Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคระบบทางเดินอาหาร (กลุ่ม 3) (หน้าที่ของระบบทางเดินหา…
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคระบบทางเดินอาหาร (กลุ่ม 3)
พยาธิสีระปอดและทรวงอก
ส่วนที่่เป็นทางผ่านของอากาศ ได้แก่ Nose, Nasopharyx, Laynx,Trachea,Bronchus,Terminal bronchiole
ส่วนที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ คือ Respiratory unit,Respiratory bronchiole,Alveolar duct,Alvelor sac,Aveoli
หน้าที่ของระบบทางเดินหายใจ
เพิ่มความชื้นและอุณหภูมิให้อากาศ
ระบายอากาศแลกเปลี่ยนก๊าซ
ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ปอด
ควบคุมความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย
การประเมินสภาพผู้ป่วย
การซักประวัติ
ลักษณะภายในบ้าน อุณษภูมิ ฝุ่นละออง สัตว์เลี้ยง ประวัติการคลอด ยาที่ได้รับ ลักษณะน้ำมูก เสมหะ การไอ เจ็บคอ มีไข้สูง
การตรวจร่างกาย
การดู (inspection)
สีผิวเขียวคล้ำหรือไม่ ริมฝีปากเขียว central cyanosis peripheral cyanosis
ดูการขยายของทรวงอก ว่าหายใจเข้ากับออกเท่ากันหรือไม่ มีปอดแฟบหรือไม่
อัตราการหายใจ ลักษณะ จังหวะ การหายใจปีกจมูกบาน การเคลื่อนไหวของทรวงอก การหายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม
ดูปลายนิ้วว่าปุ้มหรือไม่
การคลำ (Palpaion)
คลำดูหลอดลม หากมีการเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งอาจจะเกิดปอดแฟบ
คลำต่อมน้าเหลืองบริเวณรักแร้ คอ และ suprasclavicular
การเคาะ (Percussion )
ควรเคาะทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และเปรียบเทียบเสียงเคาะปอดทั้งด้านซ้ายและขวา
เสียงก้องเป็นเสียงปกติ เนื่องจาก ลักษณะปอดเป็นลักษณะโพรงอากาศ
การฟังเสียงปอด( Auscultation)
เสียงอึ๊ด( rhonchi )
ลักษณะ เสียงผิดปกติที่เกิดจากอากาศผ่านหลอดลมที่ผิวขลุขระ
สาเหตุหลอดลมบวม หรือมีเสมหะเป็นแห่งๆ จะได้ยินเสียงทั้งระยะหายใจเข้าและออก พบในรายที่มีการอักเสบของหลอดลม
เสียงหวีด(wheez)
ลักษณะ อากาศหายใจผ่านหลอดลมที่ ตีบแคบ ได้ยินชัดในช่วงหายใจออก จะหายใจออกยาวกว่าหายใจเข้า
สาเหตุ เกิดจากการหดเกร็ง บวม คั่งค้างของเสมหะ พบในเด็กที่เป็นหืดและติดเชื้อในหลอดลม
เสียงกรอบแกรบ (crepitation)
ลักษณะ เสียงหายใจที่เกิดจากเมื่อลมหายใจ ผ่านน้ำเมือกในหลอดลมฝอยหรือปอด เพื่อดันถุงลมให้โป่งออก ได้ยินเสียงตอนหายใจเข้า
สาเหตุ ภาวะปอดอักเสบ
เสียงฮืด( Stidor )
ลักษณะ เป็นเสียงลมหายใจที่ผ่านทางเดินหายใจขนาดใหญ่ที่แคบลง ได้ยินชัดในช่วงหายใจเข้ามากกว่าหายใจออก
สาเหตุ ตีบของกล่องเสียงและหลอดลมใหญ่
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
nasal swab,X-ray,CT-scan,การเจาะปอด,การส่องกล้องตรวจดูหลอดลมคอ,Blood gas,Hemoculture
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ( Upper respiratory infection )
หวัด ( Common Cold / Acute Rhinitis Nasopharyngitis )
สาเหตุ
ติดเชื้อ coronavirus parainfluenza virus,RSV
ไอ จามรดกัน การสัมผัสน้ามูก
อาการและอาการแสดงอาการและอาการแสดงอาการและอาการแสดง
2-5 วัน คัดจมูก มีน้ำมูกใส มีไข้ อาจมีไข้สูงถึง 40 c
อาการไข้จะมีมากใน1-2 วันแรก ไอ 3-4 วันอาการไข้จะดีขึ้นและจะดีขึ้นและหายใน 1-2 สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อน
