Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลเด็กที่มีความผิดปกติของทางเดินอาหาร โภชนาการ และการดูดซึม…

- - - - สมบูรณ์ในสัปดาห์ที่ 4-7
      - ไม่เชื่อมประสานตามปกติ เกิดเป็น "ปากแหว่ง"
    - - สมบูรณ์เมื่ออายุ 7-12 สัปดาห์
      - maxillary pricess ถูกขัดขวาง
        ขาดการประสาน ทำให้เกิด "เพดานโหว่"
  - - - ปากแหว่งบางส่วน (Incomplete)
        
        มีรอยแหว่งที่ริมฝีปาก แต่จะมีรอยแหว่งที่เหงือกหรือไม่มีก็ได้
      - ปากแหว่งตลอดริมฝีปากและเหงือก
        (Complete)
      - ปากแหว่างสองข้าง (Bilateral)
        
        อาจเป็นชนิดมีรอยแหว่งบางส่วนหรือมีรอยแหว่งตลอด
    - - เพดานโหว่บางส่วนและชนิด submucous
      - เพดานโหว่ตลอด
  - - - ทารกมีอายุ 8-12 สัปดาห์
        
        ริมฝีปากจะโตและชัดเจน พอจะผ่าตัดได้ง่ายและได้ผลดีกว่า
    - - ผ่าตัดแก้ไข ในช่วง 12-18 เดือน หรือ 18-24 เดือน
      - เพดานเทียม (obturator)
  - - - มารดาขาดสารอาหาร
      - มารดาติดเชื้อหัดเยอรมันช่วง 3 เดือนแรก
      - มารดาขาดโฟเลต
      - สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ได้รับยากันชัก
  - - - ดูแลทางด้านอารมณ์ให้บิดามารดา
      - ให้นมโดยใช้ช้อนป้อนหรือใช้หลอดแก้วหยด
      - รักษาความสะอาดในช่องปากหลังให้นม
    - - ห้ามนอนคว่ํำ ป้องกันแผลเสียดสีกับที่นอน
      - งดน้ำและนมทางปากหลังผ่าตัดจนกระทั้งรู้สึกตัวดี
      - ระวังสิ่งคัดหลั่งจากจมูกมาปนเปื้อนแผลผ่าตัด
      - ป้ายครีมปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
      - ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดดึงรั้ง
- - - - ถ่ายขี้เทาช้า
      - ท้องอืด
      - อาเจียนมีสีน้ำดีปน
    - - ถ่ายขี้เทาปกติหรือช้าบ้างและต่อมาท้องผูก
  - - - สวนล้างลำไส้ด้วย NSS
    - - ทำเมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไป
- - - - มีภาวะน้ำคร่ำมาก
      - ตรวจไม่พบ stomach bubble
    - - มีอาการ น้ำลายออกมาก หายใจลำบาก หายใจเสียงดัง
      - ทดสอบใส่สายยางให้อาหรทางปากหรือจมูก
  - - - ดูแลเหมือนทารกทั่วไป
      - บอกชนิดความผิดรูปให้ได้
      - ประเมินสภาพปอดและแก้ไข
      - ค้นหาความพิการร่วม
    - - ขจัดทางติดต่อระหว่างหลอดลมคอกับทางเดินอาหารช่วงล่าง
      - ต่อหลอดอาหารชวงบนและช่วงล่างเข้าด้วยกัน
- - - - ทำ hydrostatic reduction โดยสวนแบเรียมทางทวาร
    - - เปิดหน้าท้องแล้วใช้มือรูดจากด้านปลาย เพื่อดันส่วนนำให้ถอยออก
      - ตัดลำไส้ที่กลืนกันออก และเชื่อมต่อปลายลำไส้เข้าหากัน
- - - - ความผิดรูปแต่กำเนิดที่มีความพิการของผนังหน้าท้องเป็นช่องแคบยาว ยาวประมาณ 3-4 ซ.ม. มักอยู่ด้านขวาสายสะดือ
      - ทารกจะมีน้ำหนักตัวน้อย ความผิดรูปที่พบร่วมมักเป็นความผิดปกติของทางเดินอาหาร
    - - ความผิดรูปแต่กำเนิดของผนังหน้าท้อง โดยมีการสร้งผนังหน้าท้องไม่สมบูรณ์
      - กลางหน้าท้องมีถุงOmphalocele ติดกับผิวหนัง เล้นผ่าศูนย์กลาง 4-10 ซ.ม.
  - - - Primary fascial closure
        
