Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
คุณยายคำน้อย อายุ 68 ปี (Dx. Parkinson's disease (สาเหตุ…
คุณยายคำน้อย อายุ 68 ปี
ข้อมูลส่วนตัว
ผู้สูงอายุหญิงไทย อายุ 68 ปี น้ำหนัก 52 กิโลกรัม ส่วนสูง 159 เซนติเมตร ดัชนีมวลกาย 20.57 kg/m2 รูปร่างสมส่วน รอบเอว 78 เซนติเมตร ผิวคล้ำ รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการสับสน พูดตอบโต้ได้ดี รับรู้ บุคคล, วัน, เวลา, สถานที่ สีหน้าสดชื่น สามารถลุกนั่งและเดินเองได้ 10 ปีก่อน (พ.ศ.2553) เริ่มมีอาการมือเท้าสั่นและเกร็ง เคลื่อนไหวลำบาก ญาติจึงพาไปรักษาตามคลินิกต่างๆ อาการไม่ดีขึ้น ญาติจึงพาไปรับบริการตรวจรักษาที่ โรงพยาบาลอุดรธานี แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าเป็น โรคพาร์กินสัน, 3 ปีก่อน (พ.ศ.2560) มีอาการปวดที่หลังมากขึ้น เมื่อไปตรวจตามนัดที่โรงพยาบาลอุดรธานี แพทย์พบว่า มีภาวะโรคกระดูกพรุน แพทย์พิจารณาให้ยากระตุ้นการสร้างกระดูก โดยฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนังทุกวัน ร่วมกับการรับประทานยาแคลเซียมเป็นมาเวลา 2 ปี, 3 เดือนก่อน มีอาการเบื่ออาหาร กลืนลำบาก น้ำหนักลดลง 3 กิโลกรัม จาก 55 เหลือ 52 กิโลกรัม เริ่มมีอาการท้องผูก แพทย์แนะนำให้รับประทานผักผลไม้ เพื่อเพิ่มกากใยช่วยในการขับถ่าย และนัดติดตามอาการที่โรงพยาบาลอุดรธานีทุก 2 เดือน โดยจะมีบุตรสาวซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ทำงานในโรงพยาบาลอุดรธานี เป็นผู้มารับ-ส่งผู้สูงอายุให้ไปรับการตรวจรักษาตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันอาการของโรคพาร์กินสันในผู้สูงอายุมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น เมื่ออาการกำเริบและยาหมดฤทธิ์ จะมีอาการมือเท้าสั่นขณะพัก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เคลื่อนไหวลำบาก ผู้ดูแลหลัก คือ สามีมีหน้าที่ช่วยจัดยาให้ผู้สูงอายุรับประทานตามเวลาที่แพทย์สั่งและประกอบอาหารรับปประทานเองในครอบครัว
PI
ปัจจุบันมีโรคประจำตัว คือ พาร์กินสัน มีอาการสั่นทั่วร่างกาย มือและขาแข็งเกรง เคลื่อนไหวลำบากเมื่อยาหมดฤทธิ์ในการควบคุมอาการ รับประทานยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง ไปได้รับยาตามนัดทุกครั้งที่โรงพยาบาลอุดรานีทุก 1 เดือนครึ่ง
U/D
10 ปีก่อน (พ.ศ.2553) เริ่มมีอาการมือเท้าสั่นและเกร็ง เคลื่อนไหวลำบาก ญาติจึงพาไปรักษาตามคลินิกต่างๆ อาการไม่ดีขึ้น ญาติจึงพาไปรับบริการตรวจรักษาที่ โรงพยาบาลอุดรธานี แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าเป็น โรคพาร์กินสัน
3 ปีก่อน (พ.ศ.2560) มีอาการปวดที่หลังมากขึ้น เมื่อไปตรวจตามนัดที่โรงพยาบาลอุดรธานี แพทย์พบว่า มีภาวะโรคกระดูกพรุน แพทย์พิจารณาให้ยากระตุ้นการสร้างกระดูก โดยฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนังทุกวันร่วมกับการรับประทานยาแคลเซียมเป็นมาเวลา 2 ปี
3 เดือนก่อน มีอาการเบื่ออาหาร กลืนลำบาก น้ำหนักลดลง 3 กิโลกรัม จาก 55 เหลือ 52 กิโลกรัม เริ่มมีอาการท้องผูก แพทย์แนะนำให้รับประทานผักผลไม้ เพื่อเพิ่มกากใย ช่วยในการขับถ่าย
Dx. Parkinson's disease
พยาธิสภาพ
เป็นภาวะอาการในกลุ่มการเคลื่อนไหวผิดปกติ ที่มีอาการสั่นตามอวัยวะต่าง ๆ เคลื่อนไหวช้า และกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ไม่ยืดหยุ่น อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมอง หรือสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่าง ๆ ถูกทำลายจนเสียหาย โดยกระบวนการเสื่อมของสมองและการพัฒนาโรคจะค่อย ๆ เกิดขึ้นและค่อย ๆ ปรากฏอาการออกมาอย่างช้า ๆ แต่จะกระทบกับการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว
สาเหตุ
ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความชราภาพของสมอง ซึ่งพบว่าเซลล์สมองส่วนที่สร้างโดพามีน (Dopamine) ที่มีชื่อว่า “เซลล์ประสาทสีดำ” (Substantia nigra) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวที่อยู่ในส่วนลึกของก้านสมองมีการตายและลดจำนวนลง เป็นเหตุทำให้สมองพร่องสารโดพามีนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดอาการสั่น เกร็ง เคลื่อนไหวช้า และสูญเสียการทรงตัว
-
