Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษา Acute myeloid leukemia (อาการและอาการแสดง (ไข้ โดยไม่รู้สาเหตุ…
กรณีศึกษา Acute myeloid leukemia
นิยามของโรค
มะเร็งที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนในไขกระดูกมีการเจริญแบ่งตัวเร็วผิดปกติและกลายเป็นเซลล์ผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวตัวแก่ที่ทำหน้าที่ปกติได้การแบ่งตัวอย่างไม่หยุดของเซลล์จึงไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติชนิดอื่นของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวปกติ และเกล็ดเลือดลดลง
แบ่งได้ 2 ชนิด ได้แก่
1.มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute leukemia)
เกิดจากการสร้างเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดในไขกระดูกลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการซีดลงในระยะเวลาอันสั้น, มีไข้, อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เพราะมีเลือดน้อย, เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้มีอาการเลือดออกตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามไรฟัน และผิวหนัง, มีจุดจ้ำเลือดขึ้นตามตัวอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนหลังจากเป็นโรค และเนื่องจากเม็ดเลือดขาวที่มากกว่าปกตินั้น เป็นเม็ดเลือดขาวที่มีลักษณะรูปร่างและการทำงานผิดปกติไปจากเดิม ส่วนเม็ดเลือดขาวที่ทำงานปกติหายไปเกือบหมดจึงทำให้มีการติดเชื้อง่ายในผู้ป่วย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1.2 มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีโลจีนัสเฉียบพลัน (Acute Myelogenous Leukemia : AML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่มีการดำเนินของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติของเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีโลไซต์ (Myelocytes) หรือแกรนูโลไซต์ (Granulocytes) ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย ภาวะนี้มักไม่ค่อยพบในเด็ก แต่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
1.1 มะเร็งเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์หรือลิมโฟบลาสต์เฉียบพลัน (Acute Lymphocytic หรือ Lymphoblastic Leukemia : ALL) เป็นภาวะที่เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ พบได้บ่อยในเด็ก
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic leukemia)
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์เม็ดเลือดทั้ง 3 ชนิดไป ส่วนใหญ่จะแสดงออกทางเม็ดเลือดขาวมากที่สุด คือ มีการสร้างเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ นอกจากนี้ แล้วเม็ดเลือดขาวที่สร้างขึ้นมานี้ยังมีอายุยืนยาวกว่าปกติมาก ส่งผลให้สามารถทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้บ้างพอสมควร และการรบกวนการสร้างเซลล์ปกติไม่มากนักเพราะฉะนั้นในลิวคีเมียชนิดนี้ จึงไม่ค่อยมีการติดเชื้อบ่อยเหมือนกับลิวคีเมียชนิดเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป โดยมักจะมีเม็ดเลือดขาวมาก, ตับ, ม้ามหรือต่อมน้ำเหลืองโตได้ระยะเวลาเป็นปี แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
2.1 มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์เรื้อรัง (Chronic Lymphocytic Leukemia : CLL) เป็นภาวะที่มีการเพิ่มของเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์อย่างช้าๆ และมักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่
2.2 มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีโลจีนัสเรื้อรัง (Chronic Myelogenous Leukemia : CML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือกขาวที่ในระยะแรกภาวะของโรคดำเนินไปอย่างช้าๆ และมักเกิดในวัยกลางคน
สาเหตุ
1.พันธุกรรม
2.สารรังสี
3.สารเคมี
4.สารบุหรี่