        ทำในขนาดเล็ก นำอวัยวะกลับเข้าสู่ช่องเลย จึงไม่ค่อยอันตราย
      - Staged repair
        
        ทำเมื่อไม่สามารถเอาอวัยวะภายในเข้าช่องท้องได้หมด
    - - ทาสารละลายฆ่าเชื้อ
    - - การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
      - การช่วยหายใจ
      - การป้องกันการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
      - ติดตามผลการรักษา
- - - - Anorectal agenesis
        
        มีความผิดรูปของทวารหนักรวมบางส่วนของเรคตั้มขาดหายไป
      - Rectal atresia
        
        เรคตั้มขาดหายไปบางส่วน โดยทวารหนักเป็นปกติ
    - - ผิดรูปที่ส่วนปลายสุดของลำไส้เข้ามาในแอ่งของ pelvic floor
    - - ผิดรูปที่ปลายสุดของลำไส้ผ่านลงมาในกลุ่มกล้ามเนื้อหูรูดอย่างแท้จริงแล้ว
  - - - ถ่ายด้านข้างของทารกในท่าศีรษะห้อยลง
    - - ชาย
        
        พบทางติดต่อกับทางเดินปัสสาวะ
        
        ทวารหนักภายนอกปกติ แต้เรคตั้มที่อยู่สูงขึ้นไปตัน
        
        พบรูเปิดทางติดต่อออกบริเวณฝีเย็บ ตั้งแต่บริเวณที่เป็นรูทวารหนักขึ้นไป
      - หญิง
        
        มีรูเปิดของทางติดต่อที่ vestibule
        
        พบทางติดต่อเปิดเหนือเยื่อพรหมจารีขึ้นไป
        
        มีรูเปิดทางติดต่อ บริเวณฝีเย็บตั้งแต่บริเวณที่ควรจะเป็นรูทวารหนักขึ้นไปข้างหน้า
  - - - ถ่างขยาย anal dilatation
      - เปิดทางติดต่อไปด้านหลัง
      - ผ่าตัดย้ายรูเปิดทวาร
    - - ผ่าตัดตกแต่งรูทวารหนัก
      - ทำ colostomy
  - - - ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดแน่นชั่วคราว
    - - ดูแลด้านจิตใจของบิดามารดาและตัวเด็กเอง
      - กรณีทำ colostomy ต้องแนะนำแนวทางการรักษาต่อเนื่อง
      - กรณีตกแต่งทวารหนัก ดูแลแผลช่วงแรกเหมือนแผลผ่าตัด
- - - - แบคทีเรีย
        
        E.coli
        
        Shigella
        
        Vibrio cholera
      - ไวรัส
        
        rotavirus
        
        มักพบในเด็กอายุ 6-24 เดือน
    - - แลคเตสน้อยทำให้ย่อยแลคโตสจำนวนมากในนมไม่ได้
    - - จากความผิดปกติของการทำงานในการดูดซึมน้ำและเกลือแร่ที่เยื่อบุลำไส้เล็ก
  - - - ให้ ORS เองที่บ้าน
      - ให้นมมารดา
    - - ยาที่ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เช่น ioperamide
      - ยาลดการหลั่งน้ำและเกลือแร่จากลำไส้ เช่น racecadotril
      - ยามีฤทธิ์ดูดซับน้ำหรือสารพิษ เช่น resin
      - ยาปฏิชีวนะ เช่น ciprofloxacin
      - ยามีผลเปลี่ยนแปลง normal flora เช่น prebiotics
    - - ระยะทดแทนน้ำ
      - ระยะคงไว้ซึ่งความสมดุลของสารน้ำและเกลือแร่
  - - - ให้อาหารแล้วถ่ายมาก
      - ดูดซึมแลคโตสไม่ได้ อุจจาระเป็นน้ำ มีฟอง กลิ่นเหม็นเปรี้ยว
    - - งดพวกเกลือน้ำตาลทางปากก็ยังถ่ายมาก
      - ถ่ายมากช่วงแรก ช่วงหลังจะถ่ายบ่อยครั้งละน้อยๆ ปวดเบ่งและอุจจาระมีมูกเลือด