Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Antenatal care (ข้อมูลส่วนมารดา (หญิงตั้งครรภ์ อายุ 23 ปี G2P1001 LMP :…

- - - - คือภาวะปากมดลูกเปิดที่เป็นผลมาจากการหดและขยายตัวของมดลูกในช่วงก่อนสัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งการตั้งครรภ์แบบครบกำหนดคลอดจะใช้เวลา 37-40 สัปดาห์
      - BMI 17.26
        underweight
        
        น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 47 Kg
        ปัจจุบัน 50.5 Kg
        
        15/01/63 น้ำหนัก 45.7
        27/02/63 น้ำหนัก 46.6
        19/03/63 น้ำหนัก 50.5
        น้ำนักเพิ่มอาทิตย์ล่ะ 1.1-3.9 kg
        
        BMI < 18.5kg/m2 ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 12.5-18 kg
        (ไตรมาสแรก 0.5-2 kg, ไตรมาสสองและสาม 0.5 kg/week)
    - - IUGR (Intrauterine Growth Retardation) หรือ ภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า เป็นภาวะที่ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น อาจเกิดขึ้นได้จาก ความผิดปกติของรก เด็กได้รับออกซิเจนหรือสารอาหารไม่เพียงพอ และความผิดปกติของโครโมโซมในตัวทารก เป็นต้น
    - - ตรวจเพิ่มพบว่า Ab identification : Anti-Leb
        
        Anti-Leb คือ antibodyในระบบLewisที่ทำให้เกิดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงโดยวิธี two-stage enzyme technique(ย่อยRBCแล้วไปหยดกับซีรั่ม)
  - - - Hb = 9.8 :arrow_double_down:
        Hct =29.2 :arrow_double_down:
        VDRL= Non-reactive
        HBsAg =Positive
        HBeAg =Positive
        ABO gr = A
        Rh = Positive
        Ab screening : Positive
        
        หญิงตั้งครรภ์มีภาวะซีด
        Hb = 9.8 :arrow_double_down:
        (Hb ต่ำกว่า 11 g/dl)
        Hct =29.2 :arrow_double_down:
        ( Hct ต่ำกว่า 33%)
        
        ด้านทารก
        
        เสี่ยงต่อทารกน้ำหนักน้อยกว่าปกติ หรือทารกโตช้าในครรภ์ เพิ่มอัตราการตายปริกำเนิด และการคลอดก่อนกำหนด
        
        มีเหล็กสะสมน้อยกว่าปกติ หากไม่ได้รับธาตุเหล็กเสริมหลังคลอด จะมีพัฒนาการและเจริญเติบโตของสมองที่ช้ากว่าเด็กทั่วไป
        
        ด้านมารดา
        
        การทำงานของหัวใจหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยง heart failure
        
        ช่วงการคลอดและหลังคลอดมีผลกระทบซ้ำเติมต่อมารดาจากการเสียเลือด ทำให้เกิดจากวะช็อก หรือ heart failure ได้
        
        โอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ง่ายขึ้น
        
        ทารกเป็นไวรัสตับอักเสบบี
        HBsAg =Positive
        บอกถึง ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
        HBeAg =Positive
        บอกถึง ความสามารถในการแบ่งตัวของไวรัสตับอักเสบบีสามารถติดได้ในทารก
        
        ระยะตั้้งครรภ์
        
        1.เมื่ออายุครรภ์ครบ 28-32 สัปดาห์เริ่มให้ TDF 300 mg รับประทานวันละ 1 ครั้ง จนถึง 4 สัปดาห์หลังคลอด
        
        ตรวจ Creatinine หลังเริ่มยา 4 สัปดาห์เพื่อดการทำงานของไตหากพบการทำงานของไตผิดปกติควรปรึกษาอายุรแพทย์เพื่อปรับยา
        
        3.ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค สาเหตุ การติดต่อ การป้องกัน การแพร่กระจายเชื้อ การดำเนินของโรคและการรักษาพยาบาล
        
        การพยาบาล
        
        1) หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ที่อาจปนเปื้อนเลือด เช่น แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ รวมกับผู้อื่น
        
        2) ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และควรให้สามีมาตรวจ ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันแนะนําให้ฉีดวัคซีนป้องกัน
        
