Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ทฤษฎีการพยาบาล (ทฤษฎีการปรับตัวของรอย (แนวทางการประยุกต์ใช้ (ขั้นตอนที่1…

- - - - ปริญญาตรีทางการพยาบาลในปีค.ศ. 1963 ปริญญาโททางการพยาบาลและปริญญาเอกทางสังคมศาสตร์ใน ปีค.ศ. 1966 และ 1977 ตามลำดับ
      - เป็นพยาบาลประจำการแผนกเด็ก
      - เริ่มพัฒนาแบบจำลองการปรับตัวในขณะที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาโทในปี 1964 มีความเชื่อว่าเมื่อบุคคลเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตจะมีการปรับตัวได้ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มากระทบและความสามารถของบุคคลในการปรับตัว
  - - - เป็นการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวของผู้ป่วยในแต่ละด้าน ข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การตรวจร่างกาย การสัมภาษณ์ รายงานประวัติ การบันทึกของแพทย์และพยาบาล
  - - - กลไกการรับรู้
      - กลไกการควบคุมการทำงาน
    - - ด้านร่างกาย
        
        วิธีการตอบสนองด้านร่างกายต่อสิ่งเร้าโดยสะท้อนให้เห็นการทำงานระดับเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ
        
        การรับความรู้สึก
        
        น้ำและอิเลคโตรลัยท์
        
        การทำงานของระบบประสาท
        
        การทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ
      - ด้านอัตมโนทัศน์
        
        ด้านร่างกาย
        
        ความรู้สึก
        
        ภาพลักษณ์ของตนเอง
        
        ส่วนบุคคล
        
        ความมั่นคงในตนเอง
        
        ความคาดหวัง
        
        ศีลธรรม
    - - โดยตรง
      - ร่วม
      - แฝง
- - - - 2.ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง
      - 3.ระบบการพยาบาล
  - - - การกระทำให้หรือทำแทน
      - การชี้แนะ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจ และเลือกวิธีการกระทำได้
      - การสนับสนุน เพื่อให้ผู้ป่วยคงไว้ ซึ่งความพยายาม และป้องกันการล้มเหลว
      - การสอน เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะที่เฉพาะ
      - การสร้างสิ่งแวดล้อม
- - - - เกิดเมื่อปี ค.ศ.1940 ที่สหรัฐอเมริกา
      - ได้รับแรงจูงใจจากความต้องการที่จะทำความเข้าใจบทบาทในการบำบัดทางการพยาบาล รวมทั้งความรู้สึกผูกพันต่อบทบาทการดูแลเพื่อการฟื้นหายของผู้ป่วย
      - งานเขียน "ปรัชญาและศาสตร์การดูแล" ตีพิมพ์ครั้งแรกปี ค.ศ.1979
      - ปีค.ศ.1988 ทฤษฎีของวัตสัน "ศาสตร์เกี่ยวกับมนุษย์และการดูแล" ได้รับการตีพิมพ์
      - มีประสบการณ์ในวิชาชีพการพยาบาลกว้างขวาง งานเขียนและประสบการณ์ ส่งผลต่อการพัฒนาทฤษฎีการดูแลระหว่างบุคคล
      - ทฤษฎีการดูแลของวัตสัน ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  - - - สร้างค่านิยมเห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่นและมีเมตตา
        
        Ex. ทักทายผู้ป่วยด้วยคำสุภาพ ให้เกียรติและเอาใจใส่
      - สร้างความหวังและความศรัทธา
        
        Ex. พูดปลอบ ให้กำลังใจ เมื่อรู้สึกหมดหวัง ท้อแท้
      - สร้างความไวต่อความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น
        
        Ex. รับรู้และเข้าใจอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
      - สร้างสัมพันธ์การช่วยเหลือและการไว้วางใจ
        
        Ex. สนใจสอบถามอาการอยู่เสมอ ฟังผู้ป่วยระบายและไม่นำเรื่องที่ฟังไปเล่าต่อ
      - ยอมรับความรู้สึกทางบวกและทางลบ
        
        Ex. ยอมรับการแสดงออกของผู้ป่วยได้ทุกเรื่อง
      - ใช้วิธีแก้ปัญาหาและตัดสินใจอย่างเป็นระบบ
        
        Ex. เลือกวิธีการพยาบาลให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
      - ส่งเสริมการเรียนการสอนที่เข้าถึงจิตใจผู้อื่น
        
        Ex. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นการรักษาการพยาบาล และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วย
      - ประคับประคอง สนับสนุน แก้ไขสิ่งแวดล้อมทางกาย จิตสังคมและจิตวิญญาณ
        
        Ex. ดูแลสภาพแวดล้อมให้สวยงาม และปลอดภัย
      - พอใจที่จะช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความต้อลการของบุคคล
        
        Ex. เป็นตัวเแทนผู้ป่วยติดต่อกับแพทย์ เช่นการถามในสิ่งที่คนไข้ฝากถาม ไม่ใช่การตัดสินใจแทน
      - ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น พลังที่มีอยู่และเสริมสร้างจิตวิญญาณ
        
        Ex. รับฟัง ยอมรับความเชื่อของผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยได้ปฏิบัติในสิ่งที่เขาเชื่อ โดยไม่ขัดต่อสุขภาพ
  - - - บุคคลที่ประกอบขึ้นด้วยการรวมร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ เป็นแก่นตัวตน เป็นแหล่งที่เกิดความตระหนักในตนเอง
      - บุคคลที่มีคุณค่าในตัวเอง สมควรได้รับการนับถือ ความเข้าใจ ช่วยเหลือดูแล
    - - ภาวะที่เป็นสุขทางกาย จิตสังคมและจิตวิญญาณ ภาวะที่เป็นเอกภาพและดุลยภาพ
    - - มีส่วนในการสร้างค่านิยม
        
        ค่านิยมส่งเสริมให้เกิดการดูแล
      - มีส่วนในการสร้างพฤติกรรม การรับรู้และการพัฒนาของบุคคล
    - - การดูแลเยียวยา รักษาความเจ็บป่วย และสุขภาพของบุคคล
      - การดูแลที่เข้าถึงจิตใจและความรู้สึกของบุคคล
  - - - การดูแลและความรักเป็นพลังสากล
      - มนุษย์ต้องการความรักและการดูแลซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
      - การพยาบาลเป็นวิชาชีพที่ให้การดูแล
      - ก่อนให้การดูแลผู้อื่น พยาบาลต้องดูแลตนเองด้วยความอ่อนโยน รักศักดิ์ศรีของตนก่อน จึงจะดูแลผู้อื่นได้อย่างที่ดูแลตนเอง
      - การพยาบาลต้องยึดการดูแลในส่วนที่สุขภาพดีและการเจ็บป่วย
      - การดูแลเป็นแกนกลางของการพยาบาล และเป็นจุดเน้นในการปฏิบัติการพยาบาล
      - ดูแลเชิงมนุษยนิยมไม่ว่าจะรายบุคคลหรือกลุ่ม
      - ค่านิยมการดูแลของพยาบาลถูกบดบังจากการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นค่านิยมการดูแลที่เน้นความเป็นมนุษย์จึงอยู่ในภาวะวิกฤต
      - การอนุรักษ์และการศึกษาการดูแลมนุษย์เป็นประเด็นสำคัญของวิชาชีพพยาบาลทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
      - การดูแลมนุษย์ทำได้โดยการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเท่านั้น
      - ประโยชน์ของวิชาชีพพยาบาลต่อสังคม อยู่ที่การยึดมั่นในการดูแลเชิงมนุษยนิยม ทั้งด้านทฤษฎี ปฏิบัติและวิจัย
  - - - ขั้นพื้นฐาน
        
        ใช้ปัจจัยการดูแล 10 ประการเป็นพื้นฐานการดูแลผู้ป่วย
      - ขั้นสูง
        
        เข้าใจจิตใจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นหาย ใบ้ทฤษฎีของวัตสันมาประติดประต่อหลักการ กลวิธีแก้ปัญหา ตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหสทางการพยาบาล "กระบวนการพยาบาล"
    - - ประเมินสภาพ
        
