Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กลุ่ม 1 การพยาบาลเด็กที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท (การชัก (สาเหตุ,…

- - - - ใส่เสื้อผ้าที่หลวมเบาสบาย ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา หือห่มผ้าหนาๆ
      - ดูให้เด็กได้พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่รบกวนเด็กโดยไม่จำเป็น ให้การพยาบาลหลายชนิดในคราวเดียวกัน เช่นวัดไข้ วัดความดัน ให้อาหาร/นม เป็นต้น
      - ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้ผู้ป่วยมีระยะพักผ่อนมากขึ้น
      - คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ช่วยเหลือเด็กในการทำกิจกรรมต่างๆ
      - บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม ถ้ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสให้เช็ดตัวลดไข้ ภายหลังวัดซ้ำอีกครึ่งชั่วโมง ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียสให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการชักจากไข้สูง
    - - ให้กำลังใจบิดา มารดาในการดูแลเด็ก เพื่อลดความวิตกกังวล
      - ให้บิดามารดามีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก เช่นการให้นม หรืออาหาร เป็นต้น
      - อธิบายอาการเจ็บป่วยของเด็ก แนวทางการรักษา การพยาบาลที่เด็กได้รับ และให้การพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บิดา ทารดารู้สึกว่าเด็กได้รับการดูแลอย่างดี
      - เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ระบายความรู้สึก รวมทั้งได้ซักถามเกี่ยวกับความเจ็บปวดของเด็ก เพื่อลดความวิตกกังวล
      - สร้างสัมพันธภาพกับบิดามารดา เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
    - - 3.ดูแลให้การพยาบาลขณะที่มีอาการชัก เพื่อป้องกันอันตรายจากการชัก ดังนี้
        
        ดูแลระบบทางเดินหายใจให้สะดวก จัดท่านอนตะเเคง ศีรษะต่ำ
        
        ไม่ผูกยึดเด็ก หรือจับเด็กขณะมีอาการชัก ป้องกันข้อไหล่หลุด กระดูกหัก
        
        ไม่ใส่ไม้กดลิ้นเข้าปากเด็ก เพราะอาจทำให้ฟันหักเข้าลำคอ เกิดการอุดกลั้นทางเดินหายใจ
        
        คลายเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
        
        ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นขณะชัก
      - สังเกต และระยะเวลาของการชัก ลักษณะการชัก
      - ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด หากมีอาการชักจะได้ช่วเหลือทันที
      - สังเกตริมฝีปาก ปลายมือ ปลายเท้า ลักษณะการหายใจ วัด O2 sat
      - บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม ถ้ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสให้เช็ดตัวลดไข้ ภายหลังวัดซ้ำอีกครึ่งชั่วโมง ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียสให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการชักจากไข้สูง
      - ดูแลให้เด็กนอนหลับพักผ่อนหลังมีอาการชัก และไม่รบกวนเด็กโดยไม่จำเป็น
    - - ให้ออกซิเจนตามความเหมาะสม และตามแผนการรักษา
      - ให้ยาป้องกันการชักตามแผนการรักษา
      - คลายเสื้อผ้าให้หลวม เพื่อให้หายใจสะดวก
      - บันทึก และสังเกตการหายใจ พร้อมทั้งประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
      - ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยดูดเสมหะ และสิ่งตกค้างในปาก
      - จัดท่านอนให้ผู้ป่วยเด็กหายใจสะดวก นอนตะแคงหน้า ศีรษะต่ำ
  - - - สาคัญที่สุดคือการลดไข้ โดยเช็ดตัวลดไข้ให้ถูกวิธี และกินยาลดไข้
      - ให้ยาเพื่อป้องกันการชักไม่ให้ชักนานเท่านั้น
      - ให้ยาป้องกันติดต่อตลอดทั้งที่มีไข้และไม่มีไข้
      - 1.ให้ยาป้องกันเมื่อมีไข้เท่านั้น
  - - - แนะน้า หลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมอาการชัก
      - อาหาร Ketogenic Diet
      - ให้ยาสม่้าเสมอทุกวัน ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2ปี
      - เลือกยาที่เหมาะสมกับชนิดของอาการชัก
    - - หาสาเหตุและแก้ไขสาเหตุ
      - 1.General management A B C
      - 2.หยุดชักด้วยยากันชัก
        
        Benzodiazepine ได้แก่ Diazepam หรือ Valium
        
        Carbamazepine ( Tegretol)
        
        Phenobarbital
        
        Phenytoin (Dilantin)
        
        Vaporic acid ( Depakine )
  - - - เซลล์ประสาทในสมองกลุ่มใหญ่ท้างานผิดปกติโดยมีการกระตุ้นอย่างเฉียบพลัน แสดงออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน
    - - อาการชักที่เกิดขึ้นซ้้าๆไม่มีสาเหตุ
    - - อาการชักที่มีการแสดงออกทางmotor
  - - - หยุดยากันชักกระทันหัน
      - CNS infection
      - head injury
      - การขาด O2
      - การเปลี่ยนแปลงทาง metabolic
  - - - Neonatal seizures
        