เยื่อบุตาอักเสบ หลอดลมอักเสบ โพรงอากาศรอบจมูกอักเสบ ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ
การรักษา
ลดไข้ โดยให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้มากกว่า 38.5 c ในกลุ่ม พาราเซตามอล ขนาด 10 -20 mg/kg ทุก 4-6 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เนื่องจากจะทำให้เกิด Reye’s syndrome
ลดการไอโดยการใช้ยา ยาขับเสมหะ ยาละลายเสมหะ ยาลดการไอ ยาลดน้ามูก ยาแก้แพ้
คออักเสบ (Pharyngitis)
สาเหตุ
ติดเชื้อไวรัส : adenovirus,coxasackie A virus,herpes simplex
ติดเชื้อแบคทีเรีย : group B steptococcus , corynebacterium diphtheria
อาการและอาการแสดง
มีไข้สูง 1-4 วัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เจ็บคอ เสียงแหบกลืนลาบาก อาจมีอาการรุนแรงอาจเป็นไปได้ถึง 2 สัปดาห์ ปวดท้อง อาเจียน ต่อมทอนซิลโตมีจุดหนอง ต่อมน้ำเหลืองค่อนข้างโต
ภาวะแทรกซ้อน
ไตอักเสบเฉียบพลัน ไข้รูมาติก ฝีรอบต่อมทอลซิน หูชั้นกลางอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การรักษา
ให้ยาลดไข้ และเช็ดตัวลดไข้
ควรให้ยาปฏิชีวนะนาน 10 วัน เพื่อกำจัดเชื้อที่เป็นสาเหตุคือติดเชื้อ group B steptococcus โดยฉีด Penicilin หากแพ้ Penicilin ให้ erythomycin เด็กเล็กให้ ยา amoxycilin
ต่อมทอลซินอักเสบ (Tonsillitis )
สาเหตุ
ติดเชื้อ group B steptococcus มักพบในเด็กวัยเรียน
อาการและอาการแสดง
ต่อมทอลซินมีขนาดโตขึ้น
กลืนอาหารและหายใจลำบาก
คออักเสบ แดง มีหนองปกคลุม
ลิ้นเป็นฝ้า
ภาวะแทรกซ้อน
หูชั้นกลางอักเสบพลัน ฝีรอบๆต่อมทอลซิลปอดอักเสบ ไตอักเสบเฉียบพลัน ไข้รูมาติก
การรักษา
ให้รักษาตามอาการ ในรายที่ต่อมทอลซินอักเสบจากเชื้อไวรัส ให้ยาลดไข้แก้ปวด ส่วนราย ที่เกิดเชื้อแบคทีเรียให้ยาปฏิชีวนะ
การผ่าตัดต่อมทอลซิลจะทาในกรณีที่ต่อมทอลซิลอักเสบเรื้อรังปีหนึ่งมากกว่า 4 ปีและขนาดโตมากจนอุดกั้นทางเดินหายใจ ทาให้กลืนลำบาก
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ( Lower respiratory infection :LRI)
หลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
สาเหตุ
การติดเชื้อไวรัส RSV,parainflenza virus,adenovirus
การติดเชื้อแบคทีเรีย pneumococci,staphylococci, streptococci)
เกิดจากการภาวะภูมิแพ้ และสารพิษต่างๆควันบุหรี่ ฝุ่นละออง
อาการและอาการแสดง
อาการไอเป็นชุด ๆไอแห้ง ๆในตอนกลางคืน ต่อมาจะไอรุนแรงขึ้นและมีเสมหะ
เจ็บหน้าอกมากเพราะไอมาก จากการหดเกร็งของหลอดลม
หากเกิดจากการติดเชื้อ B. pertussis (bordetella ) จะไอได้ยินเสียง whoop บางรายไอมากจน เขียวหรือหยุดหายใจ จากเสมหะอุดตันทางเดินหายใจ
ตรวจร่างกายได้ยินเสียง rhonchi และ crepitation
การรักษา
การรักษาเฉพาะ ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรียโดยการให้ยา erythromycin
การรักษาตามอาการ ได้แก่ การให้สารน้eให้เพียงพอ การให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ
หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis )
สาเหตุ
ร้อยละ 50 เกิดจากเชื้อไวรัส การติดเชื้อไวรัสRSV , parainflenza virus RSV,adenovirus,rhinovirus inflenza virus
อาการ
มีน้ำมูกมีไข้ต่ำๆนำมาก่อนหลังจากนั้นจะเริ่มหายใจเร็วและหอบลึกอย่างเฉียบพลันหายใจลำบากในขณะที่หายใจเข้าและหายใจออก