        1) หลีกเลี่ยงหัตถการความถี่สูงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ได้เเก่ chorionic sampling (การดูดเอาตัวอย่างของรกเด็กมาตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม)เเละ Amniocentesis(การเจาะน้ำคร่ำ)
        
        2) อาจทำการตรวจด้วยวิธี non-invasive prenatal testing ทดเเทน (NIPT) คือการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดมารดา ที่สามารถคัดกรองความเสี่ยงของทารกในครรภ์ที่จะเกิดกลุ่มอาการดาวน์
        
        3) หากจำเป็นต้องทำ chorionic sampling เเละ Amniocentesis ควรแจ้งมารดาให้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
        
        ระยะคลอด
        
        คลอดปกติ หรือ ผ่าคลอด หลีกเลี่ยงการคลอดโดยสูติศาสตร์หัตถการเช่น Vacuum หรือ Forceps
        
        Wang J. และคณะในปี ค.ศ. 2002 พบว่า
        
        การคลอดทางช่องคลอดมีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 8.1 และติดเชื้อเรื้อรังร้อยละ 7.3
        
        การใช้หัตถการช่วยคลอด เช่น vacuum or forceps extraction มีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 7.7 และติดเชื้อเรื้อรังร้อยละ 7.7
        
        การผ่าตัดคลอด มีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 9.7 และติดเชื้อเรื้อรังร้อยละ 6.8
        
        การพยาบาล
        
        ควรรีบดูดสารคัดหลั่งออกจากปากและจมูกทารกให้เร็วที่สุด เช็ดตาและดูแลความสะอาดร่างกายทารกทันที
        
        ระยะหลังคลอด
        
        2.นัดตรวจ ALT(การเจาะเลือดเพื่อตรวจเอนไซม์ASTของตับเพื่อดูการติดเชื้อ)
        
        แนะนําให้รับการตรวจรักษาต่อเนื่องโดยให้อายุรแพทย์
        เพื่อลดการเกิดภาวะตับแข็งและมะเร็งตับในอนาคต
        
        ให้คำแนะนําถึงความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
        
        1.ควรระมัดระวังการหยุดยาส่งผลต่อปริมาณไวรัสและการทำงาานของเซลล์ตับ
        
        2.แพทย์ที่ดูแลควรส่งผู้ป่วยต่อเพื่อให้อายุรแพทย์ดูแล
        
        ให้ DTF 300 mg รับประทานวันละ 1 ครั้งจนครบ 4 Wks.หลังคลอด
        
        ส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาอย่างเดียว 6 เดือนและได้นานถึง 2 ปีแนะนําการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้อย่างถูกต้อง ป้องกันหัวนมแตกจนเลือดไหลเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
        
        4.ให้คำแนะนําการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามการดำเนินของโรคอย่างสม่ำเสมอและแนะนำให้สามีมาตรวจประจำปี
        
        ให้ HBIG 0.5 ml เข้ากล้ามเนื้อ โดยเร็วที่สุดภายใน 7 วันหลังคลอด
        
        2.ให้ HB Vaccine 0.5 ml เข้ากล้ามเนื้อโดยเร็วที่สุด ภายใน 12 ชั่ว โมงหลังคลอด และ 1 เดือนจากนั้นให้ DTP-HB ที่ 2,4,6 เดือน
        
        3.หากน้ำหนักตัวทารกน้อยกว่า2000กรัม สามารถฉีด HB ได้ทันทีแต่นับให้เป็นเข็มพิเศษแล้วฉีดเข็มต่อไปเมื่ออายุ 1 เดือนหรือน้ำหนักตัวมากกว่า 2000 กรัม
        
        1 more item...
        
