Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
PNUEMONIA (ยา (Dexamethasone 4 mg iv q 6hr, Azithromycin 250 mg,…
PNUEMONIA
พยาธิสรีรวิทยา
ระยะบวมคั่ง (Stage of congestion or edema)
เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ปอดจะแบ่งตัวอย่างรวดเร็วร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองมีเลือดมาคั่งบริเวณที่มีการอักเสบหลอดเลือดขยายตัวมีแบคทีเรียเม็ดเลือดแดงไฟบรินและเม็ดเลือดขาวออกมากินแบคทีเรียระยะนี้กินเวลา 24-46 ชั่วโมงหลังจากเชื้อโรคเข้าสู่ปอด
ระยะเนื้อปอดแข็ง (Stage of consolidation)
ระยะแรกจะพบว่ามีเม็ดเลือดแดงและไฟบรินอยู่ในถุงลมเป็นส่วนใหญ่หลอดเลือดที่ผนังถุงลมปอดขยายตัว มากขึ้นทำให้เนื้อปอดสีแดงจัดคล้ายตับสด (Red heptization) ในรายที่มีการอักเสบรุนแรงจะมีการอักเสบลุกลามไปถึงเนื้อปอดด้วยในเวลาต่อมาจะมีจำนวนเม็ดเลือดขาวเข้ามาแทนเม็ดเลือดแดงในถุงลมมากขึ้นเพื่อกินเชื้อโรคระยะนี้ถ้าตัดเนื้อปอดมาดูจะเป็นสีเทาปนดำ (gray heptization) เนื่องจากมีหนอง (Exudate)
ระยะปอดฟื้นตัว (Stage of resolution) เมื่อร่างกายสามารถต้านทานโรคไว้ได้เม็ดเลือดขาวสามารถทำลายแบคทีเรียที่อยู่ในถุงลมปอดได้หมดจะมีเอนไซม์ออกมาละลายไฟบรินเม็ดเลือดขาวและหนองก็จะถูกขับออกมาเป็นเสมหะมีลักษณะเป็นสีสนิมเหล็ก
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรียที่พบมักใต้แก่เชื้อ Streptococcus pneumoniae, เชื้อ Haemophilus influenzae type b, เชื่อ Chlamydia pneumoniae, เชื่อ Legionella spp. และเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
เชื้อไวรัส ได้แก่ เชื้อ Respiratory Syncytial Virus (RSV), เชื้อ Influenza หรือเชื้อไข้หวัดใหญ่เชื้อราจากมูลนกหรือซากพืชซากสัตว์
ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
เกิดจากการหายใจเอาสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจเช่นฝุ่นละอองและได้รับควัน
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
อาการหายใจลำบาก ได้แก่ อกบุ๋มเวลาหายใจเข้า การหายใจเร็วผิดปกติ มีไข้มักมีไข้สูงมากกว่า 38 องศา ฟังเสียงหายใจได้ยินเสียง crepitation,rhonchi และ wheezing อาการซึม หยุดหายใจเป็นพักๆ
-
การซักประวัติ
อาการสำคัญ ได้แก่ ไข้ ไอ หอบ อาจมีภาวะซีดเขียว หรือหยุดหายใจอ่อนเพลีย กินอาหารได้น้อยลง โรคประจำตัวหรือประวัติการเจ็บป่วยในอดีตเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
-
ความหมาย
การที่ปอดได้รับอันตรายจากการติดเชื้อหรือจากสาเหตุอื่นส่งผลให้เนื้อปอดซึ่งประกอบด้วยหลอดลมฝอยส่วนปลายสุดและถุงลมเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลันและบวม ทำให้ของเหลวซึ่งประกอบด้วยพลาสมาและเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า exudates (หนอง) เข้าไปอยู่ในถุงลมเนื้อปอดจึงเกิดการแข็งตัว
การพยาบาล
-
ออกซิเจนให้อาหารและน้ำอย่างเพียงพอโดยให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่ละน้อยแต่บ่อยครั้งกระตุ้นให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย
-
-
จัดให้นอนในท่าศีรษะสูงหายใจออกช้าๆทางปากโดยการห่อปากฝึกบริหารการหายใจทุกวันวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็นครั้งละประมาณ 10-15 นาท
กระตุ้นให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอวันละ 2, 000-3, 000 มิลลิลิตรโดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมีไข้สูงและน้ำจะช่วยละลายเสมหะ
-
อาการและอาการแสดง
อาการมีไข้สูงติดต่อกัน ตัวร้อน หน้าแดง หนาวสั่น หายใจหอบ ไอมีเสมหะเป็นหนอง เจ็บหน้าอก มีเสียงเสมหะในปอด ผิวหนังอาจเขียวคล้ำ คลื่นไส้ อาเจียน อาจปวดศีรษะ ปวดท้องปวดเมื่อยตัว ปวดตามข้อ
CASE
-
-
PI : มีไข้สูง เหนื่อยอ่อนเพลีย อาเจียน 2 ครั้ง ถ่ายเหลงมากกว่า 10 ครั้ง ทานได้น้อย ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำได้ฉีดยาฆ่าเชื้อมา 1 เข็ม อาการไม่ดีขึ้นจึงมาโรงพยาบาล
-
-
-
ผล PCR : Flu A = 29.4 , H1N1 = 28.6
V/S แรกรับที่ ER : T 39.3 c , BP 115/60 mmHg , PR 110/min , RR 22/min , O2 sat 97%
-
-
-
-
Severe pneumonia DDx pulmonary edema edema, pulmonary hemorrhage or ERDs, mind cardiomegaly
-
-