Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีสัมพัทธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Theory) (พัฒนาการทางบุคลิกภาพ…
ทฤษฎีสัมพัทธภาพระหว่างบุคคล
(Interpersonal Theory)
ความต้องการพื้นฐาน
ความต้องการความมั่นคง security
เป็นความต้องการทางจิตสังคมรวมถึงความสบายใจ
ความต้องการความพึงพอใจ satisfaction เช่น ความหิว ความกระหาย ความรู้สึกทางเพศ
หลักของการคงอยู่
สิ่งมีชีวิตไม่สามารถแยกคนเองออกจากสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นในชีวิตได้
หลักของการทำหน้าที่
การทำหน้าที่ของร่างกายและกิจกรรมทางสรีรวิทยามีผลต่อกระบวนการปฏิสัมพันธ์ที่บุคคลมีต่อสิ่งแวดล้อม
หลักการจัดระบบ
ถ้ามีการยอมรับจากผู้อื่นจะรู้สึกดี
ถ้าไม่มีการยอมรัจะเกิดความกังวล
ผู้ก่อตั้งทฤษฎี
มีพื้นฐานความเชื่อจากทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
Harry Stack Sullivan
พัฒนาการทางบุคลิกภาพ 7 ขั้นตอน
ขั้นก่อนวัยรุ่น pre-adolescent
อายุ 11-13 ปี
ให้ความรักเอาใจใส่เพื่อนเพศเดียวกัน Chum relationship
ขั้นวัยรุ่นตอนต้น Early adolescent
อายุ 13 ถึง 17 ปี
เริ่มให้ความสนใจเพศตรงข้าม
วัยเด็กโต juvenile
อายุระหว่าง 5 ถึง 12 ปี
วัยเข้าโรงเรียนคิดแบบ syntactic มีการเชื่อมโยง คิดวิเคราะห์ รู้จักสังคม
ขั้นวัยรุ่นตอนปลาย Late adolescent
อายุ 17 - 19 ปี
มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้และเข้าใจตนเอง
สามารถเลือกทำกิจกรรมทางเพศตามที่ตนพอใจมากกว่าวัยที่ผ่านมา
รู้สักคยหาสมาคมกับผู้อื่นอย่างผูกพันแน่นแฟ้นและมั่นคงยิ่งขึ้น
รู้จักรับผิดชอบชีวิตของตนเอง และ ความเป็นไปของสังคม
วัยเด็ก childhood
อายุ 18 เดือนถึง 5 ปี
ภาษาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้การยืดเวลาของความต้องการที่ทำให้เกิดความพึงพอใจเรียนรู้จักการรอคอยการมีปฏิสัมพันธ์
ขั้นวัยผู้ใหญ่ Adulthood
อายุ 20 ถึง 30 ปี
เป็นวัยที่มีพัฒนาการทุกอย่างสมบูรณ์เต็มที่
สามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
วัยทารก infancy
อายุแรกเกิด ถึง 18 เดือน
การร้องไห้เป็นเครื่องมือที่ทารกใช้ติดต่อและเรียนรู้การมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ปัญหาสุขภาพจิต/เจ็บป่วยทางจิต
ประสบการณ์การในการมีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลในเด็ก
ได้รับการยอมรับ
มองสิ่งแวดล้อมในแง่ดี
Trust
เต็มใจติดต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น
รู้สึกต่อตนเองในทางบวก
good me
ไม่ได้รับการยอมรับ
มองสิ่งแวดล้อมในแง่ร้าย
Mistrust
รู้สึกต่อตนเองในทางลบ
Bad me
Not me
ไม่ต้องการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นมีความยุ่งยากในการสร้างสัมพันธภาพ หวาดระแวง ปฏิเสธสัมพันธภาพ
พฤติกรรมแปรปรวน
การเจ็บป่วยทางจิต
บุคคลมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นไม่เหมาะสม/ขาดสัมพันธภาพ
การช่วยเหลือ
เน้น
ความวิตกกังวล และ สาเหตุ มากกว่า พฤติกรรมการแสดงออกของผู้ป่วย
การบำบัดรักษา
ต้องสร้างความเชื่อถือ ไว้วางใจ โดยการแสดงความจริงใจ ไม่เสแสร้ง
ช่วยให้ผู้ป่วยได้แยกแยะปัญหาของตนเองและทำความเข้าใจตนเอง
เพื่อเพิ่มความตระหนักในตนเองพร้อมทั้งกระตุ้นให้ patient ได้สร้างสัมพันธภาพใหม่กับบุคลอื่น