        Subtle seizuresseizuresพบบ่อยสุด ท้าท่าดูด
        เคี้ยวปาก ตาเหลือกไปด้านใดด้านหนึ่ง
        
        Tonic Clonic Myoclonic
    - - tonic seizures / Infantile spasm
        
        การชักแบบ myoclonic ติดต่อกันหลายๆครั้ง
      - atonic seizures
        
        การชักที่มีการเสีย muscle tone อย่างทันที
      - clonic seizures
        
        การชักแบบ myoclonic ติดต่อกันหลายๆครั้ง
      - myoclonic seizures
        
        การชักซึ่งมีการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง แ
        และรวดเร็วมาก ดูคล้ายอาการสะดุ้ง
      - tonic clonic seizures
        
        อาจมี Todd s paralysis คือมีแขนขาอ่อนแรงหลังชัก
        
        อาจมีปัสสาวะ อุจจาระราดได้
        
        มีอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
      - absence seizures
        
        พบในช่วงอายุ 4-8ปี
        
        สั้นๆ มักไม่เกิน 30วินาที
        
        หยุดการเคลื่อนไหวเฉียบพลัน เหม่อ ไม่รู้ตัว
    - - อาการ
        
        Temporal lobe เสียงแว่ว ได้กลิ่น กลัวautomatism
        
        Parietal lobe ชา เจ็บ GI symptoms
        
        Occipital lobe เห็นแสง เห็นภาพ มองไม่เห็น
        
        Frontal lobelobe-กระตุกด้านตรงข้าม
      - partial seizures evolving to generalized tonic clonic
        convulsion
      - complex partial seizures
        
        ไม่รู้สึกตัว
      - simple partial seizures
        
        รู้สึกตัวดีตลอด
- - - - ปัญญาอ่อน พบประมาณ 30 -50
      - พัฒนาการด้านมอเตอร์ช้า
  - - - ระวังการเกิดภาวะอุดกลั้นทางเดินหายใจ
      - ช่วยเหลือเด็กในการรับประทานอาหาร ระมัดระวังการสำลัก
      - กระตุ้นให้เด็กดูแลตนเองตามความสามารถ ถ้าเด็กไม่สามารถให้ผูดูแล ดูแลวามสุขสบายทั่วไป เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
      - แนะนำครอบครัว หรือผู้ดูแลฝึกเด็กให้ขับถ่ายตามความสามารถ
    - - ส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านโดยใช้ของเล่น หรือกิจกรรมที่ให้เด็กได้เล่น และมีส่วนร่วมมากที่สุดตามความสามารถของเด็ก
      - แนะนำครอบครัว หรือผู้ดูแลในการดูแลส่งเสริมพัฒนาการเด็กอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง
      - ประเมินพัฒนาการของเด็ก
      - ติดตาม และประเมินพัฒนาการเป็นระยะๆ
    - - ช่วยเด็กในการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น อุปกรณ์ช่วยเดินสำหรับเด็ก
      - เเนนำครอบครัว ผู้ดูแลเด็กให้มีการออกกำลังกาย ตามความสามารถของเด็ก
      - จัดหาของเล่นที่จะกระตุ้นให้เด็กเกิดการเคลื่อนที่ หรือการเคลื่อนไหว
      - ส่งเด็กไปทำกายภาพบำบัด เพื่อป้องกันความพิการอื่นๆ
      - กระตุ้นให้เด็กนั่ง คลาน เดิน ตามวัยของเด็ก
      - ให้ยาคลายกล้ามเนื้อในเด็กที่มีการเกร็งของกล้ามเนื้อ
      - ประเมินลักษณะการเคลื่อนไหวร่างกาย
- - - - การติดเชื้อผ่านทางกระแสเลือด เช่น H.I nfluenza type B
      - ลุกลามโดยตรงจากอวัยวะใกล้เคียง
      - ได้รับเชื้อโดยตรงจาก contamination
    - - อาการติดเชื้อในร่างกาย เช่น ไข้สูง ดูดนมไม่ดี อาเจียน ซึม
      - อาการระคายเยื่อหุ้มสมอง เช่น ปวดต้นคอ ซึม ชัก หมดสติ
    - - Stiffness of neck
      - Kernig s sign
      - Brudzinski s sign
      - การเจาะตรวจน้าไขสันหลัง
        
        ฺBacterial
        
        Neutrophil สูง
        
        โปรตีนสูง (100 -500 mg/dl)
        
        น้้าตาลต่ำ (มัก < 40 mg/dl)
        
        WBC สูง (100 -60000 เซล/ลบ.มม.)
        