ยาต้านอาการทางจิต (Antipsychotic) โดยอาการของพาร์กินสันจะหายไปภายหลังการหยุดใช้ยา มีภาวะทางสมองอื่น ๆ เช่น โรคก้านสมองเสื่อม โรคประสาทเสื่อมหลายที่ ภาวะฐานของเปลือกสมองเสื่อม มีภาวะหลอดเลือดสมองขาดเลือด เป็นภาวะป่วยหนึ่งในโรคหลอดเลือดสมอง ที่ทำให้เซลล์สมองหลาย ๆ ส่วนถูกทำลายหรือเซลล์ตาย
-
-
-
-
อาการ
-
-
-
-
Pt. มีอาการสั่นทั่วร่างกาย มือและขาแข็งเกรง เคลื่อนไหวช้า ทรงตัวลำบากเมื่อยาหมดฤทธิ์ในการควบคุมอาการ และมีอาการนอนไม่หลับ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์
การรักษา
ยา
คาร์บิโดปา-ลีโวโดปา (Carbidopa-Levodopa) ยาลีโวโดปาเป็นสารเคมีธรรมชาติที่เมื่อผ่านเข้าสู่สมองแล้วจะกลายเป็นโดปามีนซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่วนคาร์บิโดปาเป็นยาที่ใช้รักษาร่วมกับลีโวโดปา โดยจะออกฤทธิ์ป้องกันไม่ให้โดปามีนถูกทำลายภายนอกสมอง Pt.ได้รับ Stalevo 200 mg
โดปามีน อะโกนิสต์ (Dopamine Agonists) เป็นยากระตุ้นตัวรับโดปามีน ทำงานต่างจากลีโวโดปาที่กลายเป็นโดปามีน แต่ยากลุ่มนี้จะทำหน้าที่แทนโดปามีนในร่างกาย เพื่อลดอาการที่เกิดจากภาวะพาร์กินสัน Pt.ได้รับ Pramipexole ER 0.375 mg
แคทิคอล-โอ-เมทิลทรานสเฟอเรส (ซีโอเอ็มที) (Catechol-O-Methyltransferase: COMT Inhibitors) เช่น Entacapone ยานี้จะช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานของยาลีโวโดปา ด้วยการป้องกันไม่ให้เอนไซม์ทำลายโดปามีนที่ถูกสร้างขึ้น Pt.ได้รับ Stalevo 200 mg
Anticonvulsant ที่ส่งผลต่อสารเคมีและระบบประสาทในสมองที่เป็นสาเหตุของอาการชัก และยังนำมาใช้รักษาอาการปลายประสาทอักเสบ Pt.ได้รับ Gabapentin 300 mg
-
-
การวินิจฉัย
ประเมินจากอาการที่ปรากฏ ประวัติทางการแพทย์ สอบถามเกี่ยวกับปัญหาในการใช้ชีวิตที่เกิดจากอาการเหล่านั้น และอาจทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย โดยให้ผู้ป่วยลองเดินไปรอบ ๆ หรือเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่าง ๆ โดยการป่วยพาร์กินสันต้องมีอาการที่เด่นชัดอย่างน้อย 2 ใน 4 กลุ่มอาการหลัก คือ อาการสั่น เคลื่อนไหวช้า และกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง สูญเสียการทรงตัว
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
Biological
Free Radical Theory
กระบวนการออกซิเดชั่นของ O๒ ที่ไม่สมบูรณ์ในกระบวนการเผาผลาญสารจำพวกโปรตีน, คาร์โบไฮเดรททำให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical substance) สามารถทำลายผนัง cell โดยโมเลกุลของอนุมูลอิสระเมื่อแตกออกเป็นอิสระจะจับกับโมเลกุลอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงทำให้โครงสร้างและหน้าที่ของ Cell เปลี่ยนไปอนุมูลอิสระเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีก เช่น มลภาวะเป็นพิษ,รังสี,อาหาร,บุหรี่
Pt. เคยประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งอาจได้รับสารเคมี ส่งผลให้Cell ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะสมองเกืดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของสมองได้
wear and tear theory
เป็นกระบวนการเกิดขึ้นเอง เป็นผลมาจากการทำหน้าที่ของร่างกายเป็นเวลานาน หรือจากการใช้งานมากเกินไปจะทำให้เกิดความเสื่อมโทรมตามมา เมื่อเซลล์สะสมความเสื่อมโทรมจนถึงระดับหนึ่งจะทำให้ร่างกายไม่สามารถทำหน้าที่ได้
Pt. มีอายุ 68 ปี เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งโรคพาร์กินสันเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป และจะพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย่างเข้าวัย 70 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความชราภาพของสมอง
Error theory
เซลล์มีอายุมากขึ้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในนิวเคลียสของเซลล์ โดยความผิดพลาดจะเกิดขึ้นในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของการถ่ายทอดข้อความ(transcription)ในกระบวนกาสังเคราะห์โปรตีนของ deoxyribonucleic acid (DNA) และ ribonucleic acid (RNA) ทำให้โปรตีนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่(polypeptide)และเอนไซม์มีลักษณะผิดไปจากเดิมผลที่ตามมาก็คือเซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ
