Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 (หมวด…
พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
(๑) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓
(๓) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๘
(๒) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี
“ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการบรรจุและ แต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณแผ่นดิน งบ
บุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือนในกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงวัฒนธรรม หรือกระทรวงอื่นที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
“ข้าราชการครู” หมายความว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งท าหน้าที่หลักทางด้านการเรียน
การสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาของรัฐ
“คณาจารย์” หมายความว่า บุคลากรซึ่งท าหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยใน
สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ
“บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ท าหน้าที่ให้บริการือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัด
กระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ การบริหารการศึกษา และปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงาน
การศึกษา
“วิชาชีพ” หมายความว่า วิชาชีพครู วิชาชีพบริหารการศึกษา และวิชาชีพบุคลากรทาง
การศึกษาอื่น
“เขตพื้นที่การศึกษา” หมายความว่า เขตพื้นที่การศึกษาตามประกาศกระทรวง
“หน่วยงานการศึกษา”
หมายความว่า
(๑) สถานศึกษา
(๒) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๓) สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน
(๔) แหล่งการเรียนรู้ตามประกาศของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๕) หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการหรือตาม
ประกาศกระทรวง หรือหน่วยงานที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
กำหนด
มาตรา ๕ บรรดาคำว่า “ข้าราชการพลเรือน” ี่มีอยู่ในกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ
และข้อบังคับอื่นใด ให้หมายความรวมถึงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย เว้นแต่
จะได้มีกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ หรือข้อบังคับอื่นใดที่บัญญัติไว้ส าหรับข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่มีปัญหาขัดแย้งหรือการที่จะต้องตีความในปัญหาเกี่ยวกับข้าราชการครู ตาม
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓ และข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงซึ่ง
ตามพระราชบัญญัตินี้ก าหนดให้เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ยกเว้นข้าราชการ
ครูและข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล มหาวิทยาลัยราชภัฏ
สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และเป็นกรณีที่พระราชบัญญัตินี้มิได้ก าหนดให้คณะกรรมการ บริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือองค์กรใดเป็นผู้ก าหนดหรือ
วินิจฉัยชี้ขาด ให้เป็นอ านาจหน้าที่ของรัฐมนตรีเป็นผู้ก าหนดหรือวินิจฉัยชี้ขาด
หมวด ๑
คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา” เรียกโดยย่อว่า “ก.ค.ศ.” ประกอบด้วย
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ
(๒) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ
(๓)กรรมการโดยตำแหน่งจำนวนแปดคน
(๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเก้าคน
(๕)กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมาจากการเลือกตั้งจำนวนสิบสองคน
มาตรา ๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ากว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ และไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
(๓) ไม่เป็นผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมือง
(๔) ไม่เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(๕) ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ ที่ปรึกษา หรือผู้มีตาแหน่งบริหารในพรรคการเมือง
(๖) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบอาชีพ
มาตรา ๙ กรรมการผู้แทนผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้องมีคุณสมบัติ
ดังต่อไปนี้
(๑) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่เคยถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพ มาก่อน
(๒) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ
เสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบอาชีพ
มาตรา ๑๐ กรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้บริหารสถานศึกษาที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นในหน่วยงานการศึกษา ตามที่ ก.ค.ศ. กาหนดต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่เคยถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มาก่อน
(๒) มีประสบการณ์ด้านการบริหารในตาแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้บริหารสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นในหน่วยงานการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี
(๓) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบอาชีพ
มาตรา ๑๑ กรรมการผู้แทนข้าราชการครูต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่เคยถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มาก่อน
(๒) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในวิทยฐานะไม่ต่ากว่าครูชานาญการหรือเทียบเท่าหรือมีประสบการณ์การสอนเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี
(๓) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบอาชีพ
มาตรา ๑๒ กรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่นต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ากว่าระดับปริญญาตรี
(๒) มีประสบการณ์ด้านสนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทาหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ การบริหารการศึกษา และปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานการศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี
(๓) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบอาชีพ
มาตรา ๑๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งใหม่ไดอีก แต่
จะดารงตาแหน่งติดต่อกันเกินกว่าสองวาระมิได้
มาตรา ๑๔ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออกโดยยื่นหนังสือลาออกต่อประธานกรรมการ
(๓) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕) ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๘
(๗) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออก
(๖) ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา ๑๕ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออกโดยยื่นหนังสือลาออกต่อประธานกรรมการ
(๓) พ้นจากการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(๔) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒
(๕) ถูกถอดถอนโดยรัฐมนตรีตามมติของ ก.ค.ศ. ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด เมื่อปรากฏว่ามีความประพฤติไม่เหมาะสมกับตาแหน่งหน้าที่ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ หรือมีเจตนากระทาการโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ยุติธรรม หรือใช้อานาจหน้าที่ที่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนมีการถอดถอน ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นสอบสวน
(๖)มิได้เป็นผู้ดารงตาแหน่งหรือเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ผู้สอนใน
หน่วยงานการศึกษา หรือบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามที่ตนได้รับเลือก
มาตรา ๑๖ การประชุม ก.ค.ศ. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวน
กรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
มาตรา ๑๗ ก.ค.ศ.มีอานาจตั้งคณะอนุกรรมการวิสามัญ เรียกโดยย่อว่า “อ.ก.ค.ศ.
