Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Research-Based "…
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
🌍 CIPPA (ทิศนา เเขมมณี)
การจัดการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เเนวคิด
C : construction ; เรียนรู้ด้วยตนเอง เกิดความรู้ที่มีความหมายกับตน
I : interestion ; ปฏิสัมพันธ์เพื่อน ครู ชุมชน แหล่งความรู้ เกิดการเข้าสังคม
P : Process ; กระบวนการคิด แก้ปัญหา กลุ่ม แสวงความรู้ เกิด ส่วนร่วมทางสติปัญญา
P : Physical ; การเคลื่อนไหวร่างกาย เกิดส่วนร่วมทางกายภาพ
A : Application ; เชื่อมโยงทฤษฎีสู่การใช้จริง เกิดกิจกรรมพัฒนาทักษะหลายด้าน
วัตถุประสงค์
มุ่งพัฒนาให้เกิดความรู้ เข้าใจเรื่องที่เรียน พัฒนาการคิด สร้างองค์ความรู้เป็นของตน โดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มสมาชิก
7️⃣ ขั้นตอน
1️⃣ ทบทวนความรู้เดิม
2️⃣ เเสวงหาความรู้ใหม่
3️⃣ศึกษาข้อมูลความรู้ใหม่
4️⃣เเลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม
5️⃣สรุปและจัดระเบียบความรู้
6️⃣ปฏิบัติและเเสดงผลงาน
7️⃣ประยุกต์ใช้ความรู้
Inquiry cycle แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)
🙏(พื้นฐานจากทฤษฎี constructivism ซึ่งมีรากฐานจาก ทฤษฎีสติปัญญาของ piaget)✌️
เเนวคิด
ทุกคนมีพัฒนาเชาว์ปัญญาเป็นลำดับชั้น มีการปรับตัวทางการดูดซึมและปรับโครงสร้างทางปัญญาให้อยู่ในสภาพที่สมดุล
รูปแบบ
😀Engagement : สร้างความสนใจ ; อาจใช้คำถามชักนำ หรือ ไขปริศนาจากความเดิมตอนที่แล้ว
😃😃 Exploration : การค้นหาและสำรวจ ; ให้สำรวจความสนใจและตามไปศึกษาแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังอย่างคร่าวๆ
😄😄😄 Explaination : การอธิบาย ; ให้อธิบายสิ่งที่ตนศึกษามาโดยละเอียด พร้อมตอบคำถามของเพื่อนๆ
😅😅😅😅 Elaboration : การขยายความรู้ ; ครูสรุปข้อสงสัยและชี้เเนะการประยุกต์ใช้ความรู้
🤣🤣🤣🤣🤣 Evaluation : ประเมินผล ; นักเรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับ ในระหว่างเรียนด้วย
จุดประสงค์
นักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าด้วยตนเองโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์
4 MAT cycle (Mc Cathy & Morris 1990)
เเนวคิด
มาจากเเบบเรียนรู้ของผู้เรียน 4️⃣ แบบ ของ Kolb
กับเทคนิคพัฒนาสมองซีกซ้าย-ขวาอย่างสมดุล
IF : เรียนแบบพลวัตร วิธีการค้นพบด้วยตนเอง
WHY : ใช้จินตนาการ วิธีการอภิปรายโต้ตอบ
HOW : เรียนด้วยประสาทสัมผัสและสามัญสำนึก วิธีการปฏิบัติ
WHAT : เรียนแบบคิดวิเคราะห์และเก็บรายละเอียด วิธีการแสวงหาความรู้
วัตถุประสงค์
ผู้เรียนใช้สมองทุกส่วนอย่างสมดุล
รูปแบบผู้เรียน 4 แบบ
เป็นผู้ที่มีความสนใจในความหมายเป็นผู้ที่มีความสนใจในความหมายส่วนตัว
เป็นผู้ที่สนใจในข้อเท็จจริง
เป็นผู้ที่มีความสนใจในวิธีต่างๆ ที่สามารถลงมือปฏิบัติ
เป็นผู้ที่มีความสนใจในเบื้องต้นในการค้นพบความรู้ด้วยตนเอง
ขั้นตอน
ผู้เรียนแบบที่1
WHY ทำไมต้องเรียนเรื่องนี้?
1️⃣ สร้างคุณค่าและประสบการณ์ของผู้เรียน;เน้นคิด
2️⃣ วิเคราะห์ประสบการณ์;concept mapping and Brainstorming
ผู้เรียนเเบบที่2
WHAT เราเรียนอะไรกัน?