5.การติดเชื้อไวรัส
พยาธิสภาพ
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน เกิดจากมีเซลล์ต้นกำเนิด (stem cell) เพียงตัวเดียวกลายเป็นเซลล์มะเร็ง แล้วแบ่งตัวมากมายโดยไม่หยุดยั้ง (Proliferation) และไม่มีการเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ (differentiation) การกลายพันธุ์ของเซลล์ต้นกำเนิดไปเป็นเซลล์มะเร็งนั้นเกิดจากมีความผิดปกติในโครโมโซมของเซลล์นั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของยีนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเจริญพัฒนาของเซลล์เม็ดเลือดขาว จึงไม่สามารถควบคุมเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการแบ่งตัวและการเจริญพัฒนาตามปกติได้ กลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
อาการและอาการแสดง
ไข้ โดยไม่รู้สาเหตุ เป็นได้ทั้งไข้สูงและไข้ต่ำ แต่มักเป็นไข้สูง
อ่อนเพลีย
ซีด
เบื่ออาหาร
น้ำหนักลด
ปวดข้อ, ปวดกระดูก
มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไข้ ติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย เพราะเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
การวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค
การวินิจฉัยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันมัก ทำได้ง่ายหากพบ blast cell ในเลือด แต่ถ้าไม่พบ blast cell ต้องวินิจฉัยแยกโรคจากโรคอื่นๆ เช่น
โรคไขกระดูกฝ่อ (aplastic anemia) ผู้ป่วยมักมีอาการไข้ซีดและเลือดออกง่ายได้เช่นเดียวกันโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่การตรวจร่างกายในโรคไขกระดูกฝ่อจะไม่พบต่อมน้ำเหลืองหรือตับม้ามโตผลตรวจ Complete blood Count (CBC) พบ pancytopenia โดยไม่พบ blast cell แต่การตรวจไขกระดูก (bone marrow aspiration) พบลักษณะ hypocellular marrow และไม่พบ blast cell
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำไม่ทราบสาเหตุ (immune thrombocytopenia) ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดออกง่ายจากเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งมักเป็นตามหลังการติดเชื้อ หรือได้รับวัคซีน ตรวจร่างกายจะไม่พบต่อมน้ำเหลืองหรือตับม้ามโต และมักจะไม่ซีดหรือซีดเพียงเล็กน้อยการตรวจไขกระดูกพบ megakaryocyte เพิ่มขึ้นหรือปกติโดยไม่พบ blast cell
3.การแพร่กระจายของมะเร็งชนิดอื่นไปยังไขกระดูก เช่น neuroblastoma ซึ่งแพร่กระจายไปยังไขกระดูกบ่อยและมีอาการและอาการแสดงเช่นเดียวกับมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตรวจร่างกายอาจพบก้อนในท้องหรือมีอาการอื่นๆที่เกิดจากการกดเบียดของก้อนมะเร็งได้ การตรวจไขกระดูกพบ neuroblastoma cell ซึ่งมีลักษณะจำเพาะเป็น Small blue round cell
การติดเชื้อบางชนิดเช่น infectious mononucleosis อาจทำให้มีไข้และตับม้ามโตได้ แต่มักไม่พบภาวะซีดหรือเกล็ดเลือดต่ำ ยกเว้นกรณีที่เกิด infectious associated hemophagocytic Syndrome ร่วมด้วย ตรวจ CBC จะพบ lymphocytosis โดยที่ไม่พบ blast cell
Juvenile inflammatory arthritis ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ตับม้ามไม่โตและผล CBC หรือภาพถ่ายรังสีกระดูกปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Hb = 8.9 (13 – 16.5 g/dl)
Hct = 26 (39 – 49 %)
RDW = 15.1 (11.5-14.5 %)
RBC = 2.94 (4.60-6.00×106/uL)
Correct WBC = 3.70 (4.50-11.00×103/uL)
Lymphocyte = 13 (22.2 – 43.6 %)
Monocyte = 19 (0 – 7.3%)
การแบ่งชนิดของ AML แบ่งได้ 2 แบบ
แบ่งโดย The French American-British (FAB) Working Group
แบ่งโดย WHO Classification
แนวทางการรักษา
การรักษาแบบประคับประคอง
การรักษาจำเพาะ
3.การให้เคมีบำบัด
ชนิดของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน
แบ่งชนิดตามลักษณะของเซลล์มะเร็ง คือพบ lymphoblast ในโรค ALL และ myeloblast ในโรค AML (ตารางที่ 1)