Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

(ความดันโลหิตสูงในสตรีตั้งครรภ์ (Pregnancy Induced Hypertension)…

- - - - การวินิจฉัยภาวะ
        
        ผู้ป่วยที่มีโปรตีนในปัสสาวะอยู่เดิม
        
        ใช้เกณฑ์การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะสูงขึ้นอย่างชัดเจน
        
        ใช้เกณฑ์ความดันโลหิต
        
        Systolic สูงขึ้น 30 mmHg
        
        Diastolic สูงขึ้น 15 mmHg
        
        เกล็ดเลือดน้อยกว่า 100,000 ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร
        
        ผู้ป่วยที่ไม่มีโปรตีนในปัสสาวะอยู่เดิม
        
        ใช้เกณฑ์การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ 300 มก. ต่อ 24 ชั่วโมง
      - ภาวะ Preeclampsia ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีภาวะ Chronic Hypertension
    - - ไม่มีโปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) เมื่อติดตามจนหลังคลอด 12 สัปดาห์ ความดันโลหิตจะต้องลดลงเป็นปกติ
    - - Severe Preeclampsia
        
        อาการ
        
        จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ตาพร่ามัว
        
        ปวดศีรษะ
        
        โปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 2 มก./วัน (dipstick 3+ หรือ 4+)
        
        Edema 3+ หรือ 4+
        
        BP ตั้งแต่ 160/110 mmHg ขึ้นไป
      - Mind Preeclampsia
        
        BP น้อยกว่า 140/90 - 160/110 mmHg
        
        Edema 1+ หรือ 2+
        
        โปรตีนในปัสสาวะน้อยกว่า 2 มก./วัน (dipstick 1+ หรือ 2+)
    - - ภาวะชัก ซึ่งหาสาเหตุอื่นไม่พบในผู้ป่วย Preeclampsia
    - - ความดันโลหิตสูง ซึ่งพบก่อนการตั้งครรภ์หรือก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ หรือ ภาวะความดันโลหิตสูงยังคงอยู่นานกว่า 12 สัปดาห์ หลังคลอด
  - - - ระบบโลหิตวิทยา
        
        ทำให้เม็ดโลหิตแดงและเกร็ดเลือดถูกทำลายมากขึ้น ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดแดงแตกและเกร็ดเลือดลดน้อยลง ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่า HELLP syndrome
        
        H : Hemolysis of red blood cell
        
        EL : Elevated liver enzymes
        
        อาการแสดงของ HELLP
        
        มักพบตั้งแต่สัปดาห์ที่ 17 ของการตั้งครรภ์ไปจนถึงระยะหลังคลอด 1สัปดาห์
        
        ปัจจุบันพบบ่อยที่สุดในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังคลอด
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        การตรวจเอนไซม์ในตับ จะพบการเพิ่มของ ALT และ AST ซึ่งหมายความว่ามีการตายของเนื้อตับและมีเลือดออกในตับแล้ว
        
        พบมี thrombocytopenia (เกร็ดเลือดน้อยกว่า 100,000 L) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเกิดภาวะเลือดไม่แข็งตัวแล้ว
        
        การตรวจเม็ดเลือดแดง จะพบ small irregularly shaped red cells และ echincoytes (Burr cells)
        
        LP : Low platelet count
      - ระบบการทำงานของตับ
        
        การถูกทำลายของ endothelial มักพบว่ามีการเกิดรอยโรคในตับ
        
        มีเลือดออกและเกิดการตายของเนื้อเยื่อในตับ
        
        การมีเลือดออกจากรอยโรคมักเกิดบริเวณแคปซูนของตับ หรือถ้ารุนแรงก็อาจเกิดภาวะแคปซูนแตก (capsule rupture)
        
        ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนนี้จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดบริเวณชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องผ่าตัดอย่างรีบด่วน เพื่อป้องกันการเสียชีวิตทั้งมารดาและทารก :!:
      - ระบบประสาท
        
        เส้นเลือดในสมองหดเกร็ง ประกอบกับมีการทำลายของ endothelial cells ในสมองทำให้เนื้อเยื่อในสมองบวม มีเลือดออก และเกิดเนื้อตาย
        
        ส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์จะมีอาการ
        
        เกิดปฏิกิริยาสะท้อนที่เร็วเกินไป (hyperreflexia)
        
        ปวดศีรษะ
        
        ระดับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง มีการชักเสมอเมื่อเกิดพยาธิสภาพที่สมอง
        
        มีการกระตุกสั่นของกล้ามเนื้อ (clonus)
        
        เห็นภาพเบลอ ภาพซ้อน หรืออาจมองไม่เห็น
      - ระบบหัวใจและหลอดเลือด
        
        มีการเพิ่มของเลือดที่ออกจากหัวใจอย่างมากในระยะต้น ๆ ของการดำเนินของโรค ประกอบกับการมีภาวะเส้นเลือดบีบรัดตัวและเกิดภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้น
        
        จะส่งผลให้เกิดภาวะ low preload และ high afterload
        
        เส้นเลือดหดรัดตัวทั่วร่างกาย
        
        มีผลทำให้เกิดการทำงานของหัวใจล้มเหลว (cardiac decompensation)
        
        การกำซาบของเนื้อเยื่อในสมองและไตลดลง
      - การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อมดลูกและรก
        
        มีผลทำให้เส้นเลือดในแนวเฉียงของมดลูก (spiral arteries) มีการเปลี่ยนแปลง เส้นเลือดแคบลงและเหยียดออกจาก intervillous space ซึ่งเป็นส่วนที่รกสัมผัสกับกล้ามเนื้อ
        
        มีผลทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงบริเวณรกน้อยกว่าปรกติ การที่เส้นเลือดไปเลี้ยงรกน้อยกว่าปรกติ จึงมีผลต่อทารกทำให้ทารกได้รับเลือดจากแม่น้อยลง ทำให้ทารกในครรภ์มีขนาดเล็กกว่าปรกติ (IUGR) :warning:
      - ระบบการทำงานของปอด
        
        เกิดภาวะปอดบวม ผลมาจากการลดลงของ plasma oncotic pressure และการเพิ่ม permeability ในเส้นเลือดชั้น endothelial ทำให้มีน้ำเข้าสู่ pulmonary interstitial space
      - ระบบปัสสาวะ
        
        มีการทำลายชั้น endothelial ของเส้นเลือดในไต มีผลทำให้เซลล์ของโกลเมอร์รูล่าร์รวม (glomerular cells) แคพพีราร่า ลูพส์ (capillary loops) ขยายและหดรัดจากภาวะเส้นเลือดหดรัดตัวทำให้เกิดภาวะกำซาบและการไหลผ่านของหลอดในไตลดลง
        
        ทำให้ creatinine และ uric acid เพิ่มขึ้น พบโปรตีนในปัสสาวะ โดยมักจะพบในระยะท้าย ๆ ของการเป็น
        
        ภาวะปัสสาวะจะเป็นเลือดสามารถพบได้ถ้าเม็ดเลือดแดงแตก มักจะพบในรายที่รุนแรงและอาจพบปัสสาวะออกน้อยและไตวายได้ในที่สุด