Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ข้อมูลภาวะสุขภาพแม่ฮัก (ข้อมูลแบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน ((แบบแผนที่1…

- - - - อายุ 53 ปี เพศ หญิง น้ำหนัก 58 กิโลกรัม ส่วนสูง 160 เซนติเมตร ค่า BMI 22.66kg/m2
    - - ข้อมูลทั่วไป
        
        อายุ 53 ปี เพศ หญิง อาชีพ เกษตรกร ระดับการศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
        
        ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 69 หมู่ 4 บ้านศรีไค ตำบลศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
        
        รายได้ต่อเดือน 5000 บาท/เดือน
        
        วันที่ศึกษา (สัมภาษณ์) วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2562
    - - สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย
        
        ความเชื่อเกี่ยวกับการเจ็บป่วย/การรักษา/ศาสนา
        
        แม่ฮักเชื่อว่าโรคที่เกิดขึ้น เกิดจากพฤติกรรมของตัวเองและคนในครอบครัว การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แม่ฮักมักไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาอยู่ที่วัดบ่อยครั้ง และมีพระสงค์ที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ การเสื่อมสภาพของร่างกายตามอายุไขและเมื่อเจ็บป่วยแม่ฮักเลือกการรักษาคือ โรงพยาบาลวารินชำราบและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
    - - บุคคลที่คอยช่วยเหลือในการดูแลสุขภาพด้านร่างกายและปัญหาด้านจิตใจ
        จากการสอบถาม แม่ฮักจะอาศัยอยู่กับสามีและลูกหลาน คนที่คอยดูแลเมื่อแม่ฮักมีปัญหาด้านสุขภาพ คือ สามี แต่ทุกครั้งด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ในครอบครัวเวลาที่แม่ฮักไม่สบายแม่ฮักจะไปโรงพยาบาลคนเดียวบ่อยครั้ง เพราะสามีต้องดูแลหลานที่บ้าน ลูกก็ทำงานเลยทำให้แม่ฮักต้องไปคนเดียว
- - - - แม่ฮักทราบว่าตนเองมีโรคประจำตัว และยอมรับในการเจ็บป่วยของตัวเอง ทราบว่าตัวเองเป็นโรคไขมันและความดัน แม่ฮักได้ไปรักษาพบแพทย์และนำยามากินเป็นประจำ มีการออกกำลังการโดยการเดินเล่นรอบหมู่บ้าน การเลี้ยงหลานก็ทำให้แม่ฮักได้ออกกำลังกายไปด้วยเช่น พาหลานเดินเล่น วิ่งเล่นแถวบ้าน แม่ฮักไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา
  - - - แม่ฮักสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ สามารถทำเองได้ทุกอย่าง อาบน้ำ แปรงฟัน ทำธุระส่วนตัว และยังเลี้ยงหลานทั้งหมด2คน ซึ่งแม่ฮักมีการออกกำลังกายบางครั้ง ในช่วงเวลาก่อนนอน และตื่นเช้า แต่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะเดินเล่นรอบหมู่บ้าน
- - - - ผลข้างเคียงสำคัญที่อาจพบได้หลังการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยเฉพาะกลุ่มที่มีการผ่าตัดเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ออก คืออาการ “แขนบวม” ซึ่งถ้าหากเกิดแขนบวมจะรักษาได้ยาก การป้องกันการเกิดแขนบวมหลังผ่าตัดโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้ได้รับการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ออก ได้แก่
      - ระวังอย่ามีวัตถุรัดแขนข้างที่ผ่าตัด และอย่าสวมเครื่องประดับที่คับจนรัดแน่นเกินไป
      - ป้องกันไม่ให้ไหล่ แขน และมือข้างที่ผ่าตัดถูกความร้อนหรือตากแดดจัด
      - หลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่ผ่าตัด ดึง ลาก ยกของหนักเกิน 2 กิโลกรัมหรือออกแรงทำกิจกรรมซ้ำๆ และการ สะพาย หรือแบกของหนักบนไหล่ข้างที่ได้รับการผ่าตัด
      - ระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุหรือติดเชื้อของแขนและมือข้างที่ผ่าตัด
