Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Circulation system (:red_flag:กลไกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น (:pencil2…
Circulation system
:red_flag:
กลไกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
:pencil2:Vasculopathy
คือ :ballot_box_with_check:
การเปลี่ยนแปลงที่ผนังหลอดเลือดขนาดเล็ก
เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาในผู้ป่วย DHF
กลไก :ballot_box_with_check:
เมื่อมีการติดเชื้อใน กระแสเลือดแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการติดเชื้อหรือต่อพิษของเชื้อโรคซึ่งจะทำให้เกิด
การอักเสบขึ้นทั่วบริเวณของร่างกาย ทำให้หลอดเลือดทำงานผิดปกติ (vasculopathy)
:pencil2:Hemoconcentratio
คือ :ballot_box_with_check:
พบว่าค่าฮีมาโตคริตสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะสูงมากกว่า 40%
ในบางรายอาจสูงได้ถึง 56-60% ระดับ ฮีโมโกลบินก็มีค่าสูงขึ้นด้วย ส่วนใหญ่จะสูงกว่า14 กรัม/ดล.
กลไก :ballot_box_with_check:
ภาวะเลือดข้นนี้จะเริ่มตรวจพบได้ตั้งแต่วันที่ 2-3 ของโรค และจะเห็นได้ชัดในระยะก่อนช็อคและในระยะช็อคของโรค
หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ลดลงสู่ระดับปกติใน ระยะพักพื้นของโรค ภาวะเลือดข้นนี้
จะพบได้ในผู้ป่วยที่มีอาการช็อคมากกว่าผู้ป่วย ที่ไม่มีอาการช็อค แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการเลือดออกมากร่วมด้วยค่าฮีมาโตคริตอาจจะไม่สูงก็ได้เนื่องจากมีการ เสียเลือด
:pencil2:increased vascular permeability
คือ :ballot_box_with_check:
การที่ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมีค่าฮีมาโตคริตสูงขึ้น
กลไก :ballot_box_with_check:
ปริมาตรของพลาสมาที่ลดลงนี้จะสัมพันธ์ กับความรุนแรงของโรค และระยะของโรค ดังนั้นการตรวจหาค่าฮีมาโตคริตเป็นระยะๆ
ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะ เป็นโรคไข้เลือดออก จะเป็นเครื่องบ่งขี้ที่สาคัญที่จะช่วยในการวินิจฉัยโรค, การให้การรักษาที่ถูกต้องและการ พยากรณ์โรค ได้เป็นอย่างดี
ค่าฮีมาโตคริตสูงขึ้น เนื่องจากพลาสมารั่วออกไปจากผนังของเส้น เลือดฝอยที่ภาวะรั่วมากขึ้น
:pencil2:Hypovolemic shock
คือ :ballot_box_with_check:
กลไกที่ทำให้มีพลาสมารั่วออกไปนอกระบบไหลเวียนเลือด
จนทำให้ปริมาตรของพลาสมาลดลงมากอย่างรวดเร็วจนกระทั่งคุกคามต่อชีวิตของผู้ป่วยนั้น
กลไก :ballot_box_with_check:
โดยระยะรั่วจะมีประมาณ 24-48 ชั่วโมง ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกเดงกีจะมีอาการรุนแรง
มีภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเกิดขึ้น เนื่องจากมีการรั่วของ พลาสมาออกไปยังช่องปอด/ช่องท้องมาก
ทำให้ปริมาตรของพลาสม่าในหลอดเลือดลดลง
เป็นสาเหตุทาให้ ความดันโลหิตต่ำลง จึงทำให้เกิด hypovolemic shock
:red_flag:
อาการและอาการแสดง
:check:จากตำรา
:pen:อาการของโรค
3. ตับโต
กดแล้วเจ็บ ส่วนใหญ่จะคลาพบตับ
4.ภาวะการไหลเวียนเลือดล้มเหลว
เนื่องจากมีการรั่ว ของพลาสมาออกไปยังช่องปอดหรือช่อง ท้องมาก เกิด hypovolemic shock
2. อาการเลือดออก
โดยจะตรวจพบว่าเส้นเลือดเปราะ แตกง่าย ร่วมกับมีจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา
1. ไข้สูงลอย
: ไข้ 39-40 ทุกรายจะมีไข้สูง เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
:pen:ระยะของโรค
2. ระยะวิกฤติ
(ระยะ 3 วันอันตราย อาจเสี่ยงกับ อาการช็อกได้) ผู้ป่วยมักมีไข้มาแล้วหลายวัน
3.ระยะฟื้นตัว
เป็นระยะหลังไข้ลงโดยไม่มีอาการ ช็อก โดยเกล็ดเลือดจะเริ่มกลับสูงขึ้น ชีพจรและ ความดันโลหิตเริ่มคงที่ดีขึ้น ปัสสาวะเริ่มออกมากขึ้น
1.ระยะแรก (ระยะไข้สูง)
ระยะนี้มักไม่ค่อยมี อาการจำเพาะ
:smiley:จากผู้ป่วย
:star:จากการชักประวัติ
ญาติให้ประวัติว่า
4วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้สูงลอย
อยู่ในระยะไข้สูง
ระยะนี้มักไม่ค่อยมี อาการจาเพาะ เด็กจะมีไข้สูงและเป็นหลายวัน (ประมาณ 5-6 วัน) โดยอาจมีอาการหวัด ปวด เมื่อยตัว คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
และร่วมกับมี
อาการ ปวดท้องบริเวณเหนือสะดือ คลื่นไส้ อาเจียน 1 ครั้ง
ลักษณะอาเจียนเป็นเศษอาหาร ถ่ายอุจจาระปกติปัสสาวะปกติ ไม่มีเลือดปน เข้ารับ การรักษาที่รพ.ชุมชน 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น เริ่มมี อาการไอและหายใจเหนื่อยหอบจึงส่งต่อมาที่ โรงพยาบาล
:star:อาการแรกรับ
ผู้ป่วยไข้สูง ปวดท้องมาก อาเจียนเป็น Coffee gound 1 ครั้ง
ตรวจร่างกายพบ
จุดเลือดออกตรงบริเวณข้อพับแขนข้างขวา เป็นจ้ำเลือดขนาดใหญ่ร่วมกับมีอาการบวมแดง ผู้ป่วยมี เลือดกำเดาไหลเล็กน้อยแต่หยุดได้เอง
:red_flag:
แผนการพยาบาล
มีภาวะ Hypovolemic shock เนื่องจากพลาสม่า มีการออกนอกหลอดเลือด
เกิดภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลท์ เนื่องจากมีภาวะช็อค