3️⃣ปรับประสบการณ์เป็นความคิดรวบยอด;เปรียบเทียบจัดลำดับความสำคัญ
4️⃣พัฒนาความคิดรวบยอด;ใช้ทฤษฎีที่ลึกซึ้งเพื่อให้เข้าใจทั้งนี้ต้องมีแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเข่นสาธิต ทดลอง ห้องสมุด มัลติมีเดีย
ผู้เรียนแบบที่3
HOW เราเรียนเรื่องนี้อย่างไรกัน?
5️⃣ลงมือปฏิบัติตามกรอบแนวคิดที่กำหนด;เน้นทดลองจากใบงาน สรุปผล ซักถาม
6️⃣สร้างชิ้นงานสะท้อนความเป็นตนเอง;เน้นเเสดงความสนใจ ถนัด อย่างเป็นรูปธรรม
ผู้เรียนแบบที่4
IF ถ้าเรียนแบบนี้เเล้วนำไปใช้อย่างไรกัน?
7️⃣วิเคราะห์คุณค่าและประยุกต์ใช้;เน้นการpresentงานของตนเองในด้านวิธีการใช้ ข้อดี ข้อจำกัด การบูรณาการ
8️⃣เเลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้จากผู้อื่น;เน้นการจัดนิทรรศการ ป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อแบ่งปันโอกาสทางการเรียนรู้ของตนเเละผู้อื่น
Synectic (joyce and weil)
การคิดสร้างสรรค์
เเนวคิด
พัฒนามากจากแนวคิดของ Gordon
"บุคคลยึดติดกับความคิดเดิม ๆ จึงทำให้ความคิดคับเเคบไม่สร้างสรรค์"
แนวคิดอุปมาอุปไมย
"เพื่อกระตุ้นความคิดใหม่ ๆ "
เปรียบเทียบเเบบตรง Direct Analogy
เปรียบเทียบบุคคลกับสิ่งของ personal Analogy
เปรียบเทียบคู่ขัดเเย้ง Compressed Analogy
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เกิดเเนวคิดใหม่ที่เเตกต่างไปจากเดิม
6️⃣ขั้นตอน
ขั้นนำ :warning: ให้นักเรียนทำงานอะไรก็ได้ เสร็จแล้วเก็บไว้ก่อน
ขั้นการเปรียบเทียบเเบบตรง :warning: เสนอคำคู่เพื่อนักเรียนเปรียบเทียบหลายๆ คู่ จากนั้นจดไว้บนกระดาน โดยคำคู่ต้องสัมพันธ์กับงานที่ให้ทำ
ขั้นการเปรียบเทียบบุคคลกับสิ่งของ :warning: ให้นักเรียนเล่นบทบาทสมมติแล้วเเสดงความรู้สึกออกมา และครูจดคำตอบไว้บนกระดาน
ขั้นการเปรียบเทียบคู่ขัดเเย้ง :warning: ครูให้นักเรียนนำคำในขั้น2,3 มาเปรียบเทียบให้มันขัดเเย้งกัน เช่น ไฟเย็น
ขั้นการอธิบายความหมายคำคู่ขัดเเย้ง :warning: ร่วมกันอธิบายความหมายคำในขั้นที่4
ขั้นการนำความคิดใหม่มาสร้างสรรค์ :warning: ครูให้นำงานของตนในขั้นที่ 1 มาใช้กับความคิดใหม่ในขั้นที่ 5
Advance organizer (Joyce and weil)
"นำเสนอมโนมติล่วงหน้า"
แนวคิด
อาศัยเเนวคิดของ Ausubel
"การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผู้สอนควรวิเคราะห์หาความคิดรวบยอดย่อยๆ จากผังมโนทัศน์ จากนั้นหาความคิดรอบยอดใหญ่ที่ครอบคลุมความคิดย่อยๆ เหล่านั้น"
วัตถุประสงค์
เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงความรู้เดิมสู่ใหม่
เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย
4️⃣ขั้นตอน
เตรียมมโนทัศน์กว้าง :red_flag: การ preview บทเรียน
นำเสนอมโนทัศน์กว้าง :red_flag: แจ้งวัตถุประสงค์บทเรียน,บรรยายสั้นๆ , แสดงผัง , ยกตัวอย่าง , การเปรียบเทียบ
3.นำเสนอเนื้อหาใหม่ๆ :red_flag: เสนอสาระที่จะสอน
จัดโครงความรู้ :red_flag: ผสมผสานความรู้ กระตุ้นตื่นตัว ทำความกระจ่างในสิ่งที่เรียนรู้
Problem based (Borrow s & Tamblyn)
"ปัญหาเป็นฐาน"
แนวคิด
"การเรียนรู้เกิดจาการลงมือทำ"
ของ John Dewey
พัฒนาขึ้นครั้งเเรกในคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ของมหาวิทยาลัย Mcmaster in canada
วัตถุประสงค์