        Viral
        
        Monocyte สูง
        
        โปรตีนต่ำ
        
        น้้าตาลปกติ
    - - Antibiotic รีบให้ทันที
      - การรักษาประคับประคอง
        
        เฝ้าระวังความดันโลหิต การหายใจ ต้องปกติ
        
        สมดุลสารน้้าและเกลือแร่
        
        ลดไข้
  - - - มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน คอตึง ปวดต้นคอ
      - ซึมเล็กน้อย irritable อาจชัก meningeal signs
    - - LP
        
        CSF
        
        wbcสูงเล็กน้อย (10 -1000 เซล/ลบซม.) มักเป็น lymphocyte
        
        protein สูงเล็กน้อย (50 -100 mg/dl)
        
        sugar มักปกติ
    - - ประคับประคอง
  - - - ไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน ซึม ไม่รู้สติใน 24-48ชม.
      - ขึ้นกับความรุนแรงของภาวะ ICP
    - - supportive : ช่วยหายใจ ให้ยาหยุดชัก แก้ดุลกรด-ด่าง
      - ฟื้นฟูสมรรถภาพ
      - ลดสมองบวม จ้ากัดน้้าและเกลือแร่
    - - การตรวจน้้าไขสันหลัง
      - เจาะเลือดหาภูมิต้านทานต่อเชื้อที่เป็นสาเหตุ
  - - - ลามเข้าสู่สมองโดยตรง chronic otitis media mastoiditis
        chronic sinusitis
      - ไปตามกระแสเลือดโดยมี infection ที่อื่น โดยเฉพาะผู้ป่วย Cyanotic
        heart disease
      - เกิดตามหลังบาดเจ็บที่ศีรษะ: compound fracture
    - - อาการของ ICP สูง : ปวดศีรษะ อาเจียน เห็นภาพซ้อน Papilledema
      - อาการของ focal neurological signs ขึ้นอยู่กับต้าแหน่ง lesion
      - อาการเกี่ยวกับ infection : ไข้สูง อาเจียน เบื่ออาหาร ซึม ชัก
    - - CT scan
    - - รักษาประคับประคอง
        
        ให้ IV fluid ลดไข้กันชักแก้ดุลกรด ด่างเกลือแร่
        ลดสมองบวม
      - รักษาเฉพาะ
        
        ให้antibiotic ที่เหมาะสม
        
        ผ่าตัด drainage เอาหนองออก
  - - - จำกัดน้ำตามแผนการรักษาในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำเกิน
      - วัด และบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความผิดปกติ
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษา
        
        2.1. ยาลดภาวะสมองบวม เช่น 20% mannitol
        
        2.2. ยาขับปัสสาวะให้ทางหลอดเลือดดำ เช่ furosemide
        
        2.3. ยาเสียรอยด์ให้ทางหลอดเลือดดำ เช่น dexamethasone
      - ประเมิน และบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท รวมทั้งสังเกตอาการชักเกร็ง อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง เพื่อรายงานแพทย์ และให้การรักาาอย่างทันท่วงที
      - จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 30 องศา เพื่อลดภาวะความดันโลหิตสูง
      - สังเกต และบันทึกอาการปวดศีรษะ อาเจียน ชัก เป็นต้น เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท
      - วัด และบันทึกเส้นรอบวงศีรษะ ในผ็ุป่วยเด็กเล็กที่กระหม่อมยังไม่ปิด
      - จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอยางเต็มที่ ไม่รบกวนโดยไม่จำเป็น
      - วัด และบันทึกปริมาณน้ำเข้า และออกจากร่างกาย
    - - จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่รบกวนผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยลดการใช้ออกซิเจน
      - วัด และบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความผิดปกติ
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยากันชัก / ยาลดเกร็งกล้ามเนื้อตามแผนการรักษา
      - ประเมิน และบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท รวมทั้งสังเกตอาการชักเกร็ง อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง เพื่อรายงานแพทย์ และให้การรักาาอย่างทันท่วงที
      - ดูแลให้ผู้ป่วยทางเดินหายใจโล่งโดยการเคาะปอด และดูดเสมหะ
      - วัด และบันทึกความเข้นข้อนของออกซิเจนในหลอดเลือดฝอยทุก 4 ชม.
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจน / เครื่องช่วยหายใจตามแผนการรักษา
      - ประเมิน และบันทึกอาการของภาวะเขียวจากการขาดออกซิเจน
      - จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 30 องศา เพื่อให้หลอดเลือดดำจาก venous sinus จากสมองสู่หัวใจได้ดีขึ้น
    - - ประเมิน และบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท รวมทั้งสังเกตอาการชักเกร็ง อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง เพื่อรายงานแพทย์ และให้การรักาาอย่างทันท่วงที
      - จัดให้ผู้ป่วยนอนบนเตียง อากาศถ่ายเทสะดวก จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอยางเต็มที่
      - วัด และบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความผิดปกติ
      - ทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยให้สะอาดโดยเฉพาะช่องปาก เพื่อลดการติดเชื้อ
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาต้านจุลชีพ หรือยาปฏิชีวนะตามแผนการรักาา
      - เก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยในการวินิจฉัย และรักษาเพิ่มเติม
- - - - CNS infection
      - Cerebrovascular accidents
      - Hypertension
    - - ไมเกรน
    - - Brain tumor
      - Brain abscess
      - Hydrocephalus
      - Chronic subdural hematoma
    - - Tension headache
  - - - อาการเริ่มต้น
      - ปวดแบบไหน
      - ความรุนแรง
      - ต้าแหน่ง
      - เวลา
  - - - LP
      - CT MRI
      - EEG
      - skull X ray
- - - - ventriculo-pleural shunt
      - ventriculoventriculo-atrial shunt
      - ventriculo peritoneal shunt
  - - - วัด บันทึกสัญญาณชีพ และอาการทางประสาทตามแผนการรักษา
      - วัด และบันทึกเส้นรอบวงศีรษะ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
      - ทดสอบการทำงานของสายระบายน้ำไขสันหลังว่ามีการอุดตันหรือไม่ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงบน reservoir chamber แล้วปล่อยทันที
        