วิสามัญ”เพื่อทาการใด ๆ แทน ก.ค.ศ. หรือทาหน้าที่เช่นเดียวกับคณะอนุกรรมการอื่นที่
กาหนดตามพระราชบัญญัตินี้ได้
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๗ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะเป็น
กรรมการใน ก.ค.ศ. อนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรืออนุกรรมการอื่นตาม
พระราชบัญญัตินี้ในขณะเดียวกันมิได้ เว้นแต่การเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการโดยตำแหน่ง
มาตรา ๑๙ ให้ ก.ค.ศ. มีอานาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแนะและให้คาปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการผลิตและการ
บริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้
(๒) กาหนดนโยบาย วางแผน และกาหนดเกณฑ์อัตรากาลังของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งให้ความเห็นชอบจานวนและอัตราตาแหน่งของหน่วยงาน
การศึกษา
(๓) เสนอแนะและให้คาปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในกรณีที่ค่าครองชีพเปลี่ยนแปลงไป
มาก
(๔) ออกกฎ ก.ค.ศ. ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการบริหารงาน
บุคคล
(๕) พิจารณาวินิจฉัยตีความปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
(๖) พัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานการบริหารงานบุคคล รวมทั้งการพิทักษ์
ระบบคุณธรรมของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(๗) กาหนดวิธีการและเงื่อนไขการจ้างเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ใน
ตาแหน่งครูและบุคลากรทางการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาคลากรทางการศึกษาในหน่วยงานการศึกษา
(๘) ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนา การเสริมสร้างขวัญกาลังใจ และการยกย่องเชิดชู
เกียรติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(๙) ส่งเสริม สนับสนุนให้มีการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์เกื้อกูลอื่นแก่ข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษา
(๑๐) พิจารณาตั้ง อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และคณะอนุกรรมการอื่นเพื่อปฏิบัติ
หน้าที่ตามที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย
(๑๑) ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน ให้คาปรึกษา แนะนาและชี้แจงด้านการ
บริหารงานบุคคลแก่หน่วยงานการศึกษา
(๑๒) กาหนดมาตรฐาน พิจารณา และให้คาแนะนาเกี่ยวกับการดาเนินการทางวินัย การ
ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ตามที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
(๑๓) กากับ ดูแล ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการบริหารงานบุคคลของ
ข้าราชการครู
(๑๔)ในกรณีที่ปรากฏว่าส่วนราชการ พระราชบัญญัตินี้หรือปฏิบัติการโดยไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม หรือปฏิบัติการโดยขัดหรือแย้ง กับกฎหมายกฎ ก.ค.ศ. ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ให้ ก.ค.ศ. มีอานาจยับยั้งการปฏิบัติการดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว
(๑๕) พิจารณารับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา
(๑๖) กาหนดอัตราค่าธรรมเนียมในเรื่องการปฏิบัติการต่างๆ ตามที่กำหนดใน
พระราชบัญญัตินี้
(๑๗) พิจารณาจัดระบบทะเบียนประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติเกี่ยวกับวัน เดือน ปี
เกิด และควบคุมการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(๑๘) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายอื่น
มาตรา ๒๐ ให้มีสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียก โดยย่อว่า “สานักงาน ก.ค.ศ.” โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกโดยย่อว่า “เลขาธิการ ก.ค.ศ.” ซึ่งมีฐานะเป็นอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและบริหารราชการของสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๒๑ ให้มีคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจาเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เรียกโดยย่อว่า “อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา”และคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจาเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเรียกโดยย่อว่า “อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา” สาหรับแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา ๒๒ การประชุมของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ให้นาความในมาตรา ๑๖
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๒๓ ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามีอานาจและหน้าที่
มาตรา ๒๔ ให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้บริหารราชการในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา ๒๕ ในส่วนราชการอื่นนอกจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ ก.ค.ศ. ตั้ง อ.ก.ค.ศ. เพื่อทาหน้าที่บริหารงานบุคคลสาหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในส่วนราชการนั้น ทั้งนี้ การตั้ง การพ้นจากตาแหน่งและขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๒๖ ให้คณะกรรมการสถานศึกษา มีอานาจและหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงาน
บุคคลสาหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา
มาตรา ๒๗ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาในสถานศึกษา และมีอำนาจและหน้าที่
มาตรา ๒๘ ให้ผู้บริหารหน่วยงานการศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดเป็นผู้บังคับบัญชาและบริหารหน่วยงาน และให้นามาตรา ๒๗ มาใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวโดยอนุโลม
หมวด ๒
บททั่วไป
มาตรา ๒๙ การดาเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีโดยยึดถือระบบคุณธรรม ความเสมอภาคระหว่างบุคคล และหลักการได้รับการปฏิบัติและการคุ้มครองสิทธิอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
มาตรา ๓๐ ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาสาหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ซึ่งจะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป
มาตรา ๓๑ อัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๓๒เพื่อประโยชน์ในการออมทรัพย์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาคณะรัฐมนตรีอาจวางระเบียบและวิธีการให้กระทรวงการคลังหักเงินเดือนของ
ข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นเงินสะสมก็ได้โดยคิดดอกเบี้ยเงินสะสมนั้นให้ในอัตราไม่ต่า
กว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจาของธนาคารพาณิชย์
มาตรา ๓๓ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอาจได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งที่
มีเหตุพิเศษตามระเบียบที่ ก.ค.ศ. กาหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๓๔ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อาจได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพ
ชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๓๕ วันเวลาทางาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจาปี และการลาหยุดราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นไปตามที่ ก .ค.ศ.กาหนด ในกรณี ก.ค.ศ. ยังมิได้กาหนด ให้นาหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่ใช้กับข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๓๖ เครื่องแบบของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและระเบียบการ
แต่งเครื่องแบบให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้น
มาตรา ๓๗ บาเหน็จบานาญข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นไปตาม
กฎหมายว่าด้วยการนั้น
หมวด ๓การกำหนดตำแหน่งวิทยฐานะ และการให้ได้รับเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่ง
มาตรา ๓๘ ตาแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามี ๓ ประเภท
ก. ตาแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในหน่วยงานการศึกษา
(๒) ครู
(๑) ครูผู้ช่วย
(๓) อาจารย์
(๔) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(๕) รองศาสตราจารย์
(๖) ศาสตราจารย์
(๑) รองผู้อานวยการสถานศึกษา
(๒) ผู้อานวยการสถานศึกษา
(๓) รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๔) ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๕) ตาแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๓๙ ให้ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาดังต่อไปนี้ เป็นตาแหน่ง
ที่มีวิทยฐานะ ได้แก่
ก. ตำแหน่งครู มีวิทยฐานะ ดังต่อไปนี้
(๑) ครูชานาญการ
(๒) ครูชำนาญการพิเศษ
(๓) ครูเชี่ยวชาญ
(๔) ครูเชี่ยวชาญพิเศษ
ข. ตาแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา มีวิทยฐานะ ดังต่อไปนี้
(๑) รองผู้อานวยการชานาญการ
(๒) รองผู้อานวยการชานาญการพิเศษ
(๓) รองผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
(๔) ผู้อำนวยการชานาญการ
(๕) ผู้อำนวยการชานาญการพิเศษ
(๖) ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
(๗) ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ
ค. ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา มีวิทยฐานะ ดังต่อไปนี้
(๑) รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาชานาญการพิเศษ
(๒) รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ
(๓) ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ
(๔) ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญพิเศษ
ง. ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ มีวิทยฐานะ ดังต่อไปนี้
(๑) ศึกษานิเทศก์ชานาญการ
(๒) ศึกษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ
(๓) ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
(๔) ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ
จ. ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้มีวิทยฐานะ
มาตรา ๔๐ ให้ตาแหน่งคณาจารย์ดังต่อไปนี้ เป็นตาแหน่งทางวิชาการ
(ก) อาจารย์
(ง) ศาสตราจารย์
(ค) รองศาสตราจารย์
(ข) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
