Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hypertensive Disorders in Pregnancy (ปัจจัยเสี่ยง…
Hypertensive Disorders
in Pregnancy
คำจำกัดความ&เกณฑ์การวินิจฉัย
Pre-eclampsia
blood pressure
systolic ≥140 mmHg หรือ
diastolic ≥ 90 mmHg
systolic ≥160 mmHg หรือ
diastolic ≥ 110 mmHg ยืนยันใน
เวลาอันสั้น (1-2นาที) เพื่อการรักษา
Proteinuria
มี protein ≥300 mg ในปัสสาวะที่เก็บ 24 ชั่วโมง หรือ
proteim:creatinine ratio ในปัสสาวะ ≥0.3 หรือการสุ่ม
ตรวจปัสสาวะโดยใช้แถบตรวจ (DIpstick) พบมีระดับ+1 หรือมากกว่า
Severe feature of
Pre-eclampsia
≥ 160 mmHg หรือ diastolic ≥110 มม.ปรอท โดยวัด 2 ครั้ง ห่างกัน 4 ชั่วโมง
Thrombocytopenia: เกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000/ลูกบาศก์ มม.
Inpaired liver function: มีการเพิ่มขึ้นของค่า transaminase เป็น 2 เท่า
ของค่าปกติ หรือมีอาการปวดบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาอย่างรุนแรง
Renal insufficiency: ค่า serum creatinine ≥ 1.1 มิลลิกรม/เดิลิตร
หรือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ของ serum creatinine เดิมโดยไม่มีโรคไตอื่น
Pulmonary edema
อาการทางสมองหรือตา ที่เกิดขึ้นใหม่
อาการปวดศรีษะที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ตอบสนองต่อยาและไม่ใช่เกิดจากการวินิจฉัยอื่น
ตาพร่ามัวที่เกิดขึ้นใหม่
ในรายที่พบลักษณะดังกล่าวข้อใดข้อหนึ่ง วินิจฉัยเป็น preeclampsia with
severe features
ส่วนรายที่ไม่พบลักษณะดังกล่าวให้วินิจฉัยว่า preeclampsia without
severe features
Chronic hypertension (CHT)
systolic ≥ 160 mmHg หรือ diastolic ≥110 มม.ปรอท ก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
ภาวะความดันโลหิตสูงเป็นมาก่อนการตั้งครรภ์
วินิจฉัยเป็น Stage I hypertension ก่อนการตั้งครรภ์
Gestational hypertension
หญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติความดันโลหิตปกติ
systolic ≥140 mmHg หรือ diastolic ≥ 90 mmHg
วัด 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
พบภายหลังตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์
ไม่พบความผิดปกติของระบบอวัยวะ
Chronic hypertension with
Pre-eclampsia superimposed
ภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องมากจากการตั้งครรภ์
พบมีโปรตีนในปัสสาวะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันที
พบมีเกล็ดเลือดต่ำ
มีการหลั่งเอ็มไซม์จากตับสูงขึ้น
Eclampsia
ภาวะ Pre-eclampsia เมื่อมีอาการชักร่วมด้วยอาการชักไม่ได้เกิดจากภาวะ
อื่น ๆ เช่น ลมบ้าหมู หรือโรคทางสมอง เป็นต้น
HELLP Syndrome
Elevated liver enzymes (EL) คือ การเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ตับ
วินิจฉัยจากค่า serum AST สูงกว่า 70 หรือ ALT สูงกว่า 50 IU/L
Low platelet (LP) คือเกล็ดเลือดต่ำ คือ platelet count ≤ 100,000 ต่อไม่โครลิตร
Hemolysis (H) คือ การแตกหรือการสลายของเม็ดเลือดแดง ระดับ serum latate
