Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีปัญหา :!: (ภาวะลำไส้เน่า อักเสบ(Necrotizing…
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีปัญหา :!:
ภาวะลำไส้เน่า อักเสบ(Necrotizing Enterocolitis:NEC)
สาเหตุ
1.ทารก preterm : การย่อย การดูดซึมไม่ดี ภูมิต้านทานยังไม่สมบูรณ์เชื้อโรคเข้าสู่ลำไส้ได้ง่าย ร่วมกับลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อย แบคทีเรียที่เข้าไปจึงเติบโตดี เกิดการเน่าตายของลำไส้
2.ลำไส้ขาดเลือดและออกซิเจน : ในภาวะที่ทารกขาดออกซิเจนจะมีปฏิกิริยา "diving reflex"คือ เลือดจะถูกดึงไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญและการไหลเวียนเลือดมาที่ลำไส้ลดลง ทำให้ขาดเลือดและเน่าตาย
3.การได้รับสารอาหารเร็วหรือมากเกินไป : ทารกการย่อยยังไม่ทำงานเต็มที่ มีสารอาหารค้างในลำไส้ ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียเจริญเร็ว เกิดการอักเสบลำไส้ตามมา
4.การติดเชื้อในลำไส้ : เชื้อที่พบบ่อย เช่น E.coli,Klebsiella,Straphylococcus เป็นต้น
อาการและอาการแสดง
1.Gastrointestinal : ท้องอืด กินได้ไม่ดี มีนมค้างในกระเพาะ มีเลือดปนในอุจจาระ
2.Systemic : ซึม อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง น้ำตาลในเลือดต่ำ
การรักษา
1.NPO ทันที
2.ใส่สายสวนกระเพาะทางปาก
3.ให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อ โดยทั่วไป คือ Ampicilin และ Gentamycin ถ้ามีลำไส้ทะลุควรใช้ Metronidazole หรือ Clindamycin
4.รักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
5.เริ่มให้อาหารทางลำไส้ ควรเริ่มด้วย สารน้ำเกลือแร่ นมเจือจาง ก่อนแล้วค่อยๆเพิ่ม
การประเมิน
การสัมภาษณ์
ระยะคลอด : ประวัติการตั้งครรภ์ของแม่ ทารกเกิดก่อนกำหนด APGAR score ต่ำ
ระยะหลังคลอด : มีการติดเชื้อ หยุดหายใจ ได้ใส่สายสวนหลอดเลือดแดงที่สายสะดือ
ตรวจร่างกาย
bloody stool , visible loops of bowel , hypotension , apnea/bradycardia , temperature instability
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจหาเลือดในอุจจาระ , Platelet count , ตรวจหาการแข็.ตัวของเลือด , เพาะเชื้อจากเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำไขสันหลังและน้ำในช่องท้อง
การตรวจพิเศษ
การถ่ายภาพรังสี (มีลำไส้โป่งพอง พบก๊าซแทรกอยู่ในลำไส้ พบก๊าซที่หลอดเลือด (portal vein) มีน้ำในช่องท้อง มีลมในช่องท้อง)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.เสี่ยงต่อภาวะลำไส้ทะลุเนื่องจากมีการติดเชื้อ
2.เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและอาหารเนื่องจากมีการจำกัดในการย่อยและดูดซึมของลำไส้
3.บิดาและมารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของบุตร
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตุการณ์ที่มีโอกาสเกิด NEC
2.บันทึก V/S มีการเปลี่ยนแปลงหากทารกมีภาวะ NEC ระวังทารกเสี่ยงต่อภาวะช็อค