มาตรา ๔๑ ตาแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จะมีในหน่วยงานการศึกษาใดจานวนเท่าใด และต้องใช้คุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่งอย่างใด ให้เป็นไปตามที่ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๔๒ ให้ ก.ค.ศ. จัดทามาตรฐานตาแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะ และมาตรฐานตาแหน่งทางวิชาการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้เป็นบรรทัดฐานทุกตำแหน่งทุกวิทยฐานะเพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ โดยคานึงถึงมาตรฐานวิชาชีพ คุณวุฒิการศึกษา การอบรม ประสบการณ์ ระยะเวลาการปฏิบัติงาน คุณภาพการปฏิบัติงาน หรือผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่
มาตรา ๔๓ ให้ ก.ค.ศ.หรือผู้ที่ ก.ค.ศ. มอบหมายตรวจสอบการกาหนดตาแหน่งและ
การใช้ตาแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เหมาะสม
มาตรา ๔๔ ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจาตาแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจาตาแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
หมวด ๔
การบรรจุและการแต่งตั้ง
มาตรา ๔๕ การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เพื่อแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งใดให้บรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้สาหรับตาแหน่งนั้น โดย
บรรจุและแต่งตั้งตามลาดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
มาตรา ๔๖ ผู้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาตาแหน่งใดต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา ๓๐ และต้องมีคุณสมบัติเฉพาะ
สาหรับตาแหน่งตามมาตรฐานตาแหน่งนั้นตามมาตรา ๔๒
มาตรา ๔๗ ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ดาเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและ
แต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๔๘ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาหรือหน่วยงานการศึกษาอาจรับสมัคร
สอบแข่งขันเฉพาะบุคคลที่มีคุณสมบัติพิเศษในสาขาวิชาใดได้ทั้งนี้ ผู้สมัครสอบแข่งขันต้องมี
คุณสมบัติพิเศษในสาขาวิชานั้นๆ ตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๔๙ ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๔
มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ หากภายหลังปรากฏว่าผู้นั้นขาดคุณสมบัติทั่วไป หรือ
ขาดคุณสมบัติตามมาตรฐานตาแหน่งตามมาตรา๔๒ หรือขาดคุณสมบัติพิเศษตามมาตรา ๔๘
อยู่ก่อนก็ดี หรือมีกรณีต้องหาอยู่ก่อนและภายหลังปรากฏว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเนื่องจากกรณีต้องหานั้นก็ดี ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการโดยพลัน
มาตรา ๕๐ ในกรณีที่มีความจาเป็นหรือมีเหตุพิเศษที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาไม่
สามารถดาเนินการสอบแข่งขันได้
มาตรา ๕๑ หน่วยงานการศึกษาใดมีเหตุผลและความจาเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่
ราชการที่จะต้องบรรจุและแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีความรู้ความสามารถมีความชานาญหรือเชี่ยวชาญระดับสูงเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้หน่วยงานการศึกษาดาเนินการขอความเห็นชอบจาก อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาก่อน แล้วให้ขออนุมัติจาก ก.ค.ศ
มาตรา ๕๒ นอกจากการบรรจุและแต่งตั้งเพื่อให้บุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษาแล้ว ก.ค.ศ.อาจกาหนดให้ตาแหน่งข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาบางตาแหน่งเป็นสัญญาจ้างปฏิบัติงานรายปีหรือโดยมีกาหนดเวลาตามระเบียบที่ก.ค.ศ. กาหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง หรือเป็นพนักงานราชการ โดยไม่ต้อง
เป็นข้าราชการก็ได้
มาตรา ๕๓ ภายใต้บังคับมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๘มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๕๔ การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะใด และการ
เลื่อนเป็นวิทยฐานะใดต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิทยฐานะตามมาตรา ๔๒
มาตรา ๕๕ ให้มีการประเมินตาแหน่งและวิทยฐานะสาหรับตาแหน่งที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นระยะๆ เพื่อดารงไว้ซึ่งความรู้ ความสามารถ ความชานาญการ หรือความเชี่ยวชาญในตาแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง
มาตรา ๕๖ผู้ใดได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาและแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๕๐
ให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการในตาแหน่งนั้น
มาตรา ๕๗ การเปลี่ยนตาแหน่ง การย้ายและการโอนของข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาให้เป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๕๘ การโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นที่มิใช่พนักงานวิสามัญ และการโอนข้าราชการอื่นที่มิใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้ และมิใช่ข้าราชการการเมือง มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อาจทาได้หากบุคคลนั้นสมัครใจ
มาตรา ๕๙ การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดไปดารงตาแหน่งในหน่วยงานการศึกษาอื่นภายในส่วนราชการหรือภายในเขตพื้นที่การศึกษาหรือต่างเขตพื้นที่การศึกษาต้องได้รับอนุมัติจากอ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ของผู้