dehydrogenase (LDH) >600 IU/L และ/หรือ มี schistocyte ใน peripheral blood smear และ/หรือ serum bilirubin ≥1.2mg/Dl
สาเหตุและพยาธิสภาพกำเนิด
(รูปอยู่ด้านหลัง)
ปัจจัยเสี่ยง
ประวัติเคยมีภาวะ Pre-eclampsia ใน
ครรภ์ก่อน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 7 เท่า
ครรภ์แรก (Primigravida) หรือไม่เคยผ่าน
การคลอดมาก่อน (nulliparity)
อายุ มักพบในหญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า18 หรือ
มากกว่า 40 ปีขึ้นไป
ประวัติพันธุกรรมในครอบครัว โดยเฉพาะมารดา
พี่สาว หรือน้องสาว จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น
ภาวะโภชนาการ ภาวะขาดสารอาหาร เช่น ขาด
แคลเซียม โรคอ้วน ขาดวิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น
ความเจ็บป่วยทางอายุรกรรม เช่น เบาหวาน โรคไต โรคหลอด
เลือด ความผิดปกติของปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ภาวะที่ระดับ ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เป็นต้น
ความผิดปกติทางสูติกรรม เช่น เบาหวาน ครรภ์แฝด ครรภ์
แฝดน้ำ ภาวะทารกบวมน้ำ และ การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
อาการทางคลินิก
อาการชัก
ระยะก่อนชัก (Premonitoring stage)
ระยะเริ่มแรกของอาการชัก (Stage of invasion)
ระยะเริ่มชักเกร็ง (Stage of contraction หรือ tonic stage)
ระยะชักกระตุก (Stage of convulsion หรือ clonic stage)
ระยะหมดสติ (Coma หรือ unconscious)
เจ็บที่ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงอย่างรุนแรง
ปวดศีรษะมาก มักปวดบริเวณ Frontal area
แต่อาจพบ occipital ร่วมก็ได้
อาการผิดปกติทางสายตา ตาพร่ามัว มองไม่ชัด
อาเจียน
ตื่นตัวทางประสาท
ผลกระทบ
ต่อทารก
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
ขาดออกซิเจน มีกรดคั่ง (acidosis)
ทารกคลอดก่อนกำหนด
แท้งหรือเสียชีวิตในครรภ์
ทารกตายในครรภ์เฉียบพลันหรือตายในระยะแรกเกิด
มารดาได้รับ Magnesium Sulfate ในระยะคลอด ยาสามารถผ่านรกไปสู่ทารกได้ ทารกแรกคลอดอาจ
มี reflex และการหายใจไม่ดี
ต่อมารดา
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (Abruptio placenta)
ภาวะตกเลือดจากภาวะเลือดไม่แข็งตัว (Disseminated Intravascular Coagulation : DIC)
ภาวะหัวใจขาดเลือด (myocardial infarction)
ภาวะหัวใจล้มเหลว (congestive heart failure)
จากการมี venous return เพิ่มอย่างรวดเร็ว
ภาวะไตวายเฉียบพลัน (renal failure) เนื่องจากเลือด
ไปเลี้ยงไตน้อยลง (hypovolemia)
ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema)
เลือดออกในสมอง (cerebral hemorrhage)
เลือดออกในตับจนมีการตายของเซลล์ตับ (liver necrosis) หรือ ตับวาย (hepatic failure)
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia)
ภาวะการหลุดออกของเรตินา (retina detachment) ทำให้ตาบอดได้
อันตรายจากการชัก เช่น สำลักเศษอาหารเข้า
หลอดลม กัดลิ้น ข้อเคลื่อน หรือกระดูกหัก
การป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ
การให้ยาแอสไพริน (aspirin) ขนาดต่ำๆ
(60-80 มก.)