        ถ้ากดไม่ลงแสดงว่า สายระบายน้ำไขสันหลัง มีการอุดตันที่ปลายล่าง
        
        ถ้ากดลงแล้วไม่เด้งกลับตำแหน่งเดิม เเสดงว่ามีการอุดตันที่ ventricle catheter
      - วัด และบันทึกเส้นรอบท้อง อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ในกรณ๊ที่ผู้ป่วยผ่าตัด VP shunt
      - จัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายศีรษะสูงประมาณ 15 องศา ควรหลีกเลี่ยงการนอนทับด้านที่ทำผ่าตัด เพื่อป้องกันการหักพับงอของสายระบายน้ำไขสันหลัง (shunt)
      - สังเกตอาการของภาวะความดันในกระโหลกศีรษะสูง เช่น ร้องไห้ กระสับกระส่าย เป็นต้น
    - - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยากันชัก / ยาลดเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันเซลล์สมองถูกทำลาย
      - ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยเกิดการท้องผูกโดยติดตามกรขับถ่ายอุจจาระ เพื่อป้องกันการเพิ่มความดันในช่องท้อง ทำให้ความดันในกระโหลกศีรษะสูงขึ้น
      - ดูแลทางเดินหายใจของผู้ป่วยให้โล่งโดยการดูดเสมหะ เพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดี ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น
      - จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่รบกวนผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยลดการใช้ออกซิเจน
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจน และเครื่องช่วยหายใจตามแผนการรักษา
      - วัด และบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความผิดปกติ
      - ประเมิน และบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท รวมทั้งสังเกตอาการชักเกร็ง อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง เพื่อรายงานแพทย์ และให้การรักาาอย่างทันท่วงที
      - วัด และบันทึกความเข้นข้อนของออกซิเจนในหลอดเลือดฝอยทุก 4 ชม.
      - จัดท่าผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 15 - 30 องศา เพื่อเพิ่มการไหลกลับของโลหิตดำ venous sius จากสมองสู่หัวใจได้ดีขึ้น เป็นการลดแรงต้านในสมอง และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตแดงไปส่สมอง
      - ประเมิน และบันทึกอาการของภาวะเขียวจากการขาดออกซิเจน
- - - - รูม่านตาข้างหนึ่งขยาย และปฏิกิริยาต่อแสง
        ลดลง แขนขาอ่อนแรงข้างตรงข้าม
        systolic BP สูง HR ต่ำ RR ต่ำ
      - ปวดศีรษะ อาเจียน eye ground มี Papilledema ถ้ารุนแรงมาก มี herniation ของสมอง
    - - ปวดศีรษะ อาการมากขึ้นเรื่อยๆมักปวดตอนเช้า
      - อาเจียน เห็นภาพซ้อน ตาพร่ามัว
      - ในเด็กเล็ก -fontanelle โป่งตึง suturesutureแยก ศีรษะโตเร็ว
  - - - การให้ยาลดสมองบวม
      - การใส่ท่อช่วยหายใจและให้ hyperventilation
      - ผ่าตัดใส่ shunt หรือเจาะระบายน้้าไขสันหลังออก
    - - ป้องกันอาการชัก
      - ระมัดระวัง vital signs ต่างๆให้ปกติ
      - รักษาดุลย์ของสารน้้าและเกลือแร่ในร่างกาย