆ่าเชื้อมักจะเข้าไปฆ่าเชื้อข้างในฝีไม่ได้ วิธีการเดียวก็คือ การผ่าฝีเพื่อเอาเชื้อโรคข้างในออกมา
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าฝี
Towel clip
Curette
สำลี/ก๊อซ
ด้ามมีดเบอร์ 15
น้ำยาต่างๆ
ใบมีดชายธง เบอร์11
Plaster ปิดแผล
การเช็ดตัวลดไข้ การประคบร้อนและการประคบเย็น
หลักการเช็ดตัวลดไข้
ในห้องให้มีการถ่ายเทของอากาศได้สะดวก
การเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น
กระตุ้นให้ดื่มน้ำ
ถ้าหนาวสั่นให้หยุดทำเพราะการหนาวสั่นทำให้ความร้อนของร่างกายสูงขึ้น
สวมเสื้อผ้าให้บางลง
จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วลูบไปตามส่วนต่างๆ
ระยะเวลาในการเช็ดตัวลดไข้ประมาณ15-20นาที
หลังเช็ดตัว30นาทีควรวัดไข้ ถ้าไข้ยังไม่ลดควรทำซ้ำทุก2ชั่วโมง
การประคบร้อน
ปวดตึงคอ-บ่า ปวดตึงหลัง ปวดตึงน่อง ภายหลังทำงาน/เล่นกีฬา
ใช้ระยะเวลาในการประคบประมาณ15-20นาที
อาจใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน
อาจใช้กระเป๋าน้ำร้อน
การประคบเย็น
ปวดบวมข้อ ข้อเท้าพลิกฉับพลัน ปวดบวมบริเวณอื่นๆ ที่เกิดจากการบาดเจ็บเป็นต้น หรือเพิ่งมีอาการใหม่ๆ
ทำถุงน้ำแข็งด้วยตนเอง
การแช่ในภาชนะที่บรรจุน้ำเย็น
ใช้ระยะเวลาประมาณ15-20นาที
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านม
อาการของมะเร็งเต้านม
เต้านม
ก้อนที่เต้านม
ปวดเต้านม
ปื้นที่เต้านม
หัวนม
หัวนมมีการหดตัว คัน หรือแดงผิดปกติ
มี. เลือด หรือน้ำออกจากหัวนม
ผิวหนัง
ผิวหนังเปลี่ยนแปลง เช่น รอยบุ๋ม ย่น หดตัว หนาผิดปกติ บางส่วนมีสะเก็ด
บวม หรือ แดง
ผิวหนังอักเสบ
รักแร้
ก้อนที่รักแร้
เจ็บที่รักแร้
วิธีการตรวจเต้านม
วิธีการคลำอาจใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้
การคลำในแนวขึ้น ลง
การคลำในแนวก้นหอย
การคลำในแนวรูปลิ่ม
แบบที่ 1 ยืนหน้ากระจก
แบบที่ 2 นอนราบ
แบบที่ 3 ขณะอาบน้ำ
แนวทางการคัดกรองมะเร็งเต้านมในไทย
กลุ่มสตรีที่ควรได้รับการตรวจจากแพทย์เป็นพิเศษ
การคัดกรองมะเร็งอย่างเป็นระบบ
การค้นหามะเร็งระยะแรกเริ่มในสตรีไทยโดยสมัครใจ
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
การทำหัตถการ
การทำแผล
ก่อนทำแผล
ท่าที่เหมาะสม
อาจถอดเสื้อผ้าออก และใช้ผ้าห่มคลุม เปิดเฉพาะตำแหน่งแผล
การทำแผล
แผลชนิดแห้ง
ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดแผลและผิวหนังรอบแผลเท่านั้น
แผลชนิดเปียก
ใช่สำลีชุบน้ำยาระงับเชื้อเช็ดผิวหนังที่ชิดแผลและบริเวณรอบๆแผลก่อน แล้วจึงใช้น้ำเกลือหรือน้ำยาล้างแผลชนิดอื่นล้างแผลให้สะอาด เมื่อสะอาดดีแล้วใช้ผ้ากอซชุบน้ำเกลือใส่ไว้ในแผล เช็ดผิวหนังรอบแผลให้แห้งจึงปิดแผล