Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กรณีศึกษาที่ 8 (วินิจฉัย Closed fracture intertrochanteric of left femur…

- - - - skin traction
        
        เป็นการใช้แรงตึงโดยใช้ความฝืดระหว่าง adhesive tape กับผิวหนังของผู้ป่วย
      - Skeletal traction
        
        เป็นการดึงโดยตรงที่กระดูกโดยใช้ Kushner wire หรือ Steinmann pin เข้า traction บริเวณแขน ขา
  - - - ค่า T-score มากกว่า -1 กระดูกหนาแน่นปกติ
      - ค่า T-score อยู่ระหว่าง -1 ถึง -2.5 โรคมวลกระดูกน้อยหรือกระดูกบาง
      - ค่า T-score ต่ำกว่า -2.5 โรคกระดูกพรุน
- - - - Postmenopausal osteoporosis
        
        เกิดหลังจากที่หมดประจำเดือนแล้วประมาณ 10 ปี จะพบมากในผู้สูงอายุประมาณ 60-70 ปี
      - Senile osteoporosis
        
        เกิดกับคนที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
    - - Cushing's syndrome
      - Hyperthyroidism
      - ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
  - - - รับประทานยากลุ่มที่ยับยั้งการสลายของกระดูก Estrogen,Calcitonin
      - รับประทานยากลุ่มที่กระตุ้นการสร้างกระดูก เช่น Calcium, Strontium renelate
    - - ด้านโภชนาการ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
      - ด้านการออกกำลังกาย ออกกำลังตามเพศ วัย และความแข็งแรงของร่างกาย ควรเป็นการออกกำลังกายชนิดที่มีน้ำหนักกดลงบนกระดูก
      - ด้านพฤติกรรมสุขภาพ ควรงดหรือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- - - - ดูแลให้ผู้ป่วยทำ ankle pumping เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปบริเวณขาและเท้าเพื่อป้องกันการเกิดก้อนเลือดอุดตัน
      - ดูแลให้ผู้ป่วยทำ Passive exercise เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้มากขึ้น
      - ประเมิน Vital sign ทุก 4 ชั่วโมง
      - ดูแลให้ได้รับยา aspirin เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอุดตันและลดอาการปวดและบวมของขา
      - ประเมินอาการข้างเคียงของยา เช่น การมีเลือดออก
      - ดูแลให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
    - - S : หกล้มในห้องน้าปวดต้นขาขวามาก เคลื่อนไหวไม่ได้ ต้นขาซ้ายบวม
        O : รักษาตัวที่โรงพยาบาล นอนไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย
        O : ต้นขาซ้ายบวม
        O : บ่นปวดขา pain score เท่ากับ 6
    - - ไม่เกิดภาวะ Deep vein thrombosis (หลอดเลือดดำอุดตัน)
    - - ผู้ป่วยเคลื่อนไหวขาขวาและขาซ้ายได้ ไม่บ่นปวดขา pain score เท่ากับ 0 บริเวณขาซ้ายไม่มีอาการปวด บวม
- - - - เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
    - - O : นอนท่าเดิมเป็นเวลานานไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
        O : ช่วยเหลือตนเองได้น้อย
        O : พลิกตะแคงตัวเองไม่ได้
        O : ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้
    - - 1.ประเมินลักษณะของผิวหนังบริเวณที่ถูกกดทับว่ามีรอยแดง รอยถลอก มีแผลหรือมีการลอกหลุดของผิวหนังโดยเฉพาะผิวหนังบริเวณปุ่มกระดูก
      - 2.ดูแลผู้ป่วยให้สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เรียบตึงไม่ควรให้ผิวหนังผู้ป่วยสัมผัสกับผ้ายางโดยตรง เพื่อป้องกันการอับชื้นและป้องกันการเสียดสี
      - 3.สอนแนะญาติในการดูแลให้ผู้ป่วยลดแรงกดทับที่บริเวณปุ่มกระดูกต่างๆ โดยการกระตุ้นให้ขยับตัวยกก้นลอยพ้นจากพื้นเตียง หรือช่วยพลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง
      - 4.แนะนำญาติในการกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายบนเตียง ในอวัยวะส่วนที่ไม่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวไม่เกิดการกดทับตลอดเวลา
      - 6.แนะนำญาติในการกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขา ข้อสะโพก (ข้างที่ไม่ได้หัก) และข้อเท้า เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการหดคลายตัว เพิ่ม Muscle tone และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อต่างๆ
        
        2.การออกกำลังกายข้อเท้า คือ การให้ผู้ป่วยกระดกเท้าขึ้นปล่อยข้อเท้าลง หมุนข้อเท้าเข้าด้านในและหมุนข้อเท้าออกด้านนอก เป็นการป้องกันข้อเท้าตกซึ่งจะทำให้เดินไม่ได้ และป้องกันการเสียดสีและกดทับกับพื้นเตียง เนื่องจากส้นเท้าไม่ยกลอย เกิดการระคายเคือง ผิวหนังถลอก
        
