Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคลิ้นหัวใจไมตรัลตีบ (mitral stenosis) Dx.Severe Mitral Stenosis CC…
โรคลิ้นหัวใจไมตรัลตีบ (mitral stenosis) Dx.Severe Mitral Stenosis CC:มาตามนัด ทำCoronary atery angiography PI:2เดือนก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการแขนขาซีกซ้ายอ่อนแรง ปากเบี้ยวซีกขวา ได้รับการ Echo พบ Rhuematic moderate to severe MR,mild TR,preserve LV systolic function(EF=51%) CAG=normal
สาเหตุ
เกิดจากการอักเสบที่ชั้น endocardium, myocardium และ pericardium โดย endocarditis ที่เกิดขึ้นทำให้มี fibrosis ที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ left atrial pressure สูงขึ้นมี pulmonary venous congestion และ left atrium ขยาย ขนาดโตขึ้นอาจเกิด atrial fibrillation แล้วเกิด colt ใน left atriumซึ่งเสี่ยงต่อ systemic embolization
systemic embolization ส่งผลทำให้เกิด Stroke จากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นไหลไปตามกระแสเลือดจนไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง และขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนอุดตันหลอดเลือดสมอง
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น เหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก functional classification 4 ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจและมีอาการใจสั่น เหนื่อยหรือเจ็บหน้าอก ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันทุกชนิดได้
พยาธิสรีรภาพ
การตีบของลิ้นหัวใจไมตรัลทำให้หัวใจห้องบนซ้ายต้องเพิ่มแรงบีบตัวเพื่อให้เลือดไหลผ่านลิ้นที่ตีบเข้าสู่หัวใจห้องล่างซ้าย จึงทำให้ความดันในห้องหัวใจบนซ้ายสูงขึ้น ส่งผลให้ระยะต่อมาจะมีการเพิ่มขึ้นของความต้านทานในระบบไหลเวียนเลือดที่ปอด
เกิดภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง (pulmonary hypertension) และปอดบวมน้ำ (pulmonary congestion) ในระยะยาวจะทำให้เกิดภาวะหัวใจด้านขวาล้มเหลวได้ (right-sided herat failure) ขณะที่หัวใจห้องล่างซ้ายแม้ยังมีการหดตัวได้ตามปกติแต่ปริมาณเลือดที่ไหลเข้าจะลดลง ทำให้มีปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงร่างกาย (cardiac output) ลดลงเช่นกัน
ขณะเดียวกันการออกแรงทำงานเพิ่มขึ้นของหัวใจห้องบนซ้ายยังทำให้กล้ามเนื้อหัวใจห้องบนซ้ายขยายขนาดและหนาตัวขึ้น (hypertrophy) ส่งผลให้เซลล์สร้างกระแสประสาท (pacemaker cell) ในชั้นผนังกล้ามเนื้อหัวใจถูกรบกวนและส่งสัญญาณผิดปกติ เกิดการเต้นสั่นพลิ้วของหัวใจห้องบน(atrial fibrillation, AF)
เมื่อเกิด AF ส่งผลให้การหดตัวของหัวใจห้องบนไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ง่ายต่อการตกตะกอนของเลือด เกิดลิ่มเลือดในระบบไหลเวียนได้ หากลิ่มเลือดไหลไปอุดกั้นบริเวณหลอดเลือดหัวใจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด (myocardial infarction) หรือเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) เมื่อไปอุดกั้นหลอดเลือดสมอง หรือหากอุดกั้นหลอดเลือดส่วนปลายจะพบการขาดเลือดของเนื้อเยื่อโดยเฉพาะปลายเท้า
-
-
-
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
1.Carvedilol 6.25mg 1x1 o pc ใช้เพราะผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็น Hypertention ร่วมกับมีพยาธิสภาพที่หัวใจ
2.Warfarin 3mg 1/2x1 o hs /1x1 o hs ใช้เพราะผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม จำเป็นต้องได้รับยานี้ เพื่อละลายลิ่มเลือด ประมาณ 3-6สัปดาห์
-
-