Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 17 พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 (หมวด 1 คกก.คุ้มครองเด็ก (ม.7…
บทที่ 17 พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ส่วนนำ
ม.1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546”
ม.4
"เด็ก" หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
“เด็กเร่ร่อน” หมายความว่า เด็กที่ไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือมีแต่ไม่เลี้ยงดูหรือม่สามารถเลี้ยงดูได้ จยเป็นเหตุให้เด็กต้องเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ หรือเด็กที่มีพฤติกรรมใช้ชีวิตเร่ร่อนจนน่าจะเกิดอันตรายต่อสวัสดิภาพของตน
“เด็กกําพร้า” หมายความว่า เด็กที่บิดาหรือมารดาเสียชีวิต เด็กที่
ไม่ปรากฏบิดามารดาหรือไม่สามารถสืบหาบิดามารดาได้
“ครอบครัวอุปถัมภ์” หมายความว่า บุคคลที่รับเด็กไว้อุปการะเลี้ยงดูอย่างบุตร
"การดูแลโดยมิชอบ" หมายความว่า การไม่ให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน หรือพัฒนาเด็กตามมาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนดในกฎกระทรวง จนน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
“ทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทําหรือละเว้นการกระทําด้วยประการใดๆ จนเป็นเหตุให้เด็กเสื่อมเสรีภาพหรือเกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ การกระทําผิดทางเพศต่อเด็ก การใช้เด็กให้กระทําหรือประพฤติในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจหรือขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีทั้งนี้ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
"สถานรับเลี้ยงเด็ก" หมายความว่า สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินหกปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป ซึ่งเด็กไม่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับเจ้าของหรือผู้ดำเนินการสถานรับเลี้ยงเด็กดังกล่าว ทั้งนี้ไม่รวมถึงสถานพยาบาลและโรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชน
“สถานแรกรับ” หมายความว่า สถานที่รับเด็กไว้อุปการะเป็นการชั่วคราวเพื่อสืบเสาะและพินิจเด็กและครอบครัว เพื่อกำหนดแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสมแก่เด็กแต่ละราย
"สถานสงเคราะห์" หมายความว่า สถานที่ให้อุปการะเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป
หมวด 1 คกก.คุ้มครองเด็ก
ม.7 ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
รมต.พม.เป็นประธานกรรมการ, ปลัดพม.เป็นรองประธานกรรมการ
ม.8 ให้สนง.ปลัด พม.ทำหน้าที่เป็นสนง.เลขานุการของคกก.
ม.16 ให้มีคกก.คุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร
ผว.กทม.เป็นประธานกรรมการ, ปลัดกทม.เป็นรองประธานกรรมการ
ม.17 ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด
ผว.จังหวัด เป็นประธานกรรมการ, รองผว.จังหวัดเป็นรองประธานกรรมการ
หมวด 2 การปฏิบัติต่อเด็ก
ม.22 การปฏิบัติต้อเด็กไม่ว่ากรณีใด ให้คํานึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสําคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เปนนธรรม
ม.25 ผู้ปกครองต้องไม่กระทำการ ดังต่อไปนี้
1) ทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานพยาบาลหรือไว้กับบุคลที่รับจ้างเลี้ยงเด็กหรือที่สาธารณะหรือสถานที่ใดๆ โดยเจตนาที่จะไม่รับเด็กกลับคืน
2) ละทิ้งเด็กไว้ ณ สถานที่ใดๆ โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลสวัสดิภาพหรือให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
3) จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งที่จําเป็นแก่การดํารงชีวิตหรือสุขภาพอนามัยจนน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
4) ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการของเด็ก
5) ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงดูโดยมิชอบ
หมวด 3 การสงเคราะห์เด็ก
ม.32 เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห้ได้แก่
1) เด็กเร่ร่อน หรือเด็กกําพร้า
2) เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง ณ ที่ใดที่หนึ่ง
3) เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้ด้วยเหตุใดๆ เช่น ถูกจําคุก กักขัง พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง ยากจน เป็นผู้เยาว์ หย่า ถูกทิ้งร้าง เป็นโรคจิตหรือโรคประสาท
4) เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพไม่เหมาะสมอันอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายหรือจิตใจของเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล
5) เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ กระทำหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ถูกทารุณกรรม หรือตกอยูในภาวะอื่นใดอันอาจให้เด็กมีความประพฤติเสื่อมเสียในทางศีลธรรมอันดี หรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือใจ
6) เด็กพิการ
7) เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก
8) เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด 4 การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
ม.40 เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพได้แก่
1) เด็กที่ถูกทารุณกรรม
2) เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
3) เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด 5 ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
หมวด 6 สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ
หมวด 7 การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
หมวด 8 กองทุนคุ้มครองเด็ก
หมวด 9 บทกำหนดโทษ