        ทางร่างกายและตรวจทางห้องทดลอง
      - วินิจฉัยทางการพยาบาล
        
        ได้จากการรับรู้ข้อมูลจากผู้ป่วย เป็นการเขียนปัญหาที่เกิดขึ้น
      - วางแผนการพยาบาล
        
        วางแผนร่วมกับผู้ป่วย และตกลงจุดมุ่งหมายร่วมกัน
      - ปฏิบัติการพยาบาล
        
        ปฏิบัติตามแผนการพยาบาล มีปัจจัยการดูแล 10 ประการเชื่อมด้วย
      - ประเมินผล
        
        บรรลุจุดมุ่งหมายมากน้อยแค่ไหน
- - - - พฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง
      - ปัจจัยส่วนบุคคล
    - - การรับรู้ประโยชน์การปฏิบัติพฤติกรรม
      - การรับรู้อุปสรรคในการปฏิบัติพฤติกรรม
      - การรับรู้ความสามารถตนเอง
      - ความรู้สึกที่มีต่อพฤติกกรม
      - อิทธิพลระหว่างบุคคล
      - อิทธิพลจากสถานการณ์
    - - ความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติพฤติกรรม
      - ความจำเป็นอื่นและทางเลือกอื่นที่เกิดขึ้น
      - พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ
  - - - ใส่ใจต่อสุขภาพตนเอง สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง แสวงหาข้อมูลสุขภาพ
    - - ความสมดุลของร่างกายการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหว
    - - คือการประเมินคุณค่าทางโภชนาการ อาหาร 5หมู่
    - - สำรวจสิ่งแวดล้อม และ พฤติกรรมของบุคคล ตนเอง
    - - การผ่อนคลาย การพักผ่อนเพียงพอ และการแสดงออกด้านอารมณ์เหมาะสม
    - - ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต การกำหนดเป้าหมายของชีวิต รวมถึงการวางแผนการดำเนินชีวิต
- - - - การบริการในปี 1917
        คิงได้เสนอมโนทัศน์ระบบปฏิสัมพันธ์
      - มีการพัฒนามโนทัศน์ดังกล่าว เป็นทฤษฎีการบรรลุเป้าหมายและตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 1931
      - เป็นพยาบาลชาวอเมริกันที่มีประสบการณ์ในด้านการสอน และการการปฏิบัติพยาบาล
  - - - คิดเน้นถึงลักษณะเฉพาะของบุคคลโดยรวมข้อตกลงเบื้องต้น
        
        เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
        
        มีความนึกคิด มีความรู้สึกเป็นของตัวเอง
        
        มีเหตุผล
        
        มีความรับรู้
        
        มีความสามารถที่จะเเสดงความโต้ตอบ(React)ตามการรับรู้ของตนเอง
        
        มีความสามารถที่จะกระทำสิ่งต่างๆ(Action-oriented being)
        
        มีความสามารถที่จะวางเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ
        
        มีความสามารถที่จะตัดสินใจและควบคุมตนเองได้
        
        ทุกคนมีเวลาในเรื่องต่างๆที่เหมาะสมเฉพาะของตนเอง
    - - บุคคลที่มีสิ่งแวดล้อมภายใน ภายนอก มีความสามารถในการนำพลังงานมาช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม
    - - ภาวะสุขภาพ
        
        เป็นความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ บทบาททางสังคม
      - ภาวะเจ็บป่วย
        