เสียงหายใจเข้าจะเบาลงช่วงหายใจออกจะยาวกว่าปกติและได้ยินเสียงกรอบแกรบ
ตรวจร่างกายพบทรวงอกขยายใหญ่ฟังได้เสียงwheezing และcrepitation
การวินิจฉัยโรค
การตรวจนับเม็ดเลือดขาว WBC พบ ปริมาณ lymphocyte สูงหรือ neutrophill สูง
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก พบอากาศมากกว่าปกติ hyperaeration ของปอด ทั้งสองข้าง บางส่วนมีปอดแฟบ
การรักษา
การรักษาแบบประคับประคอง ให้ออกซิเจน ให้ยาละลายเสมหะ และยาขยายหลอดลม
ให้ยาต้านเชื้อไวรัส ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็น anti RSV agent ให้ยาปฏิชีวนะ
ครู๊ป( Croup )
สาเหตุ
ติดเชื้อแบคทีเรีย streptococcus , pneumococcus staphylococcus
ติดเชื้อไวรัส parainfluenza virus , RSV adenovirus
อาการและอาการแสดง
หายใจเข้ามีเสียงดัง inspiratory inspiratory stidor ขณะหายใจเข้า บางรายมีเสียงขณะหายใจออกร่วมด้วย
เด็กมักอยู่ในท่าที่เฉพาะเรียกว่า “Tripod position ” คือ นั่งโน้มตัวไปด้านหน้า คอแหงนขึ้น อ้าปากหายใจ ลิ้นห้อยมีน้ำลายมาก
เสียงแหบ ไอเสียงก้อง คอแดงมาก เด็กจะหายใจลำบาก เสียงหายใจแผ่วเบาลง ปีกจมูกบาน
ภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อซ้ำซ้อน และการติดเชื้ออาจลุกลามไปยังหูชั้นกลาง หลอดลมฝอย เนื้อปอด
การรักษา
คะแนน < 4 คะแนน อาการน้อย : ไม่มีเสียงฮืดขณะพัก ไม่จำเป็นต้องรักษาไว้ในโรงพยาบาลให้มารดาสังเกตการณ์หายใจ
คะแนน > 7 คะแนน : อาการรุนแรง รักษาเช่นเดียวกับกลุ่มอาการปานกลาง ให้อยู่ในหอผู้ป่วยหนัก หากอาการรุนแรงขึ้นพิจารณาให้ใส่ท่อช่วยหายใจ
คะแนน 4 -7 คะแนน อาการปานกลาง : ควรรับไว้ใน รพ. และให้ออกซิเจน ร่วมกับให้ยาสเตียรอยด์ให้ epinephrine epinephrine พ่นทางละอองฝอย
โรคติดเชื้อระบบส่วนบนและส่วนล่าง และโรคระบบทางเดินหายใจหายใจอื่นๆ
ปอดบวม (pneumonia)
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ส่วนใหญ่ร้อยละ 40 เกิดจากเชื้อ RSV รองลงมาคือ parainfluenza virus :
การสำลัก การนอนนาน ๆและเกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ AH1N1 และ ติดเชื้อไข้หวัดนก H5N7
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน และหนาวสั่น
ปวดศรีษะนำมาก่อน 3-4 วัน
ไอแห้ง ๆ ไอมากจนเจ็บหน้าอก และไอมีเสมหะเป็นสีสนิม
หายใจเร็ว หอบเหนื่อย มีอกบ๋ม
การวินิจฉัยโรค
neutrophil สูงหรือ lymphocyte สูง
ภาพถ่ายรังสีทรวงอก
การตรวจหาเชื้อแบคทีเรียจากเลือด เสมหะ สิ่งคัดหลั่งต่างๆจากร่างกาย
มีประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วย ตายโดยตรง
ภาวะแทรกซ้อน
มีน้ำ ลม หรือ หนองในช่องเยื่อหุ้มปอด
การรักษา
การรักษาทั่วไป การให้ออกซิเจนและความชื้น ดูแลให้ได้รับน้าอย่างเพียงพอ ทากายภาพทรวงอกเพื่อกาจัดเสมหะออก
การรักษาเฉพาะ
การให้ยา: penicillin G /ampicillin ร่วมกับ Gentamycin หรือให้cefotaxime/ceftriaxone
ภาวะมีน้าในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural Effusion )
สาเหตุ
มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดมากกว่า 1 ml ภาวะหัวใจวาย โรคไต ได้รับสารน้าเกิน
การอักเสบและติดเชื้อของเนื้อปอดและมีการลามไปถึงเยื่อหุ้มปอด
อาการและอาการแสดง
อาการไอ หายใจหอบ นอนราบไม่ได้
