Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hypersensitivity (การพยาบาล (1.ซักประวัติการเกิดภาวะ Hypersensitivity…
Hypersensitivity
การพยาบาล
1.ซักประวัติการเกิดภาวะ Hypersensitivity ในการให้ยารอบที่ผ่านมา
2.ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการ Hypersensitivity เช่น หน้าแดง แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก
ก่อนให้ยาบำบัด
3.เตรียมยาและอุปกรณ์ต่างๆเช่นอุปกรณ์ให้ออกซิเจน
4.ตรวจวัดสัญญาณชีพเพื่อประเมินอาการก่อนและหลังให้ยาเคมีบำบัด
1.บริหารยาเคมีบำบัดโดยการใช้ Infusion pump โดยค่อยๆปรับ drop ตามแผนการรักษาของแพทย์
2.อยู่กับผู้ป่วยในการบริหารยาเคมีบำบัดประมาณ 10-15 นาทีแรกเพื่อการช่วยเหลือได้ทัน
3.ให้ออกซิเจน
4.ประเมินสภาพอย่างรวดเร็วและรายงานแพทย์
ขณะให้ยาบำบัด
อาการและระดับความรุนแรง
หน้าแดง
มีผื่น
มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
หายใจลำบาก
หลอดลมหดเกร็ง
ปวดหลัง
มีไข้
มีอาการบวมและคลื่นไส้
การรักษา
ห้องนอนควรใช่เครื่องนอนที่เหมาะสม ไม่ควรใช้หมอน หรือที่นอนที่ทำจากนุ่น และ
ควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำด้วยน้ำร้อน 60 องศา นาน 15-20 นาที เพื่อฆ่าตัวไรฝุ่นและตากแดดให้แห้ง
ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ
ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนาน 30 นาที ความถี่ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
การทดสอบโรคภูมิแพ้สามารถทำได้ 2 วิธี
การทดสอบทางผิวหนัง (skin test) โดยนำเอาน้ำสกัดของสารก่อภูมิแพ้มาหยอดลงบนผิวหนังบริเวณท้องแขนหรือหลัง ใช้ปลายเข็มกดลงบนผิวหนังเพื่อให้น้ำยาซึมซับลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ตุ่มใดที่ผู้ป่วยแพ้จะมีรอยนูนคล้ายตุ่มยุงกัด แพทย์จะวัดขนาดของรอยนูน วิธีนี้ผู้ป่วยควรงดยาแก้แพ้ แก้คัน ยาลดน้ำมูก ยาเสริมภูมิ ยารักษาภูมิแพ้อย่างน้อย 7 วันก่อนการตรวจ
ทดสอบโดยการท้าทาย ( Challenge test) โดยนำสารก่อภูมิแพ้ปริมาณเล็กน้อยตามที่คำนวณได้ มาทดสอบโดยการรับประทาน ฉีด หรือทา แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณ แต่ต้องทำในโรงพยาบาล และเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
การทดสอบนอกร่างกาย เช่น การเจาะเลือดไปตรวจ ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถหยุดยาได้
ประเภทของภาวะภูมิไวเกิน
แบ่งเป็น4 typeแบ่งตามพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อดังต่อไปนี้
Type I (Anaphylactic hypersensitivity)
การแพ้ยาชนิดนี้เกิดจากการที่ผู้ป่วยเคยได้รับยาดังกล่าวมาก่อนทำให้มีการสร้าง IgE ที่จำเพาะต่อยานั้นๆไปจับแน่นอยู่บนผิวของ mast cell และเมื่อผู้ป่วยได้รับยาชนิดเดิมซ้ำตัวยาจะไปจับกับ IgE ที่จำเพาะต่อยาบนผิวของ mast cell ส่งผลให้ mast cell แตกตัว (degranulation) และมีการหลั่ง mediators ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น urticaria, angioedema, anaphylaxis ซึ่งอาการจะมักเกิดภายใน 1 ชั่วโมงหลังได้รับยา
Type II (Cytolytic (Cytotoxic) hypersensitivity)
เกิดจากยาจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์เกิดเป็น antigen ใหม่ ทำให้มีการสร้าง IgG หรือ IgM ที่มีความจำเพาะมาจับ หลังจากนั้นจะมีการกระตุ้นผ่านระบบ complement ทำให้เกิดการทำลายเซลล์นั้นๆ เช่น การเกิด immune hemolytic anemia หลังได้รับยา penicillin หรือการเกิด immune thrombocytopenia หลังได้รับยา quinidine การแพ้ยาชนิดนี้มักเกิดอาการหลังได้รับยามากกว่า 72 ชั่วโมง
Type III (Arthus type and immune complex hypersensitivity)
เกิดจากยาจับกับ IgG หรือ IgM ในร่างกายเกิดเป็น immune complex ไปเกาะที่ endothelial cell ของหลอดเลือด ทำให้เกิดกระบวนการ complement activation ทำลาย capillary endothelium เช่น การเกิด serum sickness หลังได้รับ anti-thymocyte globulin การแพ้ยาชนิดนี้มักเกิดอาการหลังได้รับยาประมาณ 10-21 วัน
Type IV (Cell mediated (delayed) hypersensitivity)
เกิดจากการกระตุ้นให้มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันแบบอาศัย T lymphocyte ทำให้มีการหลั่ง cytokines เพื่อเรียก effector cell ชนิดต่างๆ โดยสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 4 subtypes (IVa-IVd)
คือ ภาวะที่ร่างกายตอบสนองทางภูมิคุ้มกันมากเกินพอดีต่อสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ซึ่งเรียกว่า allergen ทำให้มีการอักเสบทำลายเนื้อเยื่อตนเองโดยปกติแล้วเมื่อมีเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมนั้นให้หมดไปแต่ในบางโอกาสจะด้วยธรรมชาติของสิ่งแปลกปลอมหรือพันธุกรรมของคนนั้นๆก็ตามภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมากลับไปทำลายเนื้อเยื่อของตัวเองทำให้เกิดภาวะภูมิไวเกิน
เลขที่ 10,13,31,39,46,49,60,83,94,99,102
อ้างอิง
กรณ์วรัตน์ นิลชาติ.(2559).Drug hypersensitivity reactions.สืบค้นจาก
https://meded.psu.ac.th/binla/class05/388_551/Drug_hypersensitivity_reactions/index2.html
ชํานาญ เกียรติพีรกุล. Hypersensitivity Reactions Induced by Paclitaxel : Focus on Premedication การให้ยาป้องกันการเกิดภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensi- tivity reactions) จากยา Paclitaxel. ศรีนครินทร์เวชสาร. 2548;20:99-104
อรอมล มาลีหวล, กชชกุ ร หว่างน่มุ , เจษฎา มณีชวขจร, สุดสวาท เลาหวินิจ. ปัจจยัทีมีความสมัพันธ์กับการเกิด ภาวะภูมิไวเกินในผู้ป่วยมะเร็งปอดทีได้รับยาเคมีบําบดั Paclitaxel. วารสารกรมการแพทย์ 2559;41:105-17.