        ผลกระทบเมื่อเป็นไวรัสตับอักเสบบี
        
        1.เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส เช่น มีไข้ ตาตัวเหลือง ตับม้ามโต
        
        2.มีโอกาสเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์และความดันโลหิตสูง
        
        3.มีโอกาสมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดก่อนกำหนด
        
        4.คลอดก่อนกำหนด
        
        5.แท้งบุตร
        
        2.ทารกตายในครรภ์
        
        3.คลอดก่อนกำหนด
        
        5.เป็นพาหะของโรคโดยไม่มีอาการ
        
        1.ติดเชื้อจากการแตกของเส้นเลือดจากรกและทางสายสะดือ
        
        4.ติดเชื้อขณะคลอด
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        ยารับประทานกลุ่ม nucleoside analog reverse transcriptase inhibitorโดยยาออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวเพิ่มของไวรัสจึงต้องทานตลอดชีวิต
        
        ข้อเสียคือมีโอกาสดื้อยาสูงหากรับประทานเป็นระยะเวลายาว
        
        ยาฉีดกลุ่ม Peg Interferon ออกฤทธกิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มาทำลายไวรัส S/E คือ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึมเศร้า
        
        ข้อห้ามใช้ คือ โรคจิตประสาท โรคซึมเศร้า โรคภูมิคุ้มกันตนเอง SLE ตับแข็งระยะสุดท้าย และตั้งครรภ์
        
        การติดตามการรักษาโดยการตรวจทาง serologyy หากการรักษาประสบผลสำเร็จ จะพบ viral load ลดลง และ seroconversion จาก HbeAg positive เป็น negative จากนั้น HbsAg positive เป็น negative ตามมา
        
        การรักษาระยะเรื้อรัง
        
        มะเร็งตับ
        
        ตับแข็ง
        
        ตับวาย
- - - - หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี(15/01/63)HBsAg =Positive HBeAg =Positive
    - - ทารกไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดาและปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์
    - - 1.จากการการตรวจ NIPT โครโมโซมมารดาปกติ
      - 2.หลังทารกคลอดได้รับวัคซีนและการดูแลอย่างถูกต้อง
      - 4.มารดาเข้าใจและปฏิบัติตนในการเลี้ยงดูบุตรได้ถูกต้อง
      - 3.ไม่เกิด Death fetus in utero,down syndromeและpreterm
    - - 5.ให้คำแนะนำกลุ่มอาการดาว์ และมาตรวจตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามความผิดปกติของทารกในครรภ์
      - 3.ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และควรให้สามีมาตรวจ ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันแนะนําให้ฉีดวัคซีนป้องกัน
      - 2.แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ที่อาจปนเปื้อนเลือด เช่น แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ รวมกับผู้อื่น
      - 1.ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค สาเหตุ การติดต่อ การป้องกัน การแพร่กระจายเชื้อ การดำเนินของโรคและการรักษาพยาบาล
      - 6.หลีกเลี่ยงหัตถการความถี่สูงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ได้เเก่ chorionic sampling เเละ Amniocentesisหากจำเป็นต้องทำควรแจ้งมารดาให้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
      - 8.ดูแลให้คลอดปกติ หรือ ผ่าคลอด
      - 9.1 ให้ HBIG 0.5 ml เข้ากล้ามเนื้อทันที โดยเร็วที่สุดภายใน 7 วันหลังคลอด
        9.2 ให้ HB Vaccine 0.5 ml เข้ากล้ามเนื้อโดยเร็วที่สุด ภายใน 12 ชั่ว โมงหลังคลอด และ 1 เดือนจากนั้นให้ DTP-HB ที่ 2,4,6 เดือน
        9.3 หากน้ำหนักตัวทารกน้อยกว่า2000กรัม สามารถฉีด HB ได้ทันทีแต่นับให้เป็นเข็มพิเศษแล้วฉีดเข็มต่อไปเมื่ออายุ 1 เดือนหรือน้ำหนักตัวมากกว่า 2000 กรัม
      - 10.ส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาอย่างเดียว 6 เดือนและได้นานถึง 2 ปีแนะนําการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้อย่างถูกต้อง ป้องกันหัวนมแตกจนเลือดไหลเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
      - 11.ให้คำแนะนําการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามการดำเนินของโรคอย่างสม่ำเสมอและแนะนำให้สามีมาตรวจประจำปี
      - 4.รักษาความสะอาดปากและฟัน อวัยวะเพศล้างจากหน้าไปหลัง ป้องกันการติดเชื้อ
      - อาการสำคัญที่ต้องมาโรงพยาบาลคือ เด็กดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง/วัน เจ็บครรภ์ถี่ขึ้น มีน้ำเดิน มีมูกเลือด มีไข้ เป็นต้น
  - - - 1.หญิงตั้งครรภ์มีภาวะซีด
        Hb = 9.8 :arrow_double_down:(Hb ต่ำกว่า 11 g/dl)
        Hct =29.2 :arrow_double_down:( Hct ต่ำกว่า 33%)
        