มีทักษะกการสืบค้นข้อมูล กระบวนการคิด แก้ปัญหา สร้างสรรค์ จิตวิญญาณ กลุ่มบันทึก และอภิปราย
ทักษะในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและมีเหตุผล
วางเเผนเรียนรู้ด้วยตนเอง
6️⃣ขั้นตอน
ขั้นกำหนดปัญหา
ทำความเข้าใจปัญหา
3.ดำเนินการศึกษาค้นคว้า
4.สังเคราะห์ความรู้
5.สรุปและประเมินค่าคำตอบ
นำเสนอและประเมินผลงาน
Project-Based
"แบบโครงงาน"
แนวคิด
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ลงมือปฏิบัติดเวยตนเองตามความสามารถ ถนัด สนใจ อาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
วัตถุประสงค์
ให้นักเรียนใช้ความรู้ ความสามารถหลายด้านสร้างผลงานออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดคล้องกับชีวิตจริง
5️⃣ ขั้นตอน
กำหนดเนื้อหาสาระตามความสนใจ
2.กำหนดประเด็น
3.วางแผนจัดทำ
4.ดำเนินกิจกรรมตามขั้นตอน
5.เขียนรายงาน(นำเสนอ)
Brain-Based
"สมองเป็นฐาน"
แนวคิด
❤️อะไรดีต่อสมอง?
💙สอนอย่างไร?ให้สมองสามารถเรียนรู้ได้
รวบรวมทักษะความรู้เพื่อนำมาส่งเสริมการทำงานสมอง
การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
วัตถุประสงค์
เพื่อนำหลักการทำงานของสมองประกอบด้วยสหวิชา
เคมี,ชีววิทยา,ประสาทวิทยา,จิตวิทยา,สังคมวิทยา
อธิบายคงามสัมพันธ์ของการเรียนรู้และสมอง
5️⃣ขั้นตอน
1.เตรียมสมอง : ให้กำลังใจ หรืออภิปรายที่เคยได้เรียนมา
2.ให้ความรู้ใหม่ : ซึมซับความรู้เพิ่มเติมอย่างสร้างสรรค์
3.ทำความเข้าใจอย่างละเอียด : ใช้ข้อมูลและข้อคิดเห็นสนับสนุน
4.จดจำสิ่งที่เรียนรู้ : การสร้างความจำเกิดขึ้นขณะนอนหลับ,พักผ่อน
5.บูรณาการความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
Research-Based
"วิจัยเป็นฐาน"
แนวคิด
การสอนต้องสอนใหเนักเรียนรู้จักวิธีเรียน
มุ่งให้นักเรียนมีเครื่องมือในการเเสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
ครูมีหน้าที่ทั้งสอน+วิจัยควบคู่
วัตถุประสงค์
เพื่อเรัยนรูัทั้งเนื้อหาสาระและกระบวนการแสวงหาความรู้หรือกระบวนการวิจัยควบคู่ และมันเกิดขึ้นตลอดชีวิต
6️⃣ขั้นตอน
1.ระบุปัญหา : ตั้งคำถาม
ตั้งสมมติฐาน : คาดเดาคำตอบ
3.พิสูจน์สมมติฐาน : ตรวจสอบ
4.รวบรวมข้อมูล : หาแหล่ง เก็บ สร้างเครื่องมือ
5.วิเคราะห์ข้อมูล : ใช้สถิติต่างๆ
สรุปผล : การตอบสมมติฐาน
ระดับความเข้มของนักเรียน
ที่ส่งผลต่อการเรียนแบบนี้
1.ศึกษาหลักความรูัจากตำรา เอกสาร
2.ผลการวิจัยจากการศึกษาด้วยตนเอง
3.ศึกษาจากงานวิจัยโดยตรง
ทำรายงานเชิงวิจัย
5.ทำวิจัยขนาดจิ๋ว
6.ทำวิจัยภายใต้การนิเทศ/ผู้ช่วย
7.การทำวิทยานิพนธ์
SSCS (Pizzni,Sheptadson and Abell)
แนวคิดและวัตถุประสงค์
พัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหาของนักเรียน ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ และเเสวงหาคำตอบของปัญหาที่เกิดขึ้น
4️⃣ ขั้นตอน
Saerch ค้นหาคำตอบ : ระดมสมองเพื่อระบุปัญหา
Solve แก้ไขปัญหา :วางเเผนสำหรับหาคำตอบ เลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
Create สร้างสรรค์คำตอบ :อธิบายคำตอบและวิธีการหาคำตอบ
Share แลกเปลี่ยนพร้อมแบ่งปัน : การสื่อสารการค้นพบวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
Management Emphasizing Critical Thinking
"เน้นการคิดวิจารณญาณ"(สิทธิพล อาจอินทร์)
แนวคิดและวัตถุประสงค์
เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาควาคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนเพื่อให้เรียนรู้เนื้อหาสาระตามหลักสูตรและฝึกกระบวนการคิดฯด้วย
6️⃣ ขั้นตอน
ครูเเจ้งวัตถุประสงค์การเรีบนให้นักเรียนทราบ (เตรียม)
ครูเสนอประเด็นปัญหา ชวนสงสัย ทำความเข้าใจปัญหา(เสนอสถานการณ์)
3.จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนเเต่ละคนคิดตาม พิจารณาความน่าเชื่อถือ (คิดรายบุคคล)
เเบ่งกลุ่มเพื่อนนำเสนอผลการคิดให้สมาชิกในกลุ่มเเสดงความคิดเห็น(คิดกลุ่มย่อย)
5.จากกลุ่มย่อยสู่ศูนย์กลางเพื่อประเมินความคิดของตนและกลถ่มอื่นว่าต่างหรือเหมือนกัน เพราะเหตุใด หาข้อสรุปร่วมกัน(นำเสนอพร้อมอภิปราย)
มีกระบวนการคิดอย่างไรบ้าง (ประเมินกระบวนการคิด)
Management Emphasizing Analytical Thinking "เน้นการคิดวิเคราะห์" (สิทธิพล อาจอินทร์)
แนวคิดและวัตถุประสงค์
เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาควาคิดวิเคราะห์ของนักเรียนเพื่อให้เรียนรู้เนื้อหาสาระตามหลักสูตรและฝึกกระบวนการคิดฯด้วย
5️⃣ ขั้นตอน
1.ปฐมนิเทศ : ครูเเจ้งวัตถุประสงค์การเรัยนให้นักเรียนทราบ
2.นำเสนอบทเรียน
3.ฝึกคิด
รายบุคคล : 5W1H >> mapping
กลุ่มย่อย : present your work for meeting,อภิปรายและรับฟังความคิดของผู้อื่น ฝึกเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์
นำเสนอและอภิปรายผลการคิด : หาข้อสรุป
5.สรุปบทเรียน : สรุปบทเรียนเป็นองค์ความรู้ใหม่
5STEPs
"การเรียนรู้ 5 ขั้น"
แนวคิดและวัตถุประสงค์
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 , 2545,2553 ม.22-24
เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและให้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนรู้ สร้างความรู้ด้วยตนเอง และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร๋
5️⃣ ขั้นตอน
Learning to Question : ระบุคำถาม = สังเกตสิ่งเร้า,ตั้งคำถาม,สมมติฐาน.
Learning to search : เเสวงหาสารสนเทศ = วางเเผนรวบรวม,รวบรวมข้อมูล,วิเคราะห์เเละสื่อสารความหมาย
Learning to construct : สร้างความรู้ = อภิปรายสร้างคำถามด้วยตัวนักเรียนและเชื่อมโยงความรู้สู่คำอธิบายโดยครู
Learning to Communicate : สื่อสาร = นำเสนอความรู้,ด้วยวาจาและหน้าชั้นเรียน
Learning to service : ตอบเเทนสังคม = ประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์ใหม่ๆ ,สร้างผลงานและภารกิจแก่สะงคมอย่างเป็นรูปธรรม
Opened Approach
"วิธีการเปิด"
แนวคิดและวัตถุประสงค์
คำนึงความเเตกต่างระหว่างบุคคล
ความสามารถแก้ไขปัญหาต่างกัน
นักเรียนพัฒนาตนเองตามกระบวนการ
โดยใช้สถานการณ์ปัญหาปลายเปิด
4️⃣ ขั้นตอน
นำเสนอปัญหาปลายเปิด ให้กลายเป็นปัญหาของนักเรียนให้ได้
2.เรียนรู้ด้วยตนเอง
3.อภิปรายทั้งชั้นและการเปรียบเทียบ
4.สรุปโดยนำเเนวคิดของนักเรียนที่เกิดขึ้นในช้้นเรียน
STEM
"สะเต็มศึกษา"
วัตถุประสงค์
เสริมประสบการณ์ ทักษะชีวิต ความคิดสร้างสรรค์
เตรียมความพร้อมนักเรียนต้องใช้องค์ความรู้จาก วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี
5️⃣ ขั้นตอน
ระบุปัญหา
ค้นหาแนวคิดที่เกี่ยวข้อง
วางเเผนและพัฒนา
ทดสอบประเมินผล
การนำเสนอผล