การให้แคลเซียมเสริมระหว่างการตั้งครรภ์
แนวทางการดูแลรักษา
Preeclampsia without severe feature หรือ mild gestational hypertension
อายุครรภ์ 37 สัปดาห์หรือมากกว่า ควรให้คลอด
อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ แนะนำให้ expectant management
partial bed rest
ประเมินอาการของมารดาและทารกเป็นระยะๆและนับลูกดิ้นทุกวัน
ไม่จำเป็นต้องให้ยาลดความดัน
วัดความดันโลหิต 2 ครั้ง/สัปดาห์
ในกรณี gestational hypertension ให้ตรวจหา proteinuria ที่โรงพยาบาล สัปดาห์ละครั้ง
ตรวจนับเก็บเลือด และ Liver enzyme( AST, ALT, Creatinine, LDH) ทุกสัปดาห์
ในกรณี Preclampsia without U/Sติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทุก
2 – 4 สัปดาห์ และควรตรวจประเมินสุขภาพทารกในครรภ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย
แนะนำให้รับประทานอาหาร low salt high protein
Severe feature of Pre-eclampsia &HELLP syndrome
หลักสำคัญที่สุด คือ ป้องกันชัก ควบคุม
ความดันโลหิต และยุติการตั้งครรภ์
รักษาแบบประคับประคอง (Expectant)
รับไว้ในโรงพยาบาล
ให้ stabilizer มารดาด้วย MgSO4
ให้ยาลดความดันโลหิต
GA ≥ 34 wk ควรให้คลอดหลังจากที่อาการ stabilizer
GA ≥ 24 wk ให้คลอดหลังจากที่ stabilize มารดาแล้ว ไม่แนะนำให้ Expectant management
GA 24 - 33 wk แนะนำให้ corticosteroid
รายที่ผ่าตัดคลอด แนะนำให้ Parentaral MgSO4
severe eclampsia แนะนำให้ MgSO4 เพื่อป้องกันการชัก
Eclampsia แนะนำให้ Parentaral MgSO4
absolute bed rest
เฝ้าระวัง ป้องกันภาวะชัก
Chronic hypersion
ถ้ามารดาและทารกในครรภ์ stable แนะนำให้ expectant management
ในรายอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ แนะนำให้ corticosteroid
แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย, แนะนำให้รับประทานอาหาร low salt high protein
Chronic hypersion with superimposed preeclampsia &severe feature
ในรายอายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ แนะนำให้คลอด
ในรายอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ แนะนำให้ corticosteroid แต่อาจพิจารณา expectant management ถ้ามารดาและทารกในครรภ์ stable
แนะนำให้ MgSO4
เฝ้าระวัง ป้องกันภาวะชัก
absolute bed rest
การใช้ยา
Labetalol ขนาดบรรจ 25 mg/5 ml
Hydralazine ขนาดบรรจ 25 mg/ 2ml
MgSO4
ปัสสาวะ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 มม./4 ชั่วโมง หรือ น้อยกว่า 25 มล./ชั่วโมง
หายใจ น้อยกว่า 14 ครั้ง/นาที
Patelar reflex : absent
ตรวจระดับของ serum MgSO4 4-6 ชั่วโมง หลังให้ยา และติดตามเป็นระยะ
(4.8-8.4 mg/dl.)
Nifedipine ขนาดบรรจ 10, 20 mg/แคปซูล
Nicardipine ในรูปแบบ Infusion pump ขนาดบรรจุ 2 mg/2ml, 10 mg/10 ml
Labetalol ในรูปแบบ Infusion pump 20 ampoule (500 mg/100 ml)
การคัดกรอง
วัด PB ถ้าได้ค่า ≥140/90 mm.Hg ให้นั่งพัก15นาที แล้ววัดซ้ำ ถ้ายัง≥140/90 mm.Hg ให้นอนพักแล้วส่งพบแพทย์
เจาะ Lab ส่งตรวจตามแผนการรกษาของแพท์ เช่น CBC+platelets count, BUN, Cr, Uric acid, LFT เป็นต้น
เก็บปัสสาวะ ตรวจ Urine Dipstick เพื่อหา Albumin ถ้าได้ผล ≥ +1 ถือว่าผิดปกติ
ดูแลให้ได้รับการ Admit ตามแผนการรักษาของแพทย์
ซักประวัติ ค้นหาภาวะเสี่ยง ได้แก่ เป็น PIH ในครรภ์ก่อน โรคไต โรคเบาหวาน อาการบวม เป็นต้น