        1.การออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps Setting Exercise) คือ การเกร็งกล้ามเนื้อต้นขาโดยข้อไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อให้กล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักตัวได้ เมื่อเริ่มหัดยืนและหัดเดิน
      - 5.ดูแลให้ผู้ป่วยนอนท่านอนตะแคงกึ่งหงายโดยให้ข้างที่ถูกดึงถ่วงน้ำหนักอยู่ด้านล่างมีหมอนหนุนบริเวณหลัง และขาข้างปกติ ขาข้างที่ถูกดึงถ่วงน้ำหนักให้เหยียดตรงและอยู่ในแนวเดียวกับแนวดึง เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายอิริยาบถ
    - - ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ เช่น อาบน้ำ เข้าห้องน้ำเองได้ ลุกนั่ง เดินได้ตามปกติ
      - ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น พลิกตะแคงตัว ออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาข้างที่ไม่ได้หักได้ตามปกติ
- - - - S: ผู้ป่วยบอกว่า"ปวดขา pian score = 6"
        O: หน้านิ่ว คิ้วขมวด
        O:หงุดหงิดเมื่อพยาบาลพูดคุยด้วย
        O:หงุดหงิดเมื่อพยาบาลพูดคุยด้วย
        O: อัตราการหายใจ =22ครั้ง/นาที
    - - เพื่อบรรเทาอาการปวดบริเวณขาของผู้ป่วย
    - - pain score ลดลง/ไม่เกิน 3 คะแนน
      - สามารถทำกิจกรรมประจำได้ปกติ
      - อัตราการหายใจอยู่ในช่วง 16-20 ครั้ง/นาที
    - - 1.ประเมินภาวะปวดโดยใช้ pain scale ทุกเวร
      - 2.ตรวจวัดสัญญาณชีพของผู้ป่วยทุกๆ4 ชั่วโมง
      - 3.ให้การพยาบาลผู้ป่วยอย่างนุ่มนวล ขออนุญาตผู้ป่วย/ให้เหตุผลก่อนให้การพยาบาล
      - 4.บันทึกลักษณะ อาการ ปวด ความรุนแรง และความถี่ของการปวด
      - 5.จัดท่านอนหงายศีรษะสูง/ท่านอนให้อยู่ในท่าที่สุขสบาย
      - 6.รายงานแพทย์ กรณีอาการปวดของผู้ป่วยไม่ลดลง หรือปวดรุนเเรงขึ้น
      - 7.ดูเเลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามเเผนการรักษาของแพทย์
      - 8.ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการผ่อนคลาย ลดสิ่งเร้าทางอารมณ์ ดูเเล
        ให้สิ่งเเวดล้อมสะอาด เงียบสงบ
      - 9.ดูเเลให้การพยาบาลผู้ป่วยไม่ให้รบกวนต่อการนอนหลับ/พักผ่อนของผู้ป่วย
- - - - S: ผู้ป่วยบอกว่า "ปวดขา"
      - O: Pain Score = 6 คะแนน
      - O: ผู้ป่วยหน้านิ่ว คิ้วขมวด
      - O: เมื่อพยาบาลเข้าไปคุย มีการหงุดหงิดใส่
      - O: ปลายเท้าผู้ป่วยชิดปลายเตียง
      - O: ผู้ป่วย On skin traction น้ำหนัก 4 กิโลกรัม
    - - เพื่อบรรเทาอาการปวดจากการดึงถ่วงน้ำหนัก
    - - pain score ลดลง/ไม่เกิน 3 คะแนน
      - ไม่มีอาการหน้านิ่ว คิ้วขมวด
      - นอนหลับ พักผ่อนได้สนิท
    - - จัดท่าผู้ป่วยในการทำ Traction ที่ขาจะต้องมี Counter traction โดยยกปลายเท้าให้สูงกว่าลำตัว หมอนรองปลายเท้า เพื่อไม่ให้ตัวผู้ป่วยถูกดึงมาติดปลายเตียง
      - จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ตามแนวการดึง Line of pull ต้องผ่านตำแหน่งที่กระดูกหักและเชื่อกต้องตึงน้ำหนักที่ใช้ถ่วงต้องแขวนลอยอิสระเสมอ
      - 5.ตรวจดูว่าพันผ้ายืดแน่นเกินไปหรือไม่ หากพันแน่นเกินไปให้คลายผ้ายืดออกแล้วพันใหม่
      - 6.ดูเเลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามเเผนการรักษาของแพทย์
      - ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนขณะได้รับการถึงถ่วงน้ำหนัก
      - ประเมินระดับความปวด