      - หลีกเลี่ยง การวัดความดันโลหิต การฉีดยา การเจาะเลือดและการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำบริเวณแขนข้างเดียวกับที่ทำการเลาะต่อมน้ำเหลืองบรเวณรักแร้ออก
      - หากมีแผลที่ผิวหนัง ต้องทำความสะอาดแผลให้สะอาด หากมีอาการเจ็บปวด บวมแดง ควรรีบพบแพทย์
  - - - หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น เครื่องในสัตว์ไข่แดงหนังเป็ดหนังไก่หอยปูกุ้งปลาหมึกมันหมูมะพร้าว อาหารที่มีกะทิและถ้าหากมีไตรกลีเซอไรด์สูงด้วย ก็ควรระวังอาหารพวกแป้ง น้ำตาลเครื่องดื่มที่มีรสหวานและผลไม้หวานจัด
      - 2.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันและนมพร่องมันเนย เป็นต้น
      - 3.รับประทานอาหารที่เส้นใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา เป็นต้น
      - 4.เลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร ควรใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา เป็นต้น
      - 5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  - - - 1.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตให้เหมาะสม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมถือเป็นการรักษาขั้นแรกในการดูแล รักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ซึ่งประกอบด้วย
      - เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค ลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในขั้นต้นควรลดน้ำหนัก อย่างน้อย 5 กิโลกรัม ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ที่มีน้ำหนักเกิน
      - การลดปริมาณโซเดียมในอาหาร ลดโซเดียวในอาหารเหลือวันละ 0.5 – 2.3 กรัม หรือ เกลือโซเดียมคลอไรต์1.2 – 5.8 กรัม
      - ลดปริมาณแอลกอฮอล์ หรือจำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20 – 30 กรัมต่อวันในเพศชาย หรือ10 – 20 ในเพศหญิง
      - ออกกำลังกายควรแบบแอโรบิค คือ การออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลาหนึ่งของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ซึ่งเป็นการใช้ออกซิเจนในการให้พลังงาน จะได้ประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น ซึ่งการออกกำลังกานควรปฏิบัติทุกวัน อย่างน้อยวันละ 20 นาที หากไม่มีข้อห้าม
      - บริหารความเครียด จัดการความเครียดในชีวิตประจำวัน ตามหลักเหตุผลและหลักจิตวิทยามีอยู่ 2 วิธี 1.พยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์หรือสภาพที่จะทำให้เกิดความเครียด 2.ควบคุมปฏิกิริยาของตัวเอง ต่อสิ่งที่รู้สึกทำให้เราเครียด
      - รับประทานยาและรับการรักษาต่อเนื่อง รับประทานยาตามแพทย์สั่งสม่ำเสมอไม่ขาดยา และพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งไม่ควรหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนยาด้วยตัวเอง สำหรับผู้ป่วยที่ทานยาขับปัสสาวะ ควรรับประทานส้มหรือกล้วยเป็นประจำ เพื่อทนแทนโปตัสเซียมที่สูญเสียไปในปัสสาสวะ
- - - - ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่องได้รับการสอน การแนะนำและการส่งเสริมการบริหารแขน และไหล่หลังการผ่าตัด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ข้อไหลติด ส่งเสริมความสามารถในการปฏิบัติชีวิตประจำวัน และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
      - 2.. เกิดรูปแบบในการบริหารข้อและไหล่หลังการ ผ่าตัดเต้านมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ชัดเจนสามารถ น�าไปสู่การปฏิบัติได้
      - เกิดกระบวนการการเรียนรู้ร่วมกันระหว่าง พยาบาลประจ�าหอผู้ป่วย และนักศึกษาพยาบาล ในการ วิเคราะห์ปัญหา การสังเคราะห์องค์ความรู้ ตลอดจนการ ออกแบบชุดนวัตกรรม