        2.มารดาBMI=17.26 (BMI < 18.5kg/m2)
    - - ทารกไม่มีภาวะ neural tube defect
    - - 2.ทารกไม่มีโรคในกลุ่มneural tube defect เช่น ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (spina bifida) และภาวะกะโหลกศีรษะไม่ปิด (anencephaly)
      - 1.หญิงตั้งครรภ์ไม่มีอาการหรืออาการแสดงของภาวะซีด/ขาดFolic acid เช่น อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซึม หอบเหนื่อย หายใจติดขัด แผลในปาก เป็นต้น
      - 3.ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        Hb 12.3-15.5 g/dl
        
        Hct 36.8-46.6%
        
        MCV 79.9-97.6 fL
        
        Platelet count 152-387 10^3/uL
        
        Neutrophil 48.1-71.2 %
      - 4.ทารกไม่เกิดภาวะ IUGR,preterm
      - 5.น้ำหนักมารดาเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 12.5-18.0กิโลกรัม
      - 6.การประเมินนํ้าหนักทารก (estimate fetal weight; EFW) ปกติ
      - 7.ขนาดของครรภ์เหมาะสมกับอายุครรภ์
    - - 4.แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ในการดูแลตัวเองเนื่องจากมีภาวะซีด โดยแนะนำให้ประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กประมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน เช่นเนื้อสัตว์ ไข่แดง ตับ เนื้อปลา ผักใบเขียว ตับ ถั่วต่างๆ
      - 3.หากมีอาการหรืออาการแสดงของภาวะซีดเช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เวียนศีราะ หน้ามืด ให้มาโรงพยาบาล
      - 5.น้ำหนักที่ควรเพิ่มในไตรมาสสองและสาม 0.5 kg/week
      - 1.แนะนำให้ทานยาเสริมธาตุเหล็กชนิดรับประทาน เช่น Folic acid 1x1 po.pc ให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ
      - 6.ในไตรมาสสอง ควรแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ วันละ 5-6 มื้อ ไอโอดีน โปรตีนในน้ำนม แคลเซียมจะต้องการสูงถึงวันละ 1,000-1,200 มิลลิกรัมผักใบเขียวต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ตำลึง คะน้า ถั่วฝักยาว หรือผักสีอื่นๆ เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง เป็นต้น
      - 2.แจ้งผลข้างเคียงของยาเสริมธาตุเหล็ก ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระสีดำ
      - 7.รักษาความสะอาดภายในช่องปากและอวัยวะเพศไม่เช็ดย้อนจากทวารหนักเพราะจะทำให้ติดเชื้อทางช่องคลอดทำให้สามารถคลอดก่อนกำหนดได้
      - 8.แนะนำให้มาตรวจตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินความผิดปกติของทารกในครรภ์
- - - - 3.หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี(15/01/63) HBsAg =Positive HBeAg =Positive
        
        4.มีอาการปัสสาวะแสบขัด
- - - - 4.ปากมดลูกถ่างขยายและบางลง
      - 5.ไม่สุขสบายบริเวณหลังและท้อง
      - 3.การหดรัดตัวสม่ำเสมอ เจ็บทุก5นาที
      - 6.มีสารคัดหลั่งออกทางช่องคลอดจะเริ่มด้วยมูกเหนียว มูกปนเลือด และเลือด ถ้าเป็นเลือดสดๆอาจเป็นภาวะแทรกซ้อน
      - 2.มี mucous bloody show เนื่องจากมีการฉีกขาดของเส้นเลือดฝอยบริเวณปากมดลูก
      - 1.ขณะเดินความรุนแรงของการหดตัวของมดลูกเพิ่มขึ้น
    - - 3.กรหดรัดตัวไม่สม่ำเสมอเจ็บๆหายๆ
      - 4.ปากมดลูกไม่มีการเปลี่ยนแปลง
      - 2.ไม่มีmucous bloody show
      - 5.ไม่สุขสบายบริเวณท้อง
      - 1.การเดินไม่มีผลต่อการเพิ่มหรือลดของการหดรัดตัวของมดลูก