        เป็นภาวะที่มีการเบี่ยงเบนของโครงสร้างร่างกายหรือจิตใจ
        
        เป็นภาวะที่มีความขัดเเย้งเกี่ยวกับสัมพันธภาพของบุคคลในสังคม
    - - เป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ของพยาบาลและผู้ใช้บริการ ช่วยบุคคลให้ฟื้นคืนสภาพ
      - มีการตั้งเป้าหมาย และกำหนดจุดมุ่งหมายของความสำเร็จร่วมกัน
      - การช่วยบุคคลและกลุ่มคนให้ฟื้นคืนสภาพดำรงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพดี
  - - - การสร้างสัมพันธภาพ
      - การติดต่อสื่อสาร
    - - การร่วมกันกำหนดเป้าหมาย
      - แสวงหาวิธีปฏิบัตินำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
    - - การบริการปฏิบัติความสำคัญไว้
    - - การที่พยาบาลและผู้รับบริการ ร่วมกันประเมินผลการตรวจว่าสำเร็จหรือไม่
- - - - เป็นความเชื่อมั่นที่บุคคลมีต่อตนเอง มีความสามรถที่จะปฏิบัติพฤติกรรมเป้าหมายได้สำเร็จ
    - - การที่บุคคลประเมินสมดุลระหว่างผลดี ผลเสียที่จะได้รับการปฏิบัติพฤติกรรมเป้าหมาย
  - - - การปลูกจิตสำนึก
      - การประเมินพฤติกรรม
    - - การประเมินตนเองการเปรียบเทียบผลดีและผลเสียของพฤติกรรม
    - - การรับรู้สิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนสุขภาพ
    - - การหาแรงสนับสนุนทางสังคม
    - - การควบคุมสิ่งเร้า
      - การให้เสริมแรง
      - การส่งเสริมความมั่นใจในความสามารถของตนเอง
- - - - ความเท่าเทียมกันในสังคม
      - ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
    - - มีบุคลภาพท่าทางเป็นมิตร
    - - เจรจาต่อรองกับผู้ใช้บริการที่มีความต่างทางวัฒนธรรม
    - - พิทักษ์สิทธิผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
    - - นโยบายด้านการให้บริการที่มีความแตกต่างด้านวัฒนธรรมไปสู่การปฏิบัติงาน
    - - ให้เกียรติและความเชื่อ เคารพในความเชื่อของผู้ใช้บริการ
- - - - ค.ศ.1820-1910 ได้รับการยอมรับว่าเป้นผู้ให้กำเนิดวิชาชีพพยาบาล
      - ค.ศ.1851ประเทศเยอรมนี มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยและทหารบาดเจ็บในสงครามไครเมีย
      - ไนติงเกลเคยบอกไว้ว่า What It Is and What It Is Not ในปีค.ศ.1859 และมีอิทธิพลต่อการพยาบาล
      - เป็นทฤษฎีทางการพยาบาลแรกที่ได้รับการยอมรับ
  - - - 4.แสงสว่าง(Light)
      - 5.การกำจัดกลิ่น(Odor)
      - 6.สุขลักษณะที่อยู่อาศัย(health of Housees)
      - 2.การรักษาอุณหภูมิ(Temperature)
      - 3.การควบคุมเสียง(Noise)
      - 1.การระบายอากาศ(Ventilation)
  - - - 1.การประเมินสุขภาพอนามัยของบุคคล
        
        สังเกตสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมและสืบค้นหาผลกระทบของการเจ็บป่วย
      - 2.การวินิจฉัยทางการพยาบาล
        
        วิเคราะห์ข้อมูล เช่น ความเจ็บป่วยของบาดแผลมาจากการอักเสบ
      - 3.การวางแผนการพยาบาล
        
        จุดมุ่งหมายคืออยากให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพชีวิตที่เป็นตามธรรมชาติ
      - 4.การปฏิบัติการพยาบาล
        
        จัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับผู้ป่วย
      - 5.การประเมินผลการพยาบาล
        
        ประเมินสภาพแวดล้อมให้ผู้ป่วยและปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ธรรมชาตินั้น
  - - - เป็นการจัดสิ่งแวดล้อมให้มีสภาพถ่ายเทอากาศได้ดี ผู้ป่วยได้รับอากาศบริสุทธิ์
    - - การรักษาอุณหภูมิให้มีความพร้อมมาเป็นสิ่งจำเป็นก่อให้เกิดความสุขสบายของผู้ป่วย
    - - เสียงเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักสำหรับผู้ป่วย จะมีผลทำให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วย
    - - แสงจากดวงอาทิตย์ เป็นสิ่งจำเป็นและเป็นสิ่งที่ผู้ปาวยต้องการ ถึงอย่างไรก็ตาม แสงจากไฟฟ้าก็จำเป็นต่อการทำกิจกรรมและยังมีผลต่อจิตใจของผู้ป่วย