3.จัดท่าทารกนอนศรีษะสูงเล็กน้อย เนื่องจากทารกมีอาการท้องอืด
4.ดูแลสารน้ำให้เพียงพอ
ภาวะติดเชื้อ(Neonatal Sepsis)
อาการและอาการแสดง
อาการทั่วไปจะคล้าย NEC แต่จะมีตัวลายเป็นจ้ำ หน้าท้องแดง ตับม้ามโต สั่น ชัก กระสับกระส่าย รีเฟลกซ์ลดลง ร้องเสียงแหลม มีจุดเลือดออก น้ำตาลในเลือดสูง
การรักษา
รักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ แบบครอบคลุมเชื้อ ได้แก่ Penicilin,Ampicilin,Gentamycin และหากมีการติดเชื้อที่สมองให้ใช้ Cefotaxine
รักษาเสริมภูมิคุ้มกัน : ฉีด IVIG , เสริมด้วยเม็ดเลือดขาว , การเปลี่ยนถ่ายเลือด
การประเมิน
1.ซักประวัติมารดาขณะตั้งครรภ์ เช่น ไข้ ผื่น
2.ตรวจร่างกาย
3.CBC และ Platelet count
อายุ 6 ชม. 5400-13000
อายุ 12 ชม. 7800-14500
อายุ 24 ชม. 7200-12600
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.ทารกมีภาวะติดเชื้อทั่วร่างกาย
การพยาบาล
1.ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังปฏิบัติการพยาบาล
2.ทำการพยาบาลโดยยึดหลัก Aseptic technique
3.ดูแลทำความสะอาดร่างกายทารก เพื่อป้องกันผิวจากเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ
4.แยกทารกที่มีการติดเชื้อ
5.ดูแลให้ได้รับภูมิคุ้มกันที่จำเป็น
6.ส่งเสริมให้ได้รับน้ำนมแม่เพื่อให้ทารกได้รับ IgG IgA antibody เฉพาะ
7.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
2.บิดามารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากการเจ็บป่วยของบุตร
การพยาบาล
1.เปิดโอกาสให้มารดาได้ถามหรือได้ระบายความรู็สึก
2.ให้มารดา บิดา ได้พูดคุยกับแพทย์เพื่อให้ทราบแผนการรักษา
3.ให้ความรู้บิดา มารดา เกี่ยวกับอาการสุขภสพของทารก
4.ให้มารดา บิดา ได้เข้าเยี่ยม ดูแลทารก
ภาวะตัวเหลือง(Neonatal Jaundice )
อาการและอาการแสดง
1.ระยะเฉียบพลัน : ซึมลง ไม่ยอมดูดนม ร้องเสียงแหลม ไข้ ชักเกร็ง เป็นต้น
2.ระยะเรื้อรัง : หูหนวก ชักเกร็ง การเคลื่นไหวร่างกายผิดปกติ
การรักษา
1.รักษาด้วยการส่องไฟ ()Phototherapy) ช่วยลดระดับ bilirubin ที่ไม่ละลายน้ำ ให้กลับมาละลายน้ำได้
2.การเปลี่ยนถ่ายเลือด (Exchange transfusion)
3.การรักษาด้วยยา
การประเมิน
1.ซักประวัติ ตรวจร่างกาย : ประวัติในครอบครัวมี Rh incompatibility ทารกแรเกิด APGAR score ต่ำ ตรวจร่างกายพบว่ามีใบหน้าเหลือง ลำตัว แขน ขา
2.ตรวจทางห้องปฏิบัติการ : ระดับ bilirubin ในกระแสเลือด หมู่เลือดแม่ลูก CBC Glucose-6-Phosphate เป็นต้น
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.เสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากระกับ bilirubin ในเลือดสูง
2.บิดา มารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของทารก
การพยาบาล
.1.ประเมินสภาพผิวหนังโดยกดบริเวณกระดูก
2.ประเมินปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ทารกตัวเหลืองมากขึ้น
3.ประเมินปริมาณนมแม่ที่ได้รับ ลักษณธ จพนวน ปัสสาวะ อุจจาระ
4.ประเมินบิดา มารดาเรื่องการรับรู้ เรื่องภาวะตัวเหลือง