Pt. ุ68 ปี เป็นผู้สูงอายุ อาจมีความชราภาพของเซลล์ในสมองได้ ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดการสร้างเซลล์สมองได้
Cross linking theory
เมื่อชรา สาร Fibrous Protein จะเพิ่มขึ้น และจับตัวกันมากขึ้นทำให้ collagen Fiber หดตัวขาดความยืดหยุ่นและจับกันไม่เป็นระเบียบมีผลให้ cell ตาย และเสียหน้าที่กระบวนการนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในระดับ DNA ของ cell โดยสาร cross link ที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีจะทำให้ DNA มีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อม
ผู้สูงอายุ อายุ 68 ปี เกิดความเสื่อมโทรมตามวัย ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อลดลง เมื่อมีการขยับแขนขา มีอาการข้อติดและข่อเข่าเสื่อม ทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบาก
ผู้สูงอายุ อายุ 68 ปี เกิดความเสื่อมโทรมตามวัย Collagen Fiber หดตัว ขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังสูญเสียหน้าที่ ส่งผลให้เกิดผิวหนังเหี่ยวย่น
accumulative theory
ความสูงอายุเป็นผลมาจากร่างกายมีการสะสมของเสียใน cell สารที่พบได้แก่ lipofuscin เป็นของเสียที่เกิดจาก เมตาบอลิซึมในเซลล์ เกิดการสะสมที่ละน้อย เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นจุด คือ age pigment หรือรงควัตถุชรา
Pt. พบ arcus senilis และ พบ Lentigo senilis ตามร่างกาย จากความชราภาพ ซึ่งอาจจะการสะสมทั่วร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการสะสมในสมอง จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติได้
Neuroendocrine Theory
เมื่อเข้าสู่วัยชรา การทำงานของระบบประสาทจะลดลง Reflex ต่างๆ จะเชื่องช้า ความจำจะเสื่อมลง ต่อมไร้ท่อทำงานลดลง
ผู้สูงอายุ อายุ 68 ปี มีเซลล์สมองส่วนที่สร้างโดพามีน (Dopamine) ที่มีชื่อว่า “เซลล์ประสาทสีดำ” (Substantia nigra) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวที่อยู่ในส่วนลึกของก้านสมองมีการตายและลดจำนวนลง เป็นเหตุทำให้สมองพร่องสารโดพามีนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดอาการสั่น เกร็ง เคลื่อนไหวช้า และสูญเสียการทรงตัว
Phychological
-
-
Maslow’s theory
Social belonging –อาจจะเรียกว่าความสัมพันธ์ ความรัก มิตรภาพ ครอบครัว ฯลฯ เพราะความต้องการที่ว่านี้คือเรื่องความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีกับคนอื่นๆ (ในสังคม) ซึ่งนั่นทำให้ตัวมนุษย์คนนั้นๆ รู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไม่ว่าสังคมนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม และนั่นทำให้มนุษย์พัฒนาความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ เช่นครอบครัว เพื่อน คนรัก ฯลฯ
Safety Needs – คือความต้องการที่รู้สึกปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวมากับมนุษย์ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ที่เราต้องล่าสัตว์ หาอาหาร และต้องระวังภัยต่างๆ พอเข้ามายุคที่มีอารยธรรม เราก็เจอเรื่องสงคราม การรุกราน พอยุคปัจจุบันเราก็เจอความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ฯลฯ และนั่นนำมาซึ่งความรู้สึกกลัวถึงความไม่มั่นคงต่างๆ ในชีวิตของมนุษย์ (เช่นมั่นคงทางการงาน การเงิน สุขภาพ ฯลฯ)
-
-
Disengagement theory
ผู้สูงอายุและสังคมจะลดบทบาทซึ่งกันและกัน อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความต้องการของร่างกายและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากยอมรับว่าตนเองมีความสามารถลดลง สุขภาพเสื่อมลงจึงถอยหนีจากสังคมเพื่อลดความเครียดและรักษาพลังงาน พอใจกับการไม่เกี่ยวข้องกับสังคมต่อไป เพื่อถอนสภาพและบทบาทของตนให้แก่ชนรุ่นหลัง
เดิมผู้สูงอายุเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมและประกอบอาชีพ แต่ปัจจุบันไม่สามารถออกไปทำงานได้เช่นเดิมและกลายเป็นคนติดบ้าน จะเข้าสังคมลดน้อยลงแค่ตอนเช้า คือการไปวัดทำบุญพบปะเพื่อนบ้าน และกลับมาพักผ่อนที่บ้านกับคุณตาสองคน เนื่องจากพยาธิสภาพของโรคทำให้การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม