Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Dengue hemorrhagic fever (DHF)โรคไข้เลือดออก (อาการ (อาการเบื้องต้นคล้ายไ…
Dengue hemorrhagic fever
(DHF)โรคไข้เลือดออก
พยาธิสภาพ
โรคไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever) เชื้อไวรัสในกระแสเลือดจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทั้งแบบ Antibody, Cytokine และแบบพึ่งเซลล์ทำให้มีการสร้างDengue specific antibody (IgG, IgM, IgE) antiplatelet antibody ร่วมกับการหลั่งไซโตคีนชนิดต่างๆมีผลกระตุ้นระบบคอมพลีเมนต์, coagulation และ fibrinolysis ให้มีการเปลี่ยนแปลงของผนังเส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายจำนวนเกล็ดเลือดลดลงการทำหน้าที่บกพร่องและอายุสั้นลงมาก ในระยะวิกฤติการแข็งตัวของเลือดบกพร่อง (coagulopathy) และมีDIC (dissminted Intravascular Coagulation) ทำให้เลือดออกมากมีการรั่วของพลาสมาออกมานอกหลอดเลือดเลือดมีความหนืดเพิ่มขึ้นทำให้ค่าฮีมาโตรคริตสูงหัวใจต้องท้างานหนักและถ้ามีการรั่วของพลาสมามากก็จะทำให้เกิดภาวะ Hypovolemic shock
ระยะของโรคไข้เลือดออก
ระยะที่1ระยะไข้สูงผู้ป่วยจะมีไข้สูงซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันมีลักษณะใข้สูงลอยตลอดเวลา (กินยาลดไข้ก็มักจะไม่ลด) หน้าแดงตาแดงปวดศรีกระหายน้ำผู้ป่วยจะซึมมักมีอาการเบื่ออาหารและอาเจียนร่วมด้วยเสมอ
ระยะที่ 2 ระยะช็อกและมีเลือดออกมักจะพบในผู้ป่วยใช้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อเด็งกี่ที่มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ4อาการจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค
ระยะที่3ระยะฟื้นตัวในรายที่มีภาวะซ็อกไม่รุนแรงเมื่อผ่านช่วงวิกฤติไปแล้วก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาการ
อาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัดทั่วไป
อาการมีไข้สูงตัวร้อนปวดหัวปวดเมื่อยอ่อนเพลียแต่ผู้ป่วยใช้เลือดออก
อาการที่รุนแรง
มีใข้สูงมากปวดหัวมากปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั่วลำตัวในบางรายอาจคลื่นไส้อาเจียนอาจพบผืนแตงหรือจำเลือดใต้ผิวหนังทั่วตัวอาการแสดงที่รุนแรงกว่า
สาเหตุ
เกิดจากยุงลายเพศเมียที่เป็นพาหะของโรคดูดเลือดของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่จากนั้นไวรัสเดงกี่จะเติบโตภายในท้องของยุงลายเมื่อยุงลายกัดคนอื่นต่อไปเชื้อไวรัสนี้ก็จะแพร่เข้าสู่ร่างกายผู้ที่ถูกกัดไปด้วย
การรักษา
การรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกนั้นยังไม่มียารักษาเฉพาะโรค เป็นการรักษาประคับประคองตามอาการอย่างใกล้ชิดทโดยทั่วไปผู้ป่วยไข้เลือออกจะมีไข้สูงมากและปวดหัวรุนแรงเบื้องต้นจึงใช้ยาระงับอาการคือ Acetaminophen หรือพาราเซตามอลซึ่งเป็นยาแก้ปวดและลดไข้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินซึ่งจะมีผลต่อเซลล์เม็ดเลือดอาจกระทบต่อภาวะที่มีเลือดออกซึ่งทำให้อาการแย่ลงในกรณีที่ผู้ป่วยอาเจียนและอ่อนเพลียจากไข้แพทย์จะให้น้ำเกลือเพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกายนอกจากนี้เป็นการรักษาตามอาการที่ป่วยและเฝ้าระวังการเกิดอาการแทรกซ้อน
การพยาบาล
เช็ดตัวเมื่อมีไข้ด้วยน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นหรือรับประทานยาลดไข้งดยากลุ่มแอสไพริน
ดูแลรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย
ดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำผลไม้งดอาหารสีดำแดงน้ำตาล
สังเกตภาวะเลือดออกจากอวัยวะต่างๆของร่างกาย
ระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่เป็นสาเหตุของเลือดออกเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ เช่น งดออกกำลังกาย งดแปรงฟัน
การวินิจฉัย
สังเกตอาการด้วยตนเองหากมีไข้สูงเฉียบพลันปวดหัวหรือมีผื่นแดงหรือห้อเลือดควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อพบแพทย์แพทย์จะตรวจวัดความดันโลหิตสังเกตลักษณะอาการที่แสดงพร้อมกับการซักประวัติผู้ป่วยเพื่อดูความเสี่ยงและโอกาสว่าผู้ป่วยอยู่ในบริเวณที่มีการระบาดของไข้เลือดออกหรือไม่และอาจตรวจเลือดเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดร่วมด้วย