Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เทคนิคการให้คำปรึกษา 12 ประการ (Techniques…
เทคนิคการให้คำปรึกษา 12 ประการ
(Techniques Counseling)
1.) การเริ่มต้นให้คำปรึกษา (Opening The Interview)
การอ่าน คือ การรับรู้ความหมายจากถ้อยคำที่ตีพิมพ์อยู่ในสิ่งพิมพ์หรือในหนังสือ เป็นการรับรู้ว่าผู้เขียนคิดอะไรและพูดอะไร โดยเริ่มต้นทำความเข้าใจถ้อยคำแต่ละคำเข้าใจวลี เข้าใจประโยค ซึ่งรวมอยู่ในย่อหน้า เข้าใจแต่ละย่อหน้า ซึ่งรวมเป็นเรื่องราวเดียวกัน
กระบวนการอ่านมี 4 ขั้นตอน
ขั้นแรก
การอ่านออก อ่านได้ หรืออ่านออกเสียงได้ถูกต้อง
ขั้นที่สอง
การอ่านแล้วเข้าใจ ความหมายของคำ วลี ประโยค สรุปความได้
ขั้นที่สาม การอ่านแล้วรู้จักใช้ความคิด วิเคราะห์ วิจารณ์และออกความเห็นในทางที่ขัดแย้งหรือเห็นด้วยกับผู้เขียนอย่างมีเหตุผล
ขั้นที่สี่ คือการอ่านเพื่อนำไปใช้ ประยุกต์ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดังนั้นผู้ที่อ่านได้และอ่านเป็นจะต้องใช้กระบวนการทั้งหมดในการอ่านที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คุณค่าของการอ่าน
วัตถุประสงค์ในการอ่านของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันออกไป เช่น อ่านเพื่อความรู้ อ่านเพื่อให้เกิดความคิด อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน อ่านเพื่อความจรรโลงใจ เป็นต้น ซึ่งผู้อ่านจำเป็นต้องทราบจุดมุ่งหมายของการอ่านนั้นๆ ไว้ก่อนการอ่านทุกครั้ง อย่างไรก็ตามการอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการช่วยให้ได้รับข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
การเตรียมพร้อมเพื่อการอ่าน
การอ่านจะดำเนินไปได้ดีเพียงใดขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และองค์ประกอบที่อยู่ภายในร่างกาย การอ่านท่ามกลางบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม จะนำมาซึ่งประสิทธิและประสิทธิผลในการอ่าน ทั้งนี้ควรคำนึงถึง
การจัดสถานที่และสิ่งแวดล้อม สถานที่ที่เหมาะกับการอ่านควรมีความเงียบสงบ ตัดสิ่งต่างๆ ที่รบกวนสมาธิออกไป มีอุณหภูมิและแสงสว่างที่เหมาะสม
การจัดท่าของการอ่าน ตำแหน่งของหนังสือควรอยู่ห่างประมาณ 35-45 เซนติเมตร และหน้าหนังสือจะต้องตรงอยู่กลางสายตา
การจัดอุปกรณ์ช่วยในการอ่าน การอ่านอาจมีอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น กระดาษสำหรับบันทึกดินสอ ปากกา ดินสอสี
การจัดเวลาที่เหมาะสม สำหรับนักศึกษาที่ต้องมีการทบทวนบทเรียนควรอ่านหนังสือในช่วงที่เหมาะสมคือช่วงที่ที่ไม่ดึกมาก คือ ตั้งแต่ 20.00 – 23.00 น.
การเตรียมตนเอง ได้แก่ การทำจิตใจให้แจ่มใส มีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจ และมีสมาธิในการอ่าน
การกำหนดจุดมุ่งหมายการอ่าน
อ่านเพื่อความรู้พื้นฐาน เป็นการอ่านเพื่อรู้เรื่องโดยสังเขป
อ่านเพื่อรวบรวมข้อมูล เป็นการอ่านให้เข้าในเนื้อหาสาระ และจัดลำดับความคิดได้ เพื่อสามารถรวบรวม และบันทึกข้อมูลสำหรับเขียนรายงาน
อ่านเพื่อหาแนวคิด หมายถึง การอ่านเพื่อรู้ว่าสิ่งที่อ่านนั้นมีแนวคิดหรือสาระสำคัญอย่างไร จะนำไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ ในลักษณะใด เช่น การอ่านบทความ และสารคดีเพื่อหาหัวข้อสำหรับเขียนโครงร่างรายงาน
อ่านเพื่อวิเคราะห์หรือวิจารณ์ คือการอ่านเพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งพอที่จะนำความรู้ไปใช้ หรือแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องที่อ่านได้ เช่น การอ่านบทความที่แสดงความคิดเห็น การอ่านตารางและรายงาน
วิธีการอ่านที่เหมาะสม
การอ่านสำรวจ
การอ่านข้าม
การอ่านผ่าน
การอ่านจับประเด็น
การอ่านสรุปความ
การอ่านวิเคราะห์
เทคนิค SQ3R เพื่อการอ่านหนังสืออย่างมีประสิทธิภาพ
Q = Question ตั้งคำถาม
ตั้งคำถาม (Question) เมื่อเราได้สำรวจเบื้องต้นแล้ว ก็ควรจะตั้งคำถามตนเองเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านสายตาว่า มีเนื้อหาอะไรบ้าง หัวข้อแต่ละบทนั้นหมายความว่าอะไร
R = Read อ่าน
อ่าน (Read) จะเป็นการอ่านอย่างละเอียด เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่ตั้งไว้ ในการอ่านจะต้องรู้ว่าอะไรคือความคิดหลักของบทนั้นๆ และอย่ามองข้ามพวกภาพตารางหรือกราฟที่อธิบายเรื่องต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจและจดจำได้รวดเร็วขึ้น
S = Survey สำรวจ
สำรวจ (Survey) ทำได้ง่ายๆคือ เมื่อเราจะอ่านหนังสือสักเล่มหนึ่ง อย่างหนังสือเรียน ก็ควรจะเริ่มสำรวจหนังสือเล่มนั้น เพื่อดูแนวทางกว้างๆก่อน โดยอ่านคำนำ สารบัญ จากนั้นสำรวจบทต่างๆของหนังสือ
R = Review ทบทวน)
คือการตรวจสอบความถูกต้องในการจำสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เป็นสิ่งสำคัญในการเรียนที่ควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอให้เป็นกิจนิสัย โดยการปฏิบัติ 4 ขั้นตอนดังกล่าวซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และการทบทวนเที่ยวแรกควรทำภายหลังอ่านหนังสือเล่มนั้นจบโดยเร็วที่สุด
R = Recite ท่อง
หลังจากที่เราอ่านจบในแต่ละบท แต่ละหัวข้อแล้ว ให้หยุดเป็นระยะจากนั้นพยายามทบทวนความจำว่าอ่านอะไรไปบ้าง การท่องเพื่อทวนความจำนี้คือการรวบรวมวิชาความรู้เข้าไปเก็บไว้ในสมองอย่าง ถาวร