Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สายสะดือพลัดต่ำ / สายสะดือย้อย ( Umbilical cord prolapse ) (ปัจจัยส่งเสริม…
สายสะดือพลัดต่ำ / สายสะดือย้อย ( Umbilical cord prolapse )
ปัจจัยส่งเสริม
ถุงน้ำคร่ำแตก
Hydramnios
Malpresentation
Fetal abnomalities
Multiple pregnancy
Prematurity
การทำ amnioinfusion
Low birth weight น้อยกว่า 1.5 kg
การหมุนกลับของท่าเด็กทางหน้าท้อง
สายสะดือยาวกว่าปกติมากกว่า 75 cm
มีการกดทับของสายสะดือ
ภาวะที่สายสะดือทารกในครรภ์เคลื่อนพลัดต่ำมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำ หรือมาอยู่ด้านข้างส่วนนำ ทำให้สายสะดือถูกกดระหว่างส่วนนำกับกระดูกเชิงกราน ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลผ่านไปยังทารกได้
ขณะรอคลอดได้รับการตรวจ EFM ลักษณะผลการตรวจ การเต้นของหัวใจทารกบ่งบอกว่าการเต้นผิดปกติ คือ ช้ากว่าปกติอย่างชัดเจน FHS 90 – 110 ครั้ง/นาที ขณะที่มดลูกหดรัดตัว และ FHS จะอยู่ในอัตราปกติเมื่อมดลูกคลายตัว ลักษณะกราฟที่บันทึกได้จากการตรวจ EFM มีลักษณะเป็น early deceleration ซึ่งบอกได้ว่าทารกผิดปกติ อยู่ในกลุ่มที่ 3 (Category III) (Non-reassuring pattern)
Early deceleration คือ การลดลงของ FHR อย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปและกลับคืนสู่ baseline อย่างช้า ๆ สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
การพยาบาลเมื่อทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน
เตรียมผู้คลอดสำหรับการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตการหรือการผ่าตัดคลอด
หยุดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ดูแลให้ออกซิเจนและสารละลายทางหลอดเลือดดำเมื่อพบว่าเสียงหัวใจทารกผิดปกติหรือพบขี้เทาในน้ำคร่ำ
ประเมินและบันทึกเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่องด้วย electronic fetal monitoring
จัดให้นอนตะแคงซ้ายเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรก
รายงานกุมารแพทย์และเตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพทารกให้พร้อมใช้
อธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบถึงภาวะที่เกิดขึ้นภาวะแทรกซ้อนและแผนการรักษา เพื่อลดความวิตกกังวล
การพยาบาลที่ให้กับมารดา
จัดท่านอนให้มารดานอนตะแคงซ้าย หยุดการให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ประเมินและบันทึกเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่อง รายงานแพทย์ เตรียมความพร้อมมารดาผ่าตัดคลอดผ่านทางหน้าท้องรายงานกุมารแพทย์
แรกเกิดทารกเขียวปลายมือปลายเท้า เช็ดตัวกระตุ้น Suction clear airway ได้ secretion ประมาณ 2 cc HR > 100 ครั้ง/นาที Active ดีร้องเสียงดังอัตราการหายใจ หายใจปกติสม่ำเสมอ ดูแลKeep warm T= 36.9 องศา PR= 140 ครั้ง/นาที RR =46 ครั้ง/นาที O2 = 98% ดูแลตัดสะดือและเช็ดสะดือ ฉีด Hepatitis B Vaccine ขาข้างขวา และฉีด Vitamin K 1 mg ขาข้างซ้าย และ Keep warm โดยการห่อตัวทารกและวางไว้ที่Radiant warmer Incubator และนำเด็กไปส่งที่ สูติกรรม
มารดา G1P0P0A0L0 GA 38+2 Wks เจ็บครรภ์คลอดร่วมกับมีน้ำเดินก่อนมาโรงพยาบาล 2 ชั่วโมง
แพทย์ตรวจเยี่ยมอาการพิจารณาให้ 5%DN/2 1,000ml + syntocinon 20 unit vein100 cc/hr.