ประสงค์ย้ายและผู้รับย้าย
มาตรา ๖๐ ภายใต้บังคับตามมาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๙ ให้ ก.ค.ศ. ดาเนินการให้มีการสับเปลี่ยนหน้าที่หรือย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งดารงตาแหน่งผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือตาแหน่งที่มีลักษณะบริหารตามที่ ก .ค.ศ.กาหนด โดยยึดหลักการให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตาแหน่งใดตาแหน่งหนึ่งดังกล่าวได้ไม่เกินสี่ปี เว้นแต่มีเหตุผลและความจาเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการจะให้ปฏิบัติหน้าที่ติดต่อในคราวเดียวกันได้คราวละหนึ่งปีแต่ต้องไม่เกินหกปี ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๖๑ การเลื่อนตาแหน่งบุคลากรทางการศึกษาซึ่งเป็นตาแหน่งที่มิได้กาหนดให้มีวิทยฐานะเพื่อให้ได้รับเงินเดือนในระดับที่สูงขึ้น ให้กระทาได้โดยการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกคัดเลือก หรือประเมินด้วยวิธีการอื่น
มาตรา ๖๒ การแต่งตั้งบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา ๖๑ สาหรับผู้สอบแข่งขันได้
ให้แต่งตั้งตามลาดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
มาตรา ๖๓ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดได้รับการแต่งตั้ง ให้เลื่อนตาแหน่งหรือเลื่อนวิทยฐานะ โดยไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานตาแหน่ง หรือมาตรฐานวิทยฐานะหรือไม่ผ่านกระบวนการเลื่อนตาแหน่งหรือกระบวนการเลื่อนวิทยฐานะตามกฎหมายหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กาหนดหรือผู้สั่งสั่งไม่ถูกต้องหรือไม่มีอานาจสั่ง ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งให้ผู้นั้นกลับไปดารงตาแหน่งหรือวิทยฐานะเดิมโดยพลัน
มาตรา ๖๔ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดออกจากราชการไปแล้ว และมิใช่เป็นการออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ถ้าสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและทางราชการประสงค์จะรับผู้นั้นเข้ารับราชการ ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้นั้นเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยให้มีตาแหน่ง วิทยฐานะ และรับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๖๕ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ออกจากราชการไปปฏิบัติงานใดและให้นับเวลาระหว่างนั้นสาหรับคานวณบาเหน็จบานาญเหมือนเป็นเวลาราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ ถ้าผู้นั้นกลับเข้ารับราชการภายในกาหนดเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่ไม่เกินสี่ปีนับแต่วันไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้นั้นเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้มีตาแหน่ง วิทยฐานะ และรับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กาหนด
มาตรา ๖๖ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการเพื่อ
ไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
มาตรา ๖๗ พนักงานส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นที่ไม่ใช่พนักงานวิสามัญ หรือไม่ใช่ข้าราชการหรือพนักงานซึ่งออกจากงานในระหว่างทดลองปฏิบัติงานหรือข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและไม่ใช่ข้าราชการการเมือง ข้าราชการวิสามัญ หรือข้าราชการซึ่งออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ผู้ใดออกจากงานหรือออกจากราชการไปแล้ว ถ้าสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและทางราชการประสงค์รับผู้นั้นเข้ารับราชการ ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓
มาตรา ๖๘ ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการถ้าตาแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตาแหน่งใดว่างลง หรือผู้ดารงตาแหน่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไปรักษาการในตาแหน่งนั้นได้
มาตรา ๖๙ ในกรณีที่มีความจาเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ก.ค.ศ. อาจเสนอแนะต่อหัวหน้าส่วนราชการ ให้สั่งให้ข้าราชการผู้ใดไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานการศึกษาใดเป็นการชั่วคราวได้
มาตรา ๗๐ ในกรณีที่มีเหตุผลความจาเป็นหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีอานาจสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจาส่วนราชการ หรือสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา แล้วแต่กรณี เป็นการชั่วคราว โดยให้พ้นจากตาแหน่งหน้าที่เดิมได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎ ก.ค.ศ.
มาตรา ๗๑ในกรณีที่มีเหตุผลความจาเป็นหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้อานวยการ
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอานาจสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ้นจากตาแหน่งหน้าที่และขาดจากอัตราเงินเดือนในตาแหน่งเดิม โดยให้ได้รับเงินเดือนในอัตรากาลังทดแทนที่ ก.ค.ศ. กาหนดได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎ ก.ค.ศ.
.