หน้าอกด้านที่เป็นโป่งพอง เคลื่อนไหวได้น้อย
ช่องซี่โครงกว้าง เสียงเคาะทึบ เสียงหายใจเบาลง
หลอดลมคอและ mediastinum เบนไปด้านตรงข้าม
การวินิจฉัยโรค
ฟังปอดได้ยินเสียงเบาลง เสียงหัวใจเบี่ยงไปด้านตรงข้าม
ภาพถ่ายรังสีทรวงอก
การรักษา
เจาะของเหลวออกทุกราย
รักษาสาเหตุของการเกิดสารน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด
ภาวะมีหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด ( Empyema )
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลมและปอด และได้รับการดูแลไม่ถูกต้อง
มีการแตกของฝีในปอด การติดเชื้อในกระแสเลือด
อาการและอาการแสดง
ไข้ ไอ อ่อนเพลีย หัวใจเต้นอย่างรวดเร็วเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เสียงหายใจเบาลง หอบ เขียว นอนราบไม่ได้
การวินิจฉัย
ตรวจร่างกาย : เคลื่อนไหวของทรวงอกน้อย เคาะปอดได้เสียงทึบ รายที่มีอาการมานาน นิ้วปุ้มได้
ภาพถ่ายรังสี : พบของเหลวในช่องปอด
การเจาะปอด :จะได้ของเหลว มีหนอง
การรักษา
การเจาะหนองออกจากช่องเยื่อหุ้มปอด
ให้ยาปฏิชีวนะตามเชื้อที่เป็นสาเหตุ
ผ่าตัดเลาะเนื้อผิวปอด ( decortication )
ปอดแฟบ ( Atelectasis)
สาเหตุ
การถูกกดเบียดจากหลอดลม มีการอุดกั้นภายในหลอดลม
การขาดสารลดแรงตึงผิวของถุงลมในทารกแรกเกิด
อาการและอาการแสดง
อาการแสดงของการขาดออกซิเจน
หายใจหอบ อาจมีอาการเขียวได้
การวินิจฉัยโรค
พบการหายใจทรวงอกด้านที่เป็นขยายได้น้อย ทาให้การขยายตัวของทรวงอกทั้งสองข้างขณะหายใจเข้าไม่เท่ากัน trachea และ mediastinum ดึงเข้าหาปอดที่แฟบ เคาะปอดได้ยินเสียงทึบ
ภาพถ่ายรังสีทรวงอก พบว่าปอดส่วนที่เป็นทึบขึ้น กะบังลมยกสูงขึ้น
ส่องตรวจในหลอดลม
ทำ CT scan
การรักษา
รักษาตามสาเหตุ ที่ทำให้เกิดปอดแฟบ
รักษาตามอาการ ในรายที่หอบมากให้ออกซิเจน และหากหายใจไม่ดีอาจช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
ผ่าตัดเอาส่วนที่แฟบออก
หอบหืด ( Asthma )
สาเหตุ
พันธุกรรม
มีความไวต่อการตอบสนองสารบางชนิด ที่เป็นสารก่อภูมิแพ้
ปัจจัยกระตุ้นภายใน
อาการและอาการแสดง
หายใจลาบาก ได้ยินเสียง Wheezing ขณะหายใจออก อาการจะเกิดขึ้นรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที อาการเริ่มต้นมักเป็นเฉียบพลัน
การวินิจฉัยโรค
ซักประวัติการไอ มักมีไอแบบแห้ง ๆอาจมีเสมหะขาวใสเวลากลางคืน หรือหลังออกกาลังกายอย่างหักโหม มีอาการหอบ หายใจไม่สะดวก ร่วมกับมีอาการแน่นหน้าอก และมีเสียงหวีด มักมีประวัติแพ้และเป็นหอบหืดในครอบครัว
การตรวจร่างกาย ขณะที่ไม่มีอาการอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆแต่ขณะมีอาการจะตรวจพบการหายใจลาบากหรือมีเสียงหวีด โดยเฉพาะช่วงหายใจเข้าและออกแรงๆ
การทำallergic skin test
การรักษา
การรักษาขณะมีอาการหอบ เพื่อให้หายหอบโดยเร็วที่สุด ให้ออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลมกลุ่ม sympathomimetic agent ที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดลม ได้เร็ว ให้สารน้ำ แก้ไขภาวะกรดด่างในเลือด การให้ยา corticosteroid ควรให้ทันที
การรักษาโรคหอบระยะยาว เพื่อให้สามารถควบคุมอาการของโรคให้สงบ ป้องกันการจับหืดเฉียบพลัน ใช้ยาขยายหลอดลม ยาต้านการอักเสบ และยาป้องกันการจับหืด ควบคุมสิ่งกระตุ้นให้เกิดการแพ้ ( allergen control ) กายภาพบำบัดทรวงอก Immunotheraty