ออกซิโทซิน (oxytocin) เป็นเปปไทด์ฮอร์โมน และนิวโรเปปๆทด์ โดยปกติออกซิโทซิน มีการสร้างจาก paraventricular nucleus และจากต่อมไฮไพทาลามัส (hypothalamus) หลั่งโดยการควบคุมของต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior pituitary gland) มีบทบาทเกี่ยวข้องกับความรู้สึกผูกพัน ระบบสืบพันธุ์ทั้งเพศชายและเพศหญิงทั้งในระหว่างและหลังคลอด ออกซิโทซินหลังเข้าสู่กระแสเลือด ทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนที่ตอบสนองต่อการหดตัวของมดลูกในระหว่างคลอด และเป็นฮอร์โมนกระตุ้นน้ำนมในระหว่างการให้นมบุตร ออกซิโทซินมีส่วนช่วยในการคลอดบุตร ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกหลังคลอด และช่วยในการสร้างน้ำนม
อาการข้างเคียง
ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Oxytocin
ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ส่งผลต่อตัวอ่อนหรือทารกแรกเกิด (ได้แก่ ดีซ่าน หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้า ผลต่อสมอง ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง อาการชัก เลือดออกในตา) ส่งผลต่อมารดา (ได้แก่ ความดันโลหิตต่ำชั่วคราว หัวใจเต้นเร็ว ระคายเคืองจมูก น้ำมูกไหล น้ำตาไหล เลือดออกที่บริเวณช่องคลอด ช่องคลอดหดตัว ช่องคลอดหดเกร็ง คลื่นไส้อาเจียน อาการอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ได้แก่ ภาวะน้ำเป็นพิษในมารดา การหดตัวของช่องคลอดเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้ตัวอ่อนขาดออกซิเจน อาจนำไปสู่การเสียชีวิต
Fetal distress
สาเหตุ
Umbitical cord compression** คือ ภาวะที่สายสะดือถูกกดขณะมดลูกมีการหดรัดตัวทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะ fetal distress ที่พบบ่อยที่สุดพบในรายที่มีภาวะน้ำคร่ำน้อยหรือสายสะดือพลัดต่ำ
Uteroplacental insufficiency (UPI)** คือ ภาวะที่การไหลเวียนเลือดไปสู่รกไม่เพียงพอทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนโดยสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ uteroplacental
Placental dysfunction เช่นในสตรีครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงการตั้งครรภ์เกินกำหนดการสูบบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์เป็นต้น
Uterine hyperactivity เช่นภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกเป็นต้น
Maternal hypotension เช่นภาวะตกเลือด supine position, sympathetic paralysis ที่เกิดจากการได้รับยาระงับความรู้สึก (anesthesia) เป็นต้น
อาการและอาการแสดง
อัตราการเต้นของหัวใจทารกผิดปกติ (abnormal FHR pattern) เช่น น้อยกว่า 110 ครั้ง/นาที หรือมากกว่า 160 ครั้ง/นาทีร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆหรือมีรูปแบบการเต้นของหัวใจแบบ late deceleration หรือ variable deceleration เป็นต้น
มีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ (meconium stained of amniotic fluid)
ทารกดิ้นน้อยลง
การประเมินและการวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย** โดยการตรวจครรภ์ อาจพบเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ผิดปกติ เช่น FHS ของทารกช้าหรือเร็วกว่าปกติและถ้าหากบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทารกด้วย EFM จะพบรูปแบบการเต้นของหัวใจทารกแบบ late deceleration หรือ variable deceleration ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะขาดออกซิเจน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ** การเจาะเลือดทารก (scalp blood sampling) เพื่อวินิจฉัยภาวะเลือดเป็นกรด การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงหรือการประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกด้วยเครื่อง EFM
การซักประวัติ** ได้แก่ การดิ้นของทารกในครรภ์ การแตกของถุงน้ำคร่ำ ลักษณะสีและปริมาณของน้ำคร่ำ
การรักษา
ให้ออกซิเจนด้วยอัตรา 4 ลิตร / นาที่ ทางnasal cannula หรือ 8-10 ลิตร / นาที่ ทาง face mask
หยุดให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อลดการทำงานของมดลูกและช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
จัดท่านอนมารดาโดยให้นอนตะแคงซ้ายเพื่อลดการกดเส้นเลือด aorta และ inferior vena cava จากมดลูกเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและป้องกันการเกิด supine hypotension
ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ระยะคลอดพิจารณาช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการเช่นใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศในรายที่EHR pattern กลับสู่ปกติและผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้องในรายที่ FHR ยังคงมี abnormal FHR pattern
แพทย์ Set Caesarean Section due to fetal distress
เริ่มผ่าตัดเวลา 20.35 น. ทารกคลอดเวลา 00.49 น.
ชนิดแผลผ่าตัด: Lower transverse caesarean section การผ่าตัดแนวขวางที่ส่วนล่างของมดลูก
การให้ยาระงับความรู้สึก : spinal Block
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ ออกซีโทซิน เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อไฮโปทาลามัส (hypothalamus) เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยเหนี่ยวนำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกอย่างเป็นจังหวะซึ่งจะเพิ่มขึ้นตลอดในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยระดับของฮอร์โมนจะถึงจุดสูงสุดเมื่อเกิดการคลอด ระดับที่สูงขึ้นเนื่องมาจากการแบ่งตัวของตัวรับออกซิโตซิน ตัวยามีฤทธิ์เพิ่มความถี่และความแรงของการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกเมื่อใช้ยาในขนาดต่ำ