ภาวะหายใจลำบาก(Respiratory Distress)
อาการและอาการแสดง
หายใจเร็ว มากกว่า 60 ครั้ง/นาที หน้าอกบุ๋ม การหายใจที่ทรวงอกและหน้าท้องไม่สัมพันธ์กัน หายใจมีเสียงคราง(moaning) ปีกจมูกบาน(flaring nose) มีปัสสาวะน้อยลงในระยะต่อมา
การประเมิน
1.ประวัติการคลอดก่อนกำหนดและปัจจัยส่งเสริม
2.สังเกตอาการและอาการแสดง
3.การถ่ายภาพรังสีปอด และพบ air bronchogram และหากรุนแรงมากปอดจะเป็นลักษณะ white out lesion
4.ผลการวิเคราะห์ก๊าซในเลือดจะมีลักษณะเลือดขาดออกซิเจน
การรักษา
1.keep Pao2=50-70 mmHg PaCO2=40-50 mmHg pH= 7.25-7.30
2.ให้สารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ควบคุมกรด-ด่าง ให้สารอาหารทางสายให้อหารและทางหลอดเลือดดำ
3.การรักษาอุณหภูมิกาย การให้เลือด การให้ยาปฏิชีวนะ
4.การใช้เครื่องช่วยหายใจกรณีมีภาวะรุนแรง
5.การรักษาด้วย Surfactant therapy
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.การแลกเปลี่ยนก๊าซบกพร่องเนื่องจากปอดเจริญไม่สมบูรณ์และขาดสารลดแรงตึงผิว
2.มีโอกาสติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากมีการใส่ท่อหลอดลมเป็นเวลานาน
3.มีโอกาสเกิดอุณหภูมิร่างกายต่ำ เนื่องจากระบบควบคุมอุณหภูมิไม่สมบูณ์
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ RDs โดยเฉพาะในทารกแรกเกิดก่อนกำหนด
2.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะหายใจลำบากทันทีหลังเกิด
3.ภาพถ่ายรังสีของปอด
4.ผลการวิเคราะห์ก๊าซในเลือด
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ(Hyperglycemia)
อาการและอาการแสดง
ซึม ไม่ดูดนม มีสะดุ้งผวา(Jitteriness) อาการสั่น(tremor) ตากรอกไปมา(Eye rolling) เหงื่อออก เป็นต้น
การวินิจฉัย
1.การตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด : น้อยกว่า 40-45 มก.ดล.
2.Serum Glucose Test :
การรักษา
ในทารกที่มีภาวะน้ำตาลต่ำ : DTX ทุกๆ30นาที-1ชม. ในรายที่ไม่แสดงอาการให้กกินสารละลายกลูโคสหรือนม รายที่แสดงอาการทุกรายให้สารละลาย10% Dextrose ทางหลอดเลือดดพำ 2 มล./กก.
ในทารกที่มีภาวะเสี่ยง : ฺDTX ภายใน 1-2 ชม.หลังเกิด และติดตามทุกๆ 1-2ชม. ใน 6-8ชม.แรก ถ้าระดับน้ำตาลปกติให้อาหารทางปาก หรือทางสายให้อาหาร หากไม่สามารถทานได้ให้ Dextrose 5% ทางหลอดเลือดดำ เริ่มที่อัตรา 4 มก./กก./นาที
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.ทารกมีภาวะเสี่ยงจากอันตรายจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
2.บิดา มารดามีความวิตกกังวลต่อการเจ็บป่วยของบุตร
กิจกรรมการพยาบาล
1.การซักประวัติ : ประวัติการตั้งครรภ์ การเจ็บป่วย การเป็นเบาหวาน อายุครรภ์ และการคลอดของมารดา เป็นต้น
2.การตรวจร่างกาย : ทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นเบาหวานทารกจะมีตัวใหญ่ อ้วน แก้มยุ้ย ผิวแดงเข้ม ผมและขนดกดำ สายสะดือและรกใหญ